“Joe Fath” ติดปีกให้กองทุนเก่าแก่ - Forbes Thailand

“Joe Fath” ติดปีกให้กองทุนเก่าแก่

FORBES THAILAND / ADMIN
02 Aug 2022 | 08:00 PM
READ 2273

กองทุนเน้นการเติบโตของ Joe Fath จะสามารถเอาชนะพอร์ตกองทุนดัชนีได้หรือไม่ เขาอาจทำสำเร็จได้ด้วยเดิมพันสุดเสี่ยงอย่าง Rivian

Joseph Fath นักการเงิน ซึ่งอยู่ในชุดเสื้อสวมศีรษะสีน้ำเงินของทีมเบสบอล Chicago Cubs พร้อมแว่นกันแดดเพื่อป้องกันลมแรงและแสงสะท้อนจากพื้นผิวถนน ได้โชว์ลีลาการหักเลี้ยวด้วยรถรุ่น Corvette สีแดงและขาว ปี 1957 ที่ตัวเขาเป็นเจ้าของ “รอดูตอนที่เจ้าเด็กน้อยแล่นออกถนนใหญ่ดีกว่า” Fath กล่าว ในขณะที่เครื่องยนต์ของรถเปิดประทุนคันนี้ส่งเสียงคำราม คนขับรถบรรทุกที่ขับรถเคลื่อนผ่านไปก็บีบแตรเหมือนเป็นการขานรับพอดิบพอดี Fath สะสมและแต่งรถยนต์จากทศวรรษ 1950 จนถึงทศวรรษ 1960 หากแต่รถยนต์คันที่สำคัญที่สุดในโรงรถของเขากลับเป็นยานยนต์รุ่นใหม่อย่างรถกระบะ R1T จาก Rivian แบรนด์ยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า Rivian เป็นหุ้นตัวทำคะแนนที่โดดเด่นที่สุดตัวหนึ่งของ Fath ในฐานะผู้จัดการของกองทุน T. Rowe Price Growth Stock Fund ในระยะเวลาอันสั้นเพียง 2 ปีกองทุนนี้ได้ลงทุนเพิ่มมากกว่า 5 เท่าใน Rivian หรือจาก 928 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 4.8 พันล้านเหรียญในช่วงสิ้นปี 2021 Fath วัย 50 ปีได้บริหารกองทุนเน้นการเติบโตมูลค่า 6.2 หมื่นล้านเหรียญนี้มาเป็นระยะเวลา 8 ปี ผู้จัดการกองทุนเป็นงานที่ต้องอาศัยความทุ่มเทอย่างมาก การวางเดิมพันที่ผิดพลาดเพียงไม่กี่ครั้งอาจส่งผลกระทบกับค่าธรรมเนียมการจัดการที่ T. Rowe Price ได้รับจากกองทุนนี้เพียงกองทุนเดียวซึ่ง Forbes คาดการณ์ว่าอยู่ที่ราว 350 ล้านเหรียญต่อปี หรือประมาณครึ่งหนึ่งของกองทุนประเภทเน้นการเติบโตที่อยู่ภายใต้การบริหารของบริษัท Thomas Rowe Price Jr. ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกการลงทุนในหุ้นเน้นการเติบโตได้ริเริ่มกองทุนรวมขึ้นในปี 1950 ซึ่งเป็นช่วงที่อุตสาหกรรมกองทุนยังอยู่ในช่วงเริ่มตั้งไข่กองทุนที่ยึดมั่นในวิสัยทัศน์ของ Price ซึ่งก็คือ การลงทุนในธุรกิจแห่งอนาคตกองทุนนี้ได้เสาะหาบริษัทที่กำลังเติบโตในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่เผชิญหน้ากับสิ่งที่ Fath นิยามว่า “การเปลี่ยนแปลงแบบพลิกโฉม” ซึ่งเป็นธีมการลงทุนสุดแสนคุ้นเคยในตลาดหุ้น Wall Street ในสายตาผู้ก่อตั้งกองทุน บริษัทแห่งอนาคตหมายรวมถึง IBM และ National Cash Register สำหรับ Fath บริษัทแห่งอนาคตหมายถึงบริษัทอย่าง Amazon, Microsoft, บริษัทแม่ของ Google อย่าง Alphabet และ Rivian “เราเจาะจงเลือกบริษัทซึ่งเลือกข้างถูกเมื่อต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลง โดยจะเป็นการดีที่สุดถ้าหากเราเข้าลงทุนในช่วงแรกของการเติบโตของบริษัทเหล่านี้” Fath กล่าว  

- จุดแข็งของ T. Rowe Price -

คือ การบริหารเชิงรุก หากแต่ในปัจจุบันกำไรก้อนโตของบริษัทกำลังถูกคุกคามจากผู้เสนอขายกองทุนดัชนี ทั้งนี้ Morningstar รายงานว่า T. Rowe Price เผชิญกับภาวะการไหลออกของสินทรัพย์สุทธิเป็นเวลา 6 ปีติดต่อกันแล้ว แนวโน้มอันไม่สู้ดีนี้ก็ปรากฏให้เห็นในกองทุนของ Fath ซึ่งมีการไหลออกของสินทรัพย์มูลค่า 5.8 พันล้านเหรียญในปี 2020 ด้วยเช่นกัน หากแต่สถานการณ์ก็ปรับตัวดีขึ้น โดยมีการไหลออกสินทรัพย์อยู่ที่ 3.7 พันล้านเหรียญในช่วงครึ่งแรกของปีที่ผ่านมา (โฆษกของบริษัทแถลงว่า การไหลออกของสินทรัพย์ไม่ได้เลวร้ายมากเท่าที่มีการรายงาน เนื่องจากนักลงทุนสถาบันบางรายย้ายเงินไปลงทุนในทรัสต์ของ T. Rowe และเครื่องมือการลงทุนรูปแบบอื่นๆ ที่ใช้กลยุทธ์เน้นการเติบโตของ Fath) มาดูกันที่กองทุน Vanguard Growth Index Fund มูลค่า 7.9 หมื่นล้านเหรียญซึ่งมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น กองทุน Vanguard กับกองทุน T. Rowe Price Growth Fund มีความคล้ายคลึงกัน จากบรรดาหุ้นที่ทั้งสองกองทุนถือครองคิดเป็นมูลค่ามากที่สุด 5 อันดับแรกมีหุ้นที่เหมือนกันอยู่ 3 ตัว กองทุนของ Vanguard มีผลประกอบการที่ดีกว่าตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา หากแต่กองทุนของ Fath ก็สามารถเอาชนะคู่แข่งที่เน้นการเลือกหุ้นอย่างกองทุน Contrafund ของ Fidelity และกองทุน Growth Fund of America ของ American Funds ได้ ผลตอบแทนต่อปีที่ 16.9% ที่ Fath ทำได้นับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งผู้จัดการกองทุนก็ทำให้เขาสร้างผลตอบแทนได้มากกว่าดัชนี S&P 500 ถึง 2 จุดเปอร์เซ็นต์ กองทุน Vanguard มีค่าใช้จ่ายถูกกว่าบรรดาหุ้น ETF ของบริษัทมีค่าธรรมเนียมต่อปีอยู่ที่ 0.04% ของสินทรัพย์ ส่วนหุ้นในกองทุน T. Rowe มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 0.64% ต่อปี หน้าที่อันยากแสนยากของ Fath ก็คือ การกล่อมให้บรรดาผู้ถือหุ้นยอมจ่ายมากขึ้น 16 เท่าเพื่อถือครองหุ้นบริษัทที่กำลังเติบโต เปรียบเทียบกับที่พวกเขาจะต้องจ่ายถ้าหากลงทุนกับ Vanguard แล้ว Fath จะต้องหยิบยื่นข้อเสนออะไรเพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้นกันเล่า
Joe Fath ผู้จัดการกองทุนของ T. Rowe Price หลงรักบริษัทที่เติบโตเร็ว และรถที่มีความเร็วอย่าง Corvette เปิดประทุนซึ่งมาพร้อมกับเครื่องยนต์ V8 ขนาด 283 แรงม้าคันนี้

- เครื่องยนต์แห่งการเติบโต -

Fath นำเสนอความได้เปรียบอย่างเช่นข้อตกลงธุรกิจที่นำกองทุนเข้าลงทุนใน Rivian ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โดยมีมูลค่าตามประมาณการอยู่ที่ 9 หมื่นล้านเหรียญเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ก่อนการเสนอขายหุ้นของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์กองทุนของ Fath เป็นแกนนำในการระดมทุนรอบหลังๆ หลายต่อหลายรอบของ Rivian และ Fath ก็ได้เข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทในฐานะผู้สังเกตการณ์ นอกจากนี้ กองทุนของ Fath ยังได้รับผลตอบแทนก้อนโตจากการลงทุนใน DoorDash, Snowflake และ Airbnb ก่อนที่บริษัทเหล่านี้จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีกด้วย Fath คุยฟุ้งถึง R1T ว่า “ราวกับมีเครื่องของ Ferrari อยู่ในรถกระบะคันนี้ ซึ่งมาพร้อมเครื่องยนต์ 800 แรงม้า และสามารถเร่งความเร็วจาก 0 เป็น 60 ไมล์ต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 3 วินาทีเท่านั้น” เขามองเห็นโอกาสในกลยุทธ์แบบ 2 ชั้นของผู้ผลิตยานยนต์รายดังกล่าว โดย Rivian เป็นผู้ผลิตรายแรกที่ผลิตรถกระบะซึ่งขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าออกวางจำหน่าย และกำลังเพิ่มสายการผลิตรถเอสยูวีและรถเพื่อการพาณิชย์ นอกจากนี้ Rivian ยังได้รับคำสั่งซื้อรถตู้ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าจาก Amazon จำนวน 100,000 คัน โดยมีกำหนดนำส่งภายในปี 2025 อีกด้วย Fath ยังลงทุนในบริษัทเอกชนอย่าง Redwood Materials บริษัทรีไซเคิลแบตเตอรี่ซึ่งมีผู้ร่วมก่อตั้ง Tesla อย่าง JB Straubel เป็นผู้ปลุกปั้นอีกด้วย Fath กล่าวว่า “ธุรกิจแวดล้อม (อุตสาหกรรมยานยนต์) กำลังเผชิญหน้ากับความเปลี่ยนแปลง ไม่เพียงแต่เฉพาะผู้จำหน่ายรถยนต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงบรรดาซัพพลายเออร์ของบริษัทดังกล่าวด้วย” กองทุน T. Rowe Price Growth Fund สามารถลงทุนในบริษัทเอกชนได้ไม่เกิน 15% ของสินทรัพย์ทั้งหมด ในขณะที่กองทุนดัชนีของ Vanguard ไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ Fath กล่าวว่า “สิ่งสุดท้ายที่คุณอยากทำในธุรกิจบริหารสินทรัพย์ก็คือการรอคอย คุณคิดว่าผมพูดถูกไหม” เนื่องจากมีบริษัทจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่รักษาสถานะบริษัทเอกชนของตนเอาไว้ให้นานกว่าเดิมเพื่อสร้างมูลค่าตลาดให้มากก่อนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ คุณต้องลงทุนในรอบแรกๆ ของการระดมทุนเพื่อวิ่งนำหน้าทิศทางการเติบโตของธุรกิจ  

- กลยุทธ์ของ Fath -

วิธีการสร้างความโดดเด่นให้กับกองทุนเชิงรุกอย่างกองทุนของ Fath ก็คือ การวางเดิมพันอย่างเข้มข้น กองทุน Vanguard ถือหุ้น 279 ตัว ในขณะที่กองทุน T. Rowe Price Growth Fund ลงทุนในหุ้นเพียง 93 ตัว ในปีที่ผ่านมา Fath ได้รับความยินยอมจากผู้ถือหุ้นให้เปลี่ยนสถานะทางกฎหมายของกองทุนจาก “กระจายความเสี่ยงการลงทุน” เป็น “ไม่กระจายความเสี่ยง” ซึ่งทำให้เขาสามารถวางเดิมพันในหุ้นตัวใดตัวหนึ่งในสัดส่วนที่มากเป็นพิเศษได้โดยสะดวก หุ้นของบริษัทที่มีการเติบโตอย่างมากและหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีต้องเผชิญกับแรงเทขายตลอดช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ปัจจุบันราคาหุ้น Rivian ปรับลดลงเหลือไม่ถึงครึ่งของราคาสูงสุด เช่นเดียวกันกับ Snap บริษัทกล้องและโซเชียลมีเดียซึ่งเคยเป็นที่รู้จักกันในชื่อว่า Snapchat พอร์ตกองทุนของ Fath มีหุ้นของ Snap ในสัดส่วนที่มากที่สุดเป็นอันดับ 16 Fath กล่าวว่า คุณต้องยอมรับความเสี่ยงเพื่อแลกกับราคาหุ้นที่ปรับเพิ่มขึ้นในระยะยาว Fath เป็นนักลงทุนระยะยาวที่มีอัตราการเข้าซื้อและขายออกอยู่ที่ 33% นั่นทำให้กองทุนของเขาเป็นหนึ่งในบรรดากองทุนหุ้นเน้นการเติบโตที่มีการเคลื่อนไหวน้อยที่สุด ขอจงเฝ้ารออย่างอดทน Fath พูดกับบรรดาผู้ถือหุ้นว่า “เราจะไม่หยุดลงทุนในบริษัทที่กำลังเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ หรือกำลังไขว่คว้าหาประโยชน์จากโอกาสที่เกิดขึ้นในภาคธุรกิจของตน ถ้าหากคุณมีความเชื่อมั่นในความยั่งยืนของการเติบโตดังกล่าว นั่นจะช่วยให้คุณเอาตัวรอดได้เมื่อเวลาผ่านไป” ช่างเป็นเรื่องน่ารื่นรมย์ที่ Fath ซึ่งซาบซึ้งกับช่วงเวลาที่เขาเรียกว่า “ยุคทอง” ของภาคการผลิตของสหรัฐฯ ในช่วงทศวรรษ 1950 ไปจนถึงทศวรรษ 1960 กำลังบริหารกองทุนย้อนยุคจากยุคสมัยเดียวกันนั้นอยู่ Fath กล่าวว่า “การเสาะหาอะไหล่สำหรับรถยนต์ [เก่า] อาจกินเวลานานหลายปี ไม่ต่างกับการค้นหาหุ้นน่าลงทุนซึ่งเป็นหุ้นกำลังเติบโตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง นั่นเปรียบได้กับการล่าสมบัติเลยทีเดียว"   เรื่อง: Sergei Klebnikov  เรียบเรียง: ริศา ภาพ: Robert Severi อ่านเพิ่มเติม:
คลิกอ่าน "ติดปีกให้กองทุนเก่าแก่" ฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2565 ในรูปแบบ e-magazine