CARSOME แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซซื้อขายรถยนต์มือสองที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมเดินหน้าสนับสนุนตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในไทย
CARSOME แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซซื้อขายรถยนต์มือสองครบวงจรที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เข้าร่วมเวทีเสวนาภายในงาน “Inclusive Growth Days empowered by OR” จัดขึ้นโดย บริษัท ปตท. นํ้ามันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ โออาร์ เพื่อแลกเปลี่ยนมุมมองของบริษัทภายใต้หัวข้อ “EV Moments: ช่วงเวลาที่ดีต่อใจ ดีต่อโลก” ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ บางกอก คอนเวนชัน เซ็นเตอร์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา
ศิวภูมิ เลิศสรรค์ศรัญย์ กรรมการผู้จัดการ คาร์ซัม ประเทศไทย กล่าวในระหว่างเวทีเสวนาว่า “ปัจจุบัน เราปฏิเสธไม่ได้ว่า ผู้บริโภคมีความสนใจรถยนต์ไฟฟ้า หรือรถยนต์อีวีมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะทำให้เกิดการใช้รถอีวีอย่างแพร่หลายแน่นอนในอนาคต อย่างไรก็ตาม ทิศทางของการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์อีวีนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้บริโภค”
ศิวภูมิ ยังเน้นว่า ฟังก์ชันการใช้งาน (Functionality) ความสะดวกสบาย (Convenience) และ ราคาที่เข้าถึงได้ (Affordability) คือสามปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อการผลักดันการเติบโตและความแพร่หลายของการเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย
โดยได้ขยายความเพิ่มเติมว่า ฟังก์ชันการใช้งาน คือความสามารถของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีฟังก์ชันการใช้งานเทียบเท่ารถยนต์ระบบสันดาปภายใน (ICEs: Internal Combustion Engines) ความสะดวกสบาย คือความสะดวกในการเข้าถึงการซื้อ การชาร์จพลังงาน และบริการหลังการขาย และท้ายที่สุด ราคาที่เข้าถึงได้ หมายถึงราคาและความสามารถในการซื้อสินค้าหรือบริการที่มีคุณภาพ
“รถยนต์ไฟฟ้าสามารถใช้งานได้เกือบเทียบเท่ารถยนต์ระบบสันดาปภายในแล้ว แต่เมื่อมองไปยังสองปัจจัยที่เหลือ ทั้ง ความสะดวกสบาย และ ราคาที่เข้าถึงได้ ทุกภาคส่วนยังคงต้องทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาตรงนี้ให้มากยิ่งขึ้น ผมเชื่อว่าทั้งสองปัจจัยดังกล่าวสามารถได้รับการแก้ไขผ่านการแบ่งปันข้อมูลและองค์ความรู้จากทุกฝ่าย แต่ปัจจุบัน ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในแต่ละภาคส่วนเหมือนถือจิ๊กซอว์กันคนละชิ้น ซึ่งหากเรานำจิ๊กซอว์เหล่านั้นมาต่อกัน เราจะสามารถช่วยแก้ปัญหาเกี่ยวกับรถยนต์ไฟฟ้าได้ดียิ่งขึ้น” ศิวภูมิ กล่าวเพิ่มเติม
สำหรับ CARSOME นั้น ทางบริษัทฯ เตรียมความพร้อมที่จะรองรับอนาคตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยสำหรับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามือสองคุณภาพดีในราคายุติธรรม โดยมุ่งแก้ไขปัญหาหลักเรื่องความสะดวกสบายและราคาที่เข้าถึงได้ ด้วยการนำเสนอบริการการทดลองขับ และขั้นตอนการซื้อรถยนต์มือสองอย่างไร้กังวล
จากมุมมองของ ศิวภูมิ การสร้าง ราคาที่เข้าถึงได้ ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้เกิดการเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย ถือเป็นความท้าทายที่สำคัญที่สุด เนื่องจากกลุ่มคนที่สามารถเข้าถึงรถยนต์ไฟฟ้าได้ในตอนนี้ ยังคงเป็นกลุ่มที่มีรายได้ในระดับสูงเป็นส่วนใหญ่ “เพื่อเร่งผลักดันให้คนทั่วประเทศหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย และเกิดการตระหนักถึงในกระบวนการเป็นเจ้าของรถอีวีหรือ EV Ownership Lifecycle นั้น การสร้างความแข็งแกร่งให้กับตลาดรถยนต์ไฟฟ้าสำหรับกลุ่มคนที่มีรายได้ปานกลางนับเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งเรื่องราคา ความพร้อมของสถานีชาร์จ และการชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว ทั้งหมดล้วนแต่เป็นปัจจัยที่จะเอื้อให้เกิดการเลือกใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น”
“อย่างไรก็ตาม เนื่องจากสถาบันการเงินจะประเมินความเสี่ยงจากราคาของรถมือสองและความต้องการของกลุ่มลูกค้า การเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้ามือสอง จึงมีผลต่อการตัดสินใจซื้อรถอีวีคันใหม่ของกลุ่มผู้บริโภค โดยปกติแล้ว กลุ่มผู้บริโภคมักจะพิจารณาราคารถยนต์ที่จะขายได้ในอีก 4-5 ปีข้างหน้าก่อนที่จะตัดสินใจซื้อรถยนต์คันหนึ่ง ดังนั้น ตลาดรถยนต์มือสองที่เข้มแข็งจึงเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการใช้รถยนต์ไฟฟ้า” ศิวภูมิ กล่าวต่อ
จากข้อมูลล่าสุดพบว่า ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าของไทยจะแตะ 6.36 หมื่นคันภายในปี 2565 โดยเป็นรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ถึง 1 หมื่นคัน หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 539.7 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2564 ซึ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีสาเหตุหลักมาจากมาตรการส่งเสริมการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงราคาน้ำมันดิบที่อยู่ระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
เช่นเดียวกับกับยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าแบบไฮบริด (Hybrid) และไฮบริดแบบเสียบปลั๊ก (PHEV) ที่คาดว่าจะแตะ 5.3 หมื่นคัน สวนทางกับรถยนต์ระบบสันดาปภายในที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง (Internal Combustion Engine: ICE) ที่หดตัวจากปี 2564 ถึงร้อยละ 8.8
จากข้อมูลของ CARSOME พบว่า ไตรมาสแรกของปี 2565 มียอดขายรถยนต์รวมเพิ่มสูงขึ้นกว่าร้อยละ 50 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ในปีที่แล้ว ชี้ให้เห็นว่า กลุ่มลูกค้าในปัจจุบันหันมาสนใจซื้อรถยนต์มือสองมากยิ่งขึ้น และสะท้อนให้เห็นว่า ตลาดรถยนต์มือสองมีโอกาสที่จะช่วยผลักดันการเติบโตของการเลือกใช้รถ EV มากยิ่งขึ้น
ศิวภูมิ กล่าวเน้นว่า “ภาพรวมของกระบวนการเป็นเจ้าของรถอีวีหรือ EV Ownership Lifecycle ไม่ควรมุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าที่มีรายได้ในระดับสูงและสมรรถนะของรถอีวีเท่านั้น แต่ Ownership Lifecycle ควรครอบคลุมตั้งแต่การขายรถยนต์สันดาปภายในที่มีอยู่ การกู้สินเชื่อรถ การบริการหลังการขาย และการมีตลาดสำหรับขายรถยนต์ไฟฟ้ามือสองโดยเฉพาะ เพื่อที่จะสนับสนุนให้เกิดความสะดวกและราคาที่เอื้อมถึงสำหรับลูกค้าในทุกระดับรายได้”
อ่านเพิ่มเติม: “บ้านปู เน็กซ์” ผนึก “เชิดชัยฯ” และ “ดูราเพาเวอร์” ตั้งโรงงานแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine