ด้วยทุนจากบ่อน้ำมันที่เป็นเสมือนบ่อเงินบ่อทองอันไร้ก้นบึ้งของซาอุดีอาระเบีย นักกอล์ฟบางคนจึงได้ขึ้นแท่นนักกีฬาที่มีรายได้มากที่สุดในโลกอย่างกะทันหัน นำทัพโดยนักกอล์ฟมือซ้ายวัย 52 ปี "Phil Mickelson" รวมถึงอดีตนักกอล์ฟอันดับ 1 ของโลกอย่าง "Dustin Johnson" และ “Bryson DeChambeau” อดีตแชมป์ PGA Tour ถึง 8 สมัยก่อนจะแปรพักตร์ไปอยู่กับ LIV Golf
การแข่งขัน LIV Golf รายการใหม่นี้เป็นของกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีมูลค่า (สินทรัพย์) สูงถึง 6.2 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ และยังมีอะไรที่น่าสนใจอีกมากมาย การแข่งขันรายการนี้กระชับกว่ารายการ PGA Tour โดยใช้รูปแบบการแข่ง 54 หลุม (ตามเลขโรมัน LIV) ภายในเวลา 3 วัน ท่ามกลางบรรยากาศคึกคักกว่าที่เคย ทั้งเปิดเพลงประกอบก่อน tee-off และยังจัดแข่งไม่ถี่เหมือน PGA Tour โดยมีการแข่งขันน้อยกว่า 1 ใน 6 เหมือนกับรายการอื่นๆ แต่ส่วนมากให้เงินรางวัลเยอะกว่า เรียกได้ว่า LIV Golf เน้นเรื่องเงินๆ ทองๆ ชนิดเป็นกอบเป็นกำก็ว่าได้
รัฐบาลซาอุดีอาระเบียอัดฉีดงบประมาณให้การแข่งขันนี้ 2.4 พันล้านเหรียญสำหรับฤดูกาลแรกๆ เพื่อผลักดันให้เป็นที่นิยม เงินก้อนโตจากงบดังกล่าวหมดไปกับการล่อใจผู้เล่นมือทอง โดยรวมแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา LIV ดันรายได้ของนักกอล์ฟที่ค่าตัวสูงสุด 10 อันดับแรกเพิ่มขึ้นถึงราว 370 ล้านเหรียญ และทำให้ตัวเลขรายได้รวมของพวกเขาพุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 650 ล้านเหรียญ
“ผมอยากมีส่วนร่วมตั้งแต่ต้น” คือคำกล่าวของ Bryson DeChambeau ซึ่งเป็นแชมป์รายการ U.S. Open เมื่อปี 2020 ในวัย 27 ปี และย้ายไปร่วมงานกับ LIV เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา “ทั้งทรัพยากร เวลา ช่วงพัก แล้วก็ความรู้สึกสนุกไปกับสิ่งนี้เป็นเหตุผลที่ผมตัดสินใจย้ายมา และเต็มใจที่จะย้าย”
แน่นอนว่าสมเหตุสมผล แต่เงินประกันรายได้อีกไม่ต่ำกว่า 125 ล้านเหรียญที่เขาน่าจะกวาดเข้ากระเป๋าจาก LIV ก็น่าจะช่วยจูงใจได้เป็นอย่างดี ซึ่ง Forbes คาดว่าเขาน่าจะได้รับเงินก้อนนี้ล่วงหน้าไปครึ่งหนึ่งแล้ว หรือราว 62 ล้านเหรียญ รายได้จำนวนนี้ส่งให้ DeChambeau ทะยานขึ้นสู่ตำแหน่งนักกอล์ฟผู้มีรายได้สูงสุดอันดับ 3 ของโลก โดยมีรายได้ก่อนหักภาษีถึง 86 ล้านเหรียญในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา และทำให้เขาติดอันดับ 1 ใน 11 นักกีฬาที่มีรายได้สูงที่สุดในโลก แซงหน้า Tom Brady ไปแล้ว
ส่วนข้อเสียคือ เขาจะไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันทั้ง PGA Tour หรือ Players Championship และแม้แต่รายการใหญ่ระดับโลกอย่าง Ryder Cup เพราะถูกเพิกถอนสมาชิกภาพไม่ต่างจากนักกอล์ฟคนอื่นที่แปรพักตร์ไปเล่นกับซาอุฯ แต่พวกเขาน่าจะยังลงแข่งรายการ Masters และเมเจอร์อื่นๆ อีก 3 รายการ ซึ่งไม่ได้จัดโดย PGA Tour ได้
แชมป์เมเจอร์ 2 รายการอย่าง Dustin Johnson ซึ่งได้อันดับ 6 ในการแข่งขัน British Open ที่ St. Andrews เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมากวาดรายได้ไปเป็นกอบเป็นกำยิ่งกว่า DeChambeau โดยโปรกอล์ฟวัย 38 ปี จาก South Carolina ซึ่งแต่งงานกับ Paulina ลูกสาวของ Wayne Gretzky คนนี้รับเงินไปถึง 97 ล้านเหรียญในช่วงปี 2021 ในจำนวนนี้มีเงินโบนัสประมาณ 62 ล้านเหรียญที่ LIV มอบให้เพื่อต้อนรับการเซ็นสัญญาเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมารวมอยู่ด้วย เม็ดเงินของซาอุฯ ส่งให้ Johnson กลายเป็นนักกีฬาที่มีรายได้มากที่สุดอันดับ 5 ของโลก เรื่องนี้ตัดสินใจง่ายๆ เขากล่าว “ตีกอล์ฟน้อยลงแลกกับเงินมากขึ้น ไม่ว่าอย่างไรก็สมเหตุสมผล”
ส่วนคนที่ถูกรางวัลใหญ่ที่สุดงานนี้คือ Phil Mickelson ผู้ครองแชมป์เมเจอร์ 6 รายการ และแชมป์ PGA Tour 45 รายการ ซึ่งถือเป็นนักกอล์ฟที่ประสบความสำเร็จสูงสุดเป็นอันดับ 2 ในบรรดานักกอล์ฟรุ่นราวคราวเดียวกัน เขาเป็นคนแรกๆ ที่ออกมาแสดงท่าทีสนับสนุนการแข่งขันรายการใหม่นี้ ย้อนไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเขาถูกประณาม (และพักการลงแข่งไปชั่วคราว) หลังจากมีทีท่าว่าเพิกเฉยต่อปัญหาด้านสิทธิมนุษยชนของซาอุดีอาระเบียเพื่อแลกกับ “โอกาสครั้งหนึ่งในชีวิตที่จะพลิกโฉมการดำเนินงานของ PGA Tour” สปอนเซอร์หลายรายยกเลิกสัญญากับเขา
แต่เขาจะกังวลไปทำไมในเมื่อทำเงินได้มากเกินกว่าที่เสียไป เงินประกันรายได้ของ Mickelson สูงถึงราว 200 ล้านเหรียญ และน่าจะจ่ายล่วงหน้าแล้วถึงครึ่งหนึ่ง สรุปแล้วนักกอล์ฟวัย 52 ปีคนนี้กวาดเงินเข้ากระเป๋า 138 ล้านเหรียญในปี 2021 ทำให้เขากลายเป็นนักกีฬาที่ทำรายได้มากที่สุดในปี 2022 แซงหน้านักฟุตบอลแข้งทองอย่าง Lionel Messi (รายได้ 130 ล้านเหรียญ) ไปเป็นที่เรียบร้อย
แต่ความเสี่ยงต่างๆ ก็มีอยู่ เพราะรายการ LIV Golf ไม่มีพันธมิตรร่วมถ่ายทอดสดในสหรัฐฯ และไม่มีสปอนเซอร์ในงานแข่งต่างๆ ผู้ชมที่สนใจจะต้องติดตามผ่านทาง YouTube แถมตัวการแข่งขันเองยังผลาญเงินอย่างรวดเร็วท่ามกลางรายรับที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งนอกจากเงินโบนัสที่พวกเขาให้เป็นขวัญถุงแก่นักกอล์ฟเมื่อเซ็นสัญญา หรือการทุ่มงบจัดงานเป็นล้านๆ เหรียญแล้ว LIV ยังตั้งเงินรางวัลสำหรับการแข่งขันในปี 2022 สูงถึง 255 ล้านเหรียญ
“เหมือนกับบริษัทสตาร์ทอัพทั้งหลายที่ต้องมีอัตราการเผาเงินทุน (burn rate) ไม่ว่าจะ Amazon, Uber หรือเจ้าไหนๆ ทุกรายต่างต้องมีค่าใช้จ่ายจำนวนหนึ่งกว่าจะไปถึงจุดที่ทำกำไรได้” Atul Khosla กรรมการผู้จัดการใหญ่ LIV Golf และอดีตผู้บริหาร Tampa Bay Buccaneers กล่าว
PGA Tour เองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ประกาศเพิ่มเงินรางวัลการแข่งขัน 8 รายการ รวม 53.8 ล้านเหรียญเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดยเพิ่มรางวัลในรายการ Players Championship เป็น 25 ล้านเหรียญ แต่อีกด้านหนึ่งการใช้ไม้แข็งจัดการกับผู้เล่นที่ไปร่วมงานกับ LIV ได้ก่อให้เกิดการสอบสวนกรณีการผูกขาดธุรกิจจากกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ ตามมา
มีนักกอล์ฟอยู่คนหนึ่งที่ปฏิเสธเข้าร่วมการแข่งขันกับ LIV และเขาคือ Tiger Woods ซึ่ง Greg Norman ซีอีโอของ LIV Golf ที่ได้ฉายาว่า “ฉลามขาวผู้ยิ่งใหญ่” ในช่วงที่ยังเล่นกอล์ฟอาชีพเปิดเผยกับ Washington Post ว่า Woods ปฏิเสธข้อเสนอเงินก้อนโต “มูลค่ามหาศาลบานตะไท” เป็น “ตัวเลข 9 หลัก” จากทาง LIV ซึ่งการตัดสินใจครั้งนี้ทำให้ Woods ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นนักกีฬาที่ทำรายได้มากที่สุดในโลก 10 ปีซ้อนต้องดำดิ่งลงสู่แดนสนธยา โดยกลายเป็นเพียงนักกอล์ฟรายได้สูงสุดอันดับที่ 5 เท่านั้น ด้วยรายได้สุทธิ 68 ล้านเหรียญ แต่เขาไม่รู้สึกเสียดาย “ผมไม่เข้าใจสักนิด” เขากล่าวก่อนลงแข่งรายการ British Open “สำหรับนักกอล์ฟหลายๆ คนในกลุ่มนี้ ผมไม่เห็นว่าการตัดสินใจแบบนี้จะส่งผลดีอย่างไรในระยะยาว” -รายงานเพิ่มเติมจาก Brett Knight
วิธีคำนวณรายได้: จำนวนที่แสดงเป็นรายได้ก่อนหักภาษีระหว่างวันที่ 3 กรกฎาคม ปี 2021 ถึง 3 กรกฎาคม ปี 2022 ตัวเลขรายได้ในสนามรวมถึงเงินรางวัลและเงินโบนัส ส่วนรายได้นอกสนามเป็นการประมาณการมูลค่าข้อตกลงกับสปอนเซอร์ค่าตัวในการปรากฏตัวและร่วมงานต่างๆ รายรับจากของที่ระลึก ค่าลิขสิทธิ์ บวกกับเงินสดจากการทำธุรกิจอื่นๆ การประมาณการยึดตามข้อมูลที่ปรากฏเป็นสาธารณะ ประกอบกับการสอบถามผู้อยู่วงการกว่า 10 คน โดยไม่ได้หักค่าธรรมเนียมของผู้จัดการหรือตัวแทนกีฬา
เรื่อง: Justin Birnbaum เรียบเรียง: วินิจฐา จิตร์กร ภาพ: Cody Pickens
อ่านเพิ่มเติม:
>> 10 นักกอล์ฟรายได้สูงสุดของโลก ประจำปี 2022
>> ธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประคอง Thai AirAsia ยืนหยัดสู้วิกฤต (Video)