"มหาเศรษฐีพันล้าน" จากโควิด-19 - Forbes Thailand

"มหาเศรษฐีพันล้าน" จากโควิด-19

FORBES THAILAND / ADMIN
19 Nov 2020 | 11:37 AM
READ 2131

การพุ่งทะยานของราคาหุ้นกลุ่มบริษัทที่พัฒนาวัคซีนโควิด-19 การรักษา และชุดอุปกรณ์ทดสอบได้สร้าง มหาเศรษฐีพันล้าน หน้าใหม่ขึ้นมาอย่างน้อย 3 คน และเพิ่มพูนทรัพย์สมบัติของเหล่ามหาเศรษฐีพันล้านเจ้าเก่าอีก 9 ราย

หลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศเมื่อวันที่ 11 มีนาคมให้โควิด-19 เป็นโรคระบาดใหญ่ทั่วโลกตลาดหุ้นทั้งโลกก็ทรุดหนัก และดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติถูกเทขายหนักสุดนับตั้งแต่ปี 1987 ขณะที่ตลาดกลับมาดีดตัวขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ มีบริษัทกลุ่มหนึ่งที่ไม่เคยได้รับผลกระทบเลยและปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องคือ บริษัทที่ดำเนินธุรกิจด้านสุขภาพในตลาดหุ้น ที่กำลังเดินเครื่องพัฒนาวัคซีนการรักษา และชุดอุปกรณ์ทดสอบ หุ้นของบริษัทเหล่านี้ประคองตัวได้เป็นอย่างดีเพื่อเอาชนะไวรัส ได้ทะยานขึ้นมาอย่างไม่ธรรมดาและสร้าง มหาเศรษฐีพันล้าน หน้าใหม่ขึ้นมา 3 ราย อีกทั้งทำให้ทรัพย์สมบัติของมหาเศรษฐีอย่างน้อย 9 รายเพิ่มขึ้นมาด้วย ผู้ชนะที่โดดเด่นที่สุดคือ มหาเศรษฐีหน้าใหม่ Stephane Bancel ซีอีโอของ Moderna ที่ตั้งอยู่ในเมือง Cambridge รัฐ Massachusetts ซึ่งในช่วงกลางเดือนมีนาคมกลายเป็นบริษัทแรกที่เริ่มทดลองวัคซีนโควิด-19 กับมนุษย์ เมื่อ WHO ประกาศเรื่องโรคระบาดทรัพย์สินสุทธิโดยประมาณของ Bancel อยู่ที่ราว 720 ล้านเหรียญสหรัฐฯ นับตั้งแต่นั้น หุ้นของ Moderna วิ่งขึ้นมากกว่าร้อยละ 150 หนุนให้ทรัพย์สินของเขาไปอยู่ที่ประมาณ 1.8 พันล้านเหรียญ Bancel ผู้เป็นพลเมืองฝรั่งเศส ติดทำเนียบมหาเศรษฐีพันล้านครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 เมษายน เมื่อหุ้น Moderna ปรับตัวขึ้นจากข่าวที่ว่า บริษัทกำลังวางแผนเริ่มการทดลองวัคซีนเฟส 2 โดยมหาเศรษฐีพันล้านทั้ง 10 รายต่างขานรับอย่างยินดีจาก 7 ประเทศ โดยมีชาวอเมริกันเพียง 2 รายเท่านั้นคือ Leonard Schleifer และ George Yancopoulos จาก Regeneron บริษัทเภสัชภัณฑ์จากเมือง Tarrytown ในรัฐ New York นี่คือ 10 มหาเศรษฐีพันล้านจากธุรกิจด้านสุขภาพที่ร่ำรวยขึ้นนับตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม จากสายสัมพันธ์กับบริษัทที่ต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19   บริษัท: Regeneron Pharmaceuticals LEONARD SCHLEIFER 2.7 พันล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 36% นับตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคม) • สหรัฐฯ และ GEORGE YANCOPOULOS 1.5 พันล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 43%) • สหรัฐฯ Leonard Schleifer ซีอีโอของ Regeneron Pharmaceuticals ร่วมก่อตั้งธุรกิจผลิตยาแห่งเมือง Tarrytown รัฐ New York ในปี 1988 ร่วมกับ George Yancopoulos ซึ่งเข้ามาร่วมด้วยในปีถัดมาในฐานะประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายวิทยาศาสตร์ของบริษัท ในวันที่ 11 มิถุนายน Regeneron เริ่มต้นการวิจัยทางคลินิกของ REGN-COV2 สูตรยาร่วมต้านไวรัสกับผู้ป่วยโควิด-19 บริษัทยังดำเนินการทดสอบเฟส 3 ของการใช้ยาซาริลูแมบ (sarilumab) ซึ่งใช้รักษาโรคไขข้ออักเสบ เพื่อช่วยบรรเทาความรุนแรงจากเชื้อไวรัสกับผู้ป่วยโควิด-19 ใน 9 ประเทศ โดยร่วมมือกับ Sanofi บริษัทสัญชาติฝรั่งเศส และผลเบื้องต้นจากการทดสอบเฟส 2 ที่ได้รับการเปิดเผยในเดือนเมษายน แสดงให้เห็นว่า ยาดังกล่าวสามารถลดตัวบ่งชี้หลักของการอักเสบลงได้อย่างรวดเร็ว   บริษัท: Roche MAJA OERI 3.2 พันล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 10%) • สวิตเซอร์แลนด์ Maja Oeri เป็นทายาทของ Fritz Hoffmann-La Roche ผู้ก่อตั้ง Roche ยักษ์ธุรกิจเภสัชภัณฑ์สัญชาติสวิสในปี 1896 เธอเป็นเจ้าของหุ้นของบริษัทประมาณ 5% ซึ่งเป็นสัดส่วนหุ้นที่ดึงออกมาจากส่วนของครอบครัวในปี 2011 ในเดือนมิถุนายน Roche เริ่มการวิจัยทางคลินิกเฟส 3 ของยาโทซิลิซูแมบ (tocilizumab) ที่ใช้รักษาโรคข้ออักเสบในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 บริษัทยังพัฒนาการทดสอบหาสารภูมิต้านทานรูปแบบใหม่เพื่อตรวจหาสารภูมิคุ้มกันในผู้ที่เคยติดเชื้อไวรัสมาแล้ว และได้เริ่มการแจกจ่ายชุดทดสอบดังกล่าวในเดือนพฤษภาคมในสหรัฐฯ และยุโรป บริษัท: DiaSorin GUSTAVO DENEGRI 5.2 พันล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 53%) • อิตาลี Denegri เรียนจบด้านเคมี และตอนนี้เป็นเจ้าของหุ้น 45% ใน DiaSorin บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากอิตาลี แต่เขากลับไม่ได้เริ่มต้นชีวิตการทำงานในอุตสาหกรรมเภสัชภัณฑ์ จุดเปลี่ยนสำคัญครั้งแรกในชีวิตของเขาเกิดขึ้นในปี 1985 เมื่อเขาควบรวมกิจการ Gruppo Pro-Ind บริษัทชิ้นส่วนรถยนต์ที่เขาก่อตั้งขึ้นช่วงทศวรรษ 1970 กับ Piaggio ผู้ผลิตสกูตเตอร์ Vespa อันโด่งดัง DiaSorin ซึ่ง Denegri เข้าไปซื้อในปี 2000 เปิดตัวชุดตรวจวินิจฉัยเชื้อจากโพรงจมูกและคอและชุดตรวจหาสารภูมิคุ้มกันในเลือดสำหรับการตรวจโควิด-19 โดยชุดตรวจหาสารภูมิคุ้มกันใหม่ของบริษัทซึ่งเปิดตัวในเดือนเมษายนกำลังได้รับการแจกจ่ายไปยังรัฐบาลส่วนภูมิภาคหลายแห่งในอิตาลี โดย DiaSorin มีโรงงานผลิตทั้งในสหรัฐฯ สหราชอาณาจักรเยอรมนี และอิตาลี   บริษัท: Celltrion SEO JUNG-JIN 1.19 หมื่นล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 72%) • เกาหลีใต้ Seo ร่วมก่อตั้ง Celltrion บริษัทชีวเภสัชภัณฑ์ใน Seoul เมื่อปี 2002 และนำบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2008 บริษัทยุ่งอยู่กับทั้งการผลิตชุดตรวจหาเชื้อและความเป็นไปได้ในการรักษาโควิด-19 ด้วยการทดสอบการรักษาด้วยยาต้านไวรัสในมนุษย์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในไตรมาส 3 ของปี 2020 Celltrion ตั้งเป้าเปิดตัวชุดตรวจวินิจฉัยโรคอย่างรวดเร็วด้วยตัวเองในช่วงฤดูร้อนนี้ ซึ่งบริษัทอ้างว่า สามารถทราบผลได้ภายในเวลา 15-20 นาที   บริษัท: BioMérieux ALAIN MERIEUX 8.9 พันล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 46%) • ฝรั่งเศส Mérieux ก่อตั้ง BioMerieux ขึ้นในปี 1963 เพื่อเป็นหน่วยงานทดลองวินิจฉัยของสถาบัน Institut Merieux เครือธุรกิจการแพทย์ที่ก่อตั้งโดย Marcel ปู่ของ Merieux ในปี 1897 ปัจจุบัน Alexandre ลูกชายของ Alain บริหารงานบริษัทในฐานะซีอีโอชุดตรวจวินิจฉัยโควิด-19 ของ BioMerieux ซึ่งเปิดตัวขึ้นในช่วงปลายเดือนมีนาคมย่นระยะเวลาการตรวจหาเชื้อไวรัสให้เหลือเพียง 45 นาที และเมื่อปลายเดือนพฤษภาคมบริษัทได้เปิดตัวชุดตรวจหาสารภูมิคุ้มกันไวรัสด้วยเช่นกัน บริษัท: Moderna STEPHANE BANCEL 1.8 พันล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 151%) • ฝรั่งเศส Bancel ดำรงตำแหน่งซีอีโอของ Moderna Therapeutics ในเมือง Cambridge รัฐ Massachusetts นับตั้งแต่ปี 2011 เมื่อเขาเข้าร่วมบริษัทหลังลาออกจากตำแหน่งก่อนหน้านี้ในฐานะซีอีโอของ BioMerieux เขาถือหุ้น 7% ในบริษัท Moderna ซึ่งเมื่อไม่นานนี้ประกาศว่า จะเริ่มการทดสอบวัคซีนโควิด-19 เฟส 3 ในเดือนกรกฎาคมกับผู้เข้าร่วมทดสอบ 30,000 คนในสหรัฐฯ โดย Bancel กล่าวว่าสามารถแจกจ่ายวัคซีนดังกล่าวให้กับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขสำหรับการใช้งานกรณีฉุกเฉินได้ภายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2020 การพุ่งทะยานของหุ้น Moderna ได้สร้างมหาเศรษฐีพันล้านหน้าใหม่อีกคนคือ Timothy Springer ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Harvard และนักลงทุนด้านเทคโนโลยีชีวภาพตัวยง ซึ่งตอนนี้มีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 1 พันล้านเหรียญ   บริษัท: Mindray LI XITING 1.5 หมื่นล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 20%) • สิงคโปร์ นับตั้งแต่ Li Xiting ได้ร่วมก่อตั้งบริษัทขึ้นในปี 1991 Mindray Medical International ยักษ์ธุรกิจผลิตอุปกรณ์การแพทย์ใน Shenzhen ได้เติบโตขึ้นจนกลายเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์การแพทย์รายใหญ่สุดของจีน ตามการรายงานของสื่อจีนกล่าวว่า Mindray มีส่วนร่วมอย่างต่อเนื่องในการต่อสู้กับการระบาดของโควิด-19 นับตั้งแต่เกิดการแพร่เชื้อขึ้นครั้งแรกในจีน ซึ่งส่งผลให้กำลังการผลิตเครื่องช่วยหายใจที่โรงงานใน Shenzhen ของบริษัทพุ่งขึ้น 3 เท่าไปอยู่ที่ 3,000 เครื่องต่อเดือน นอกจากนี้บริษัทยังได้บริจาคอุปกรณ์การแพทย์ คิดเป็นมูลค่า 4.7 ล้านเหรียญแล้ว ซึ่งรวมถึงเครื่องช่วยหายใจที่จำเป็นอย่างยิ่งให้แก่โรงพยาบาลหลายแห่งทั่วโลก โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักอย่างเมือง Wuhan และทางเหนือของอิตาลี   บริษัท: BioNTech THOMAS STRUENGMANN 8.3 พันล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 34%) • เยอรมนี และ ANDREAS STRUENGMANN 8.3 พันล้านเหรียญ (เพิ่มขึ้น 34%) • เยอรมนี มหาเศรษฐีพันล้านคู่แฝด Struengmann ร่ำรวยขึ้นครั้งแรกจากการขาย Hexal บริษัทผลิตยาสามัญให้กับ Novartis เป็นมูลค่าราว 7 พันล้านเหรียญในปี 2005 ตอนนี้พวกเขาลงทุนมหาศาลในบริษัทด้านสุขภาพและเทคโนโลยีชีวภาพผ่าน Santo Holding บริษัทลงทุนของตัวเองในสวิตเซอร์แลนด์ แต่เดิมพันที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดคือ BioNTech บริษัทเทคโนโลยีชีวภาพจากเมือง Mainz ในเยอรมนี ที่มาแรงแซงโค้งไม่นานนี้ โดย BioNTech กำลังจับมือกับ Pfizer PFE และ Fosun Pharmaceuticals เพื่อพัฒนาวัคซีนโควิด-19 การทดสอบกับมนุษย์ครั้งแรกเริ่มต้นขึ้นในเยอรมนีเมื่อวันที่ 23 เมษายน และในสหรัฐฯ วันที่ 5 พฤษภาคม Uğur Şahin ซีอีโอ BioNTech ได้กลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านด้วยเช่นกัน จากการที่หุ้นพุ่งทะยานจากโควิด-19 โดยมีทรัพย์สินสุทธิ 2.7 พันล้านเหรียญ อ่านเพิ่มเติม: Pfizer เล็งผลเลิศ วัคซีนโควิด-19  
คลิกอ่านฉบับเต็ม “"มหาเศรษฐีพันล้าน" จากโควิด-19” ได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนตุลาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine