เมื่อปี 2020 Tony Hsieh ซีอีโอวัย 46 ปี ของ Zappos เสียชีวิตจากเหตุเพลิงไหม้ปริศนา ซึ่งในเวลาต่อมา Forbes เผยว่า เป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยา หลักฐานที่เผยให้เห็นวงจรแห่งการทำร้ายตัวเองปรากฏเด่นชัดในช่วงหลายเดือนก่อนหน้านี้ ในชุมชนอุดมคติที่เขาพยายามสร้างขึ้นที่ Park City รัฐ Utah ในเรื่องราวที่คัดเลือกมาเป็นพิเศษจากหนังสือ Wonder Boy นี้จะเผยให้เห็นว่า Hsieh เริ่มแจกเงินนับล้านๆ เหรียญให้กับกลุ่มคนรู้จักจอมสอพลอแลกกับความสุขที่เขาพยายามไขว่คว้าอย่างหนักในช่วงสัปดาห์ท้ายๆ ของชีวิต
หลังจากช่วงเวลาแห่งความคลุ้มคลั่ง ตามด้วยการรักษาตัวในโรงพยาบาลเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2020 พ่อแม่ของเขาพร้อมกับน้องชาย Dave และ Andy เดินทางมาเยี่ยมในเมือง แต่ Tony กลับแทบไม่ยอมใช้เวลาอยู่กับครอบครัว มิหนำซ้ำยังขอให้เพื่อนๆ ช่วยทำให้เขาไม่ต้องอยู่กับครอบครัวเพียงลำพังด้วย
ตลอดระยะเวลาที่ Hsieh ยอมใช้เวลากับ ครอบครัว การสื่อสารระหว่างกันเป็นไปด้วย
ความยากลำบาก ครั้งหนึ่งเขาบอกกับ Judy คุณแม่ของเขาว่า เขาจะเปิดใจกับแม่หากแม่ทำตัวเป็นเหมือนเพื่อนของเขา แต่หากแม่ทำตัวเป็นเหมือนสมาชิกครอบครัวขึ้นมาเมื่อไร เขาจะปิดบังข้อมูล เมื่อ Judy บอกกับ Tony ว่า เขาต้องเข้ารับการบำบัด Tony ตอบว่า เขาจะยอมเข้ารับการบำบัด แต่ทุกๆ นาทีระหว่างการบำบัดนั้นแม่จะต้องนั่งแช่ในอ่างน้ำแข็ง เมื่อ Judy กดดันเรื่องการบำบัดขึ้นมาอีกครั้งโดยบอกว่า เขามีปัญหาเรื่องสมาธิ Tony ก็ฉุนเฉียวออกจากบ้านไป
เมื่อถึงเวลาที่ครอบครัวต้องเดินทางกลับ Andy กลับลังเล แม้ว่าหลายปีที่ผ่านมาความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องจะห่างเหิน แต่การได้พบเจอหลายๆ คนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนทำให้เขาอยากอยู่ Park City ดูแลพี่ชายต่อไป อีก 10 วันต่อมาเขากลับมาอยู่กับพี่ชายและตระหนักได้ในทันทีว่า เขาตกอยู่ในระบบนิเวศที่คนต่างแก่งแย่งชิงเงินของ Tony ด้วยการนำเสนอโครงการที่ไม่เข้าท่า และอาศัยอยู่ในบ้านที่คงจะซื้อเองไม่ไหว มีกฎอยู่ข้อหนึ่งที่ใช้ควบคุมพฤติกรรมในดินแดน Park City แห่งนี้ ซึ่งแสดงถึงเค้าลางที่ไม่สู้ดีนัก นั่นคือห้ามบอก Tony ว่า คุณวิตกกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมของเขา มิฉะนั้นอาจโดนอัปเปหิได้เลย
Andy คิดหาทางออกได้วิธีหนึ่งคือ ให้คนที่เขาไว้ใจได้มาคอยดูแล อันที่จริง Andy รู้อยู่แก่ใจว่าพี่ชายของเขาอยากทำงานกับเพื่อนเก่าอย่าง Tony Lee มาสักพักหนึ่งแล้ว Lee คือผู้นำการปล่อยสินเชื่อของ Wells Fargo ให้แก่ Zappos ในช่วงเวลาที่บริษัทเกือบล้มละลายเมื่อปี 2003 นับแต่นั้นมา Lee ทำงานให้กับธนาคารขนาดเล็กกว่าอีกหลายแห่ง ก่อนจะลงหลักปักฐานที่ Texas เพื่อรับหน้าที่บริหารจัดการด้านการเงินให้กับตระกูล Bass ผู้ทรงอิทธิพลแห่งธุรกิจน้ำมันด้วยมูลค่าทรัพย์สินกว่า 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ หลายปีที่ผ่านมา Lee และ Andy เป็นเพื่อนสนิทกัน Andy ถึงกับขอให้ Lee เป็นเพื่อนเจ้าบ่าวในงานแต่งงาน แต่งานก็มีอันต้องยกเลิกไป เวลานี้เมื่อการใช้จ่ายของพี่ชายเลยเถิดจนเกินความควบคุมแล้ว
Andy จึงนึกขึ้นได้ว่า เขาอาจขอความช่วยเหลือจากนักบริหารการเงินมืออาชีพให้เข้ามาตรวจสอบธุรกิจLee ลังเลที่จะตอบรับข้อเสนอที่จะต้องย้ายชีวิตและงานสบายๆ ใน Texas เข้ามาอยู่ในโลกแห่งความบ้าคลั่งของ Tony Hsieh แต่ก็ตกลงยอมเข้าพบ ระหว่างรับ-ประทานอาหารมื้อค่ำในร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ Main Street ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ปี 2022 Hsieh บอกกับ Lee ว่า เขาจะเปลี่ยน Park City ให้กลายเป็นชุมชนที่คล้ายกับที่เขาสร้างขึ้นใน Downtown Las Vegas เมื่อไม่กี่ปีก่อน
แต่จะต้องดีกว่า โดย Lee จะมีหน้าที่ดูแลด้านการเงินทั้งหมดในธุรกิจต่างๆ ของ Park City ซึ่ง Hsieh ใช้ข้อเสนอเหมือนกับที่เขาเคยให้คนอื่นๆ คือ เงินเดือนที่เพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีกเท่าตัวทำให้ Lee จะมีรายได้ปีละ 1.5 ล้านเหรียญ กระนั้นก็ดี Hsieh รู้สึกได้ว่า Lee ยังคงลังเล เขาจึงเสนอให้สมาชิกร่วมโต๊ะรับประทานอาหารค่ำคนหนึ่งเป็นผู้เกลี้ยกล่อม Lee โดยมีค่าตอบแทนให้ 10% หรือเท่ากับ 150,000 เหรียญ
หลังอาหารค่ำมื้อนั้น Andy ดึง Lee เข้ามาคุยด้วย เขาอธิบายว่า การย้ายมา Park City มีเหตุผลที่ฟังดูเข้าทีหลายประการด้วยกัน หากได้ Lee เข้ามาดูแลการเงินก็จะช่วยกำจัดคนที่เข้ามาฉวยโอกาสจากพี่ชายออกไปได้คำขอของ Andy มาพร้อมกับความเร่งด่วน เพราะเงินรั่วไหลออกจากบัญชีของ Tony มาหลายเดือนแล้ว หากจะมีคนที่กังวลเกี่ยวกับการขอเงินคนที่กำลังล่องลอยจากโลกแห่งความเป็นจริงออกไปทุกทีอันเป็นผลมาจากการใช้ยาเกินขนาดและพฤติกรรมแปลกๆ ก็มีเพียงน้อยคนนักที่ตระหนักได้ว่า พวกเขากำลังต่อรองกับ “ปีศาจ” ซึ่งปรากฏเด่นชัดเมื่อ Hsieh ค้นพบความหลงใหลสุดอันตรายอีกครั้งหนึ่ง
ในช่วงเวลาหลายสัปดาห์หลังออกจากโรงพยาบาล Hsieh หันมาศึกษาเรื่องการ “แฮ็ก” ระบบร่างกาย (biohacking) โดยหวังเพิ่มศักยภาพของตนเอง เขาเชื่อว่าการหายใจเอาไนตรัสออกไซด์เข้าไปจะทำให้ระบบออกซิเจนในเลือดเพิ่มขึ้น และไม่จำเป็นต้องนอนหลับอีกต่อไป ไนตรัสออกไซด์หรือที่รู้จักกันในชื่อแก๊สหัวเราะจากการนำมาใช้กับผู้ป่วยทันตกรรมนั้นมีจำหน่ายทางการค้าในรูปแบบเครื่องครัวที่ใช้งานในชีวิตประจำวัน คือเป็นถังที่ใช้ในเครื่องทำวิปครีม หรือที่เรียกว่า “Whip-It”
แม้ว่าการเสพไนตรัสออกไซด์จะผิดกฎหมาย แต่กลับเป็นที่นิยมในกลุ่มวัยรุ่นมานานหลายปี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเยาวชนที่อายุไม่ถึงเกณฑ์ซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และสายปาร์ตี้ที่ต้องการเสพยาราคาถูกที่ออกฤทธิ์เร็วแต่สมองก็มีขีดจำกัด ไนตรัสออกไซด์เกินขนาดอาจทำให้สมองได้รับความเสียหาย วัยรุ่นหลายคนเสียชีวิตจากก๊าซพิษที่ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน Hsieh สูบบุหรี่สลับกับสูดกระป๋อง Whip-It ราวกับดื่มน้ำขวด มีการประมาณว่า เขาสูดไปวันละกว่า 50 กระป๋อง
การรับไนตรัสออกไซด์เข้าร่างกายเกือบตลอดเวลาทำให้ Hsieh เริ่มแสดงพฤติกรรมแปลกๆ ครั้งหนึ่งเขาเหยียบเศษแก้วบาดเท้าแต่ก็ยังเดินเตร่ทั่ว Park City ทิ้งรอยเลือดไว้ตามพื้น เขาบอกว่า เป็นการทิ้งร่องรอยให้คนตามหาได้ง่าย อีกครั้งหนึ่งเขาพยายามงดน้ำงดอาหารเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเข้าห้องน้ำ เมื่อเวลาผ่านไปร่างกายเขาเริ่มเปลี่ยนแปลง น้ำหนักลดลงเหลือไม่ถึง 100 ปอนด์ จนซูบผอมราวโครงกระดูกจนถึงจุดหนึ่งเขาตกอยู่ในภาวะหวาดระแวง
เช้าวันหนึ่งเขาหลงเชื่อว่า Tyler Williams ผู้บริหาร Zappos เข้ามาในเมืองและพยายามเข้าแทรกแซง ความหวาดกลัวทำให้เขาจ้างเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในชุดดำจำนวนมากตั้งแนวกั้นล้อมรอบท้องทุ่ง ใครที่ขอเข้าพบ Hsieh จะต้องเผชิญกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยรอบด้าน ราวกับกำลังเข้าไปอาณาจักรที่ล้อมด้วยปราการ
ช่วงแรกที่ Hsieh ปรากฏตัวระหว่างรับ-ประทานอาหารและการประชุมซึ่งจัดขึ้นตามห้องต่างๆ เพื่อหารือโครงการมากมายที่มีการนำเสนอ เขาเริ่มใช้เวลาอยู่ในห้องนอนมากขึ้น เขานั่งประชุมจากบนเตียง รายล้อมด้วยกระป๋องไนตรัสออกไซด์ “ห้องของเขาดูเหมือนที่พักสำหรับคนไร้บ้าน” Andy เผยในภายหลัง “บนพื้นมีอุจจาระและมีต้นไม้อยู่ในส้วม เศษแก้วแตก จานแตกเกลื่อนบนพื้น มีอาหารเน่าอยู่ใต้เตียง อยู่ตามกำแพง น่าขยะแขยง”
การเสพติดไนตรัสออกไซด์เป็นจังหวะเดียวกับตอนที่ผู้คนต่างค้นพบวิธีใหม่ๆ ที่จะ
จับจ่ายใช้เงินของ Hsieh ซึ่งตัวเขาเองยินดีจ่ายจนสิ้นเนื้อประดาตัวจากโครงการแรงจูงใจไร้สาระที่เขาสร้างขึ้นเรียกว่า 10X
10X เปิดตัวครั้งแรกด้วยเป้าหมายอัน
ยิ่งใหญ่คือ ช่วยให้ Park City สามารถกลับมาเปิดทำการได้อีกครั้งท่ามกลางการระบาดของโรคโควิด-19 แผนของเขาคือ การตระเวนรับสมัครสมาชิกในราคา 10 เหรียญ โดยสมาชิกจะสามารถรับประทานอาหารและเครื่องดื่มได้ไม่อั้นตามร้านอาหารในท้องถิ่น ผู้เข้าร่วมโครงการยังจะได้รับเสื้อยืดและของที่ระลึกที่ประดับตราสัญลักษณ์ 10X ธุรกิจนี้ฟังดูไม่สมเหตุสมผลด้านการเงินนัก ราวกับเป็นกิจกรรมการกุศลเสียมากกว่า แต่ทางการ Utah ไม่เห็นด้วย และสั่งให้ใช้ระบบเช็กบิลแบบ Open Bar Tab ทั่วเมือง พร้อมกับสั่งปิดโครงการเมื่อพ้นสัปดาห์ที่ 2
แต่แนวคิดของ 10X ยังคงอยู่ และต่อยอดสู่โครงการอื่นในช่วงฤดูร้อน Hsieh เริ่มออกคำสั่งให้ทำทุกสิ่งทุกอย่างในอัตราคูณ 10 เช่น เร็วกว่าเดิม 10 เท่า ยิ่งใหญ่กว่าเดิม 10 เท่า ทำมากกว่าเดิม 10 เท่า นอกจากนี้เขายังยื่นข้อเสนอปรับเพิ่มเงินเดือนขึ้นจากเดิมอีกเท่าตัวสำหรับพนักงานใหม่ พร้อมประกาศว่า ใครก็ตามที่นำเงินของเขาไปใช้จนได้นั้นมีสิทธิ์ได้รับค่าคอมมิชชั่น 10% จากจำนวนเงินที่ใช้ เช่น หากมีใครจองเหมาร้านอาหารและจ่ายเงินไปทั้งสิ้น 1,000 เหรียญก็จะได้รับค่าตอบแทน 100 เหรียญ หากมีใครสามารถชี้ชวนให้คนเข้ามาอาศัยใน Park City ได้ก็จะมีสิทธิได้รับค่าคอมมิชชั่น 10% ของเงินเดือนรวมตลอดทั้งปี และหากมีใครที่สามารถเข้าทำสัญญาอสังหาริมทรัพย์และจ่ายเงินซื้อไป 1 ล้านเหรียญจะได้รับค่าตอบแทน 100,000 เหรียญ
จนถึงตอนนี้ Tony Lee ได้เข้ามาเป็นผู้ดูแลทางการเงินและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ขณะที่เงินไหลออกจากบัญชีของเพื่อนเก่า จากที่เคยดูแลชาร์ตผลประกอบการหุ้นที่ไม่มีอะไรหวือหวาให้กับตระกูล Bass แต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า Lee ในเวลานี้คือ ใบเสร็จรับเงินจากการลงทุนทองคำและอสังหาริมทรัพย์ บอลลูนลมร้อนและข้อเสนอให้กับบริษัทท่องเที่ยวด้วยเฮลิคอปเตอร์
Lee ยังเห็นด้วยว่าในบรรดาคนที่เข้ามาแย่งชิงเงินของ Hsieh เริ่มใช้ความพยายามอย่างเอาเป็นเอาตาย หลายครั้งเป็นเพราะโครงการ 10X เช่น ในช่วงปีหลังๆ Mimi Pham ซึ่งรับหน้าที่ผู้ช่วยส่วนตัวให้กับ Hsieh มายาวนานได้รับเงินเดือนเดือนละ 9,000 เหรียญ บวกกับค่าเดินทาง แต่เมื่อเรื่องราวของ Park City ก้าวเข้าสู่บทใหม่ เธอก็เจรจาขอขึ้นเงินเดือนเป็นเดือนละ 30,000 เหรียญ ซึ่งนับว่าเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับค่าคอมมิชชั่นที่เธอได้รับจากโครงการ 10X
โดยรวมแล้ว Pham ส่งใบแจ้งราคา (ในนามของบริษัทที่เธอมีอำนาจควบคุม) เรียกเก็บเงินเกินกว่า 20 ล้านเหรียญ ในเหตุการณ์หนึ่งเธอ “บริหารจัดการ” ผู้ให้บริการรายหนึ่งที่ได้รับค่าจ้างเดือนละ 83,333.33 เหรียญสำหรับ “ความช่วยเหลือและการบริหารจัดการโครงการต่างๆ” ทุกครั้งที่เขาได้รับค่าจ้าง Pham จะได้ค่าตอบแทน 8,333 เหรียญ เมื่อครั้งที่ Hsieh ซื้อรถบัสมาชุดหนึ่งและขอให้ Pham ดูแลการดัดแปลงเพิ่มเติมคิดเป็นมูลค่า 3.7 ล้านเหรียญ เธอก็ได้รับส่วนแบ่ง 10%
นอกจากนี้ Hsieh ยังลงทุน 7 ล้านเหรียญเข้าซื้อ Big Moose Yacht Club ซึ่งเป็นพื้นที่จัดงานในบริเวณอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำตั้งอยู่เบื้องล่างกระเช้าไฟฟ้าสำหรับลานสกีที่ Park City ทำให้ Pham ได้ค่าคอมมิชชั่นไป 700,000 เหรียญ
โครงสร้างรางวัลจูงใจอันบิดเบี้ยวของ Hsieh กำลังดำเนินไปอย่างที่เขาวาดภาพไว้ ผู้คนมากมายต้องการเข้ามาดำเนินการทุกอย่างให้กับเขา ตอนที่เขามีแนวคิดว่าจะเปิดสตูดิโอผลิตสารคดี Pham ก็อาสาดำเนินการ เธอกับHsieh ใช้กระดาษโน้ตจดบันทึกเงื่อนไขสัญญาจัดตั้งบริษัท โดยมีเงินทุนสนับสนุนโครงการภาพยนตร์สารคดีที่ว่างจ้างให้สตูดิโอ XTR เป็นผู้ผลิตจำนวน 10 ล้านเหรียญ
บริษัทที่จัดตั้งขึ้นมานี้อยู่ภายใต้การควบคุมของ Hsieh, Pham และ Roberto Grande แฟนหนุ่มของ Pham ซึ่งเป็นอดีตทนายความที่ใฝ่ฝันอยากเป็นผู้ผลิตภาพยนตร์ สัญญาดังกล่าว
มีข้อกำหนดส่วนหนึ่งให้ Pham และ Grande มีสิทธิ์ได้ส่วนแบ่งผลกำไรถึง 55% โดยไม่ต้อง
ลงทุนเองแม้แต่น้อย โครงการ 10X ยังทำให้Grande มีสิทธิ์ได้รับค่าคอมมิชชั่นอีก 1 ล้านเหรียญจากการจัดตั้งบริษัท ต่อมา Pham ยังเรียกเก็บค่าบริการจาก Hsieh อีก 10% เป็นค่าตอบแทนจากการว่าจ้างทนายความเข้ามาจัดการค่าคอมมิชชั่น 1 ล้านเหรียญให้กับ Grande นั่นเอง
2 เดือนต่อมา Grande บอกกับ XTR ว่า Hsieh อนุมัติเงินทุนให้อีก 7.5 ล้านเหรียญ แม้จะไม่ชัดเจนว่ามีการจ่ายเงินจริงหรือไม่แต่หลังจากนั้นไม่นานกลุ่มทนายความผู้กำหนดเงื่อนไขค่าคอมมิชชั่น 1 ล้านเหรียญให้กับเขานั้นได้แก้ไขสัญญา โดยระบุว่า จำนวนเงินที่ต้องจ่ายให้กับ Grande คือ 1.75 ล้านเหรียญความพยายามของ Pham ทำให้เธอต้องขัดแย้งกับ Suzie Baleson เพื่อนคนหนึ่งของ Hsieh อยู่เสมอ
ก่อนหน้านี้ Baleson เคยร่วมงานกิจกรรมต่างๆ กับ Hsieh ในฐานะผู้ติดตาม ในเวลานั้นเธอมีหน้าที่ดูแลการดำเนินการต่างๆ ในอาณาจักร Park City ครั้งหนึ่ง Pham เสนอบทลงโทษ “Suzie Penalty” ซึ่ง Hsieh ก็เห็นด้วย กล่าวคือ หากวันใด Baleson เข้ามาเหยียบบนทรัพย์สินของ Hsieh เธอจะโดนปรับ 30,000 เหรียญ แม้จะฟังดูเป็นตัวเลขที่มโหฬารเอามากๆ แต่ Hsieh ก็เก็บค่าปรับมาได้ 1.83 ล้านเหรียญ พร้อมกับใบเรียกเก็บเงินจาก Grande ซึ่งสุดท้ายแล้วเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนให้ Grande เป็นเงิน 420,000 เหรียญ
อีกคนหนึ่งที่ Pham ดูเหมือนจะมีปัญหาด้วยอยู่บ่อยๆ คือ Andy Hsieh นับตั้งแต่ Tony ได้พบกับ Paula Abdul เมื่อช่วงต้นปีนั้นเอง เขาก็อยากให้เธอมาจัดการแสดงที่ Park City ประจวบเหมาะกับที่รายการทัวร์ของเธอต้องยกเลิกไปจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เธอพอจะมีเวลา Hsieh เสนอให้ Abdul ขึ้นแสดง 180 รายการในเวทีท้องถิ่นที่เรียกว่า Yellowstone ด้วยสัญญามูลค่า 9 ล้านเหรียญ ซึ่งใครก็ตามที่สามารถปิดสัญญาได้จะได้รับค่าคอมมิชชั่น 900,000 เหรียญ Andy บอกว่า เขาเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ขณะที่ Pham แย้งว่า เธอต่างหากที่มีสิทธิ์ได้รับค่าคอมมิชชั่นแต่สุดท้ายข้อเสนอดังกล่าวก็ไม่เกิดขึ้น
ส่วนอีกเหตุการณ์นั้น Andy และ Pham ต่างหว่านล้อม Tony เกี่ยวกับผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับค่าคอมมิชชั่น 10% จากที่ดินราคา 15 ล้านเหรียญที่เขาอาศัยอยู่ในช่วงเดือนท้ายๆ อันบ้าคลั่งก่อนที่ Hsieh จะเสียชีวิตจากไฟไหม้ในโรงเก็บของ (เขาวางกระป๋องไนตรัสออกไซด์ เทียนไข และโพรเพนไว้เป็นด่านป้องกันรอบตัว) Andy พยายามรวบรวมความช่วยเหลือให้คนอื่นๆ ปฏิบัติตามสัญญาที่ผูกมัดกับเงินของพี่ชาย เมื่อถึงจุดหนึ่งเขาขอให้เพื่อนอีกคนคือ Janice Lopez เกลี้ยกล่อมให้ Hsieh ลงทุน 10 ล้านเหรียญในกิจการที่กลายมาเป็นเจ้าของบริษัทเตกีล่า แม้กระทั่งเสนอไปว่า Lopez ขอค่าตอบแทน 50 ล้านเหรียญ แต่ Lopez ปฏิเสธ จึงไม่มีการทำสัญญาใดๆ ในส่วนของ Tony Lee นั้นในตอนแรกดูเหมือนว่าเขาจะยุให้ Andy ตามทวงค่าคอมมิชชั่นจากโครงการ 10X
“ยินดีให้คุณเป็นตัวแทนทำสัญญาให้ผม” Lee ส่งข้อความถึง Andy โดยหมายถึงสัญญาเงินเดือน “ลองไปคุยกับเขาดู” “ได้เลย ไว้ผมจะไปคุย” Andy ตอบกลับ “บอกเขาด้วยว่า ผมเป็นตัวแทนของคุณ”
Lee มีท่าทีกระตือรือร้น “คุณต้องได้ค่าคอมมิชชั่นของตัวเองเดี๋ยวนี้ ไปเอามา :)) หวังว่า Tony จะจ่ายให้” “ผมจะไปคุยกับ Tony! คุณก็บอกเขาด้วยละกันว่าผมเป็นตัวแทนของคุณ” Andy ตอบกลับ “ยิ่งผมได้เงินเดือนสูง จะ 1.4 หรือ 1.5 ล้านเหรียญ คุณยิ่งต้องได้คอมมิชชั่นมากขึ้น ไปสู้เพื่อผมด้วย :))” “วินวินทั้งสองฝ่าย” Andy ตอบกลับข้อความ “ตื่นเต้นมากที่ได้คุณมาอยู่ที่นี่ เราจะได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน”
ในเวลาต่อมา Lee อ้างว่าเขาไม่รู้เลยว่าHsieh ป่วยหนักจนกระทั่งเขาตัดสินใจรับงาน หลังจากเริ่มงานได้ไม่นาน ความสัมพันธ์ของเขากับ Andy ก็เริ่มออกรสเปรี้ยว เขาเชื่อว่า Andy อยากฉวยโอกาสมากกว่าจะปกป้องพี่ชาย ครั้งหนึ่ง Lee อ้างว่า Andy ขอให้เขาโอนเงินเป็นจำนวนมากถึง 100 ล้านเหรียญไปยังบัญชีที่ Andy ดูแลอยู่เพื่อกันไว้เป็น “เงินยามเกษียณ” ของ Tony แต่ Lee ไม่ยอม ซึ่งต่อมา Andy ออกมาปฏิเสธ
สำหรับความพยายามของ Andy ที่ต้องการเรียกร้องค่าคอมมิชชั่น 10% จากเงินเดือนของ Lee นั้นคิดเป็นจำนวนเงินกว่า 100,000 เหรียญ แต่ Tony ปัดตกไป แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องใหญ่ เพราะ Andy เปิดเจรจาสัญญาเงินเดือนกับพี่ชายด้วยตนเองไปแล้วที่ปีละ 1 ล้านเหรียญ
อ่านเพิ่มเติม : อนาคตที่ไร้กาเฟอีน เมื่อโลกร้อนกระทบแหล่งเพาะปลูกกาแฟ