Kristo Kaarmann ผู้ก่อตั้งบริการโอนเงิน Wise มหาเศรษฐีคนแรกของเอสโตเนีย - Forbes Thailand

Kristo Kaarmann ผู้ก่อตั้งบริการโอนเงิน Wise มหาเศรษฐีคนแรกของเอสโตเนีย

Kristo Kaarmann ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Wise บริษัทฟินเทคพัฒนาระบบโอนเงินข้ามประเทศ ก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีชาวยุโรปคนล่าสุด หลังนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ลอนดอนเมื่อวันพุธที่ 7 กรกฎาคม 2021 ด้วยวิธี Direct Listing

Kristo Kaarmann
Taavet Hinrikus และ Kristo Kaarmann ผู้ร่วมก่อตั้ง Wise บริษัทฟินเทคพัฒนาระบบโอนเงินข้ามประเทศ
ทั้งนี้ การนำหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์แบบ Direct Listing จะไม่มีการระดมทุนด้วยการออกหุ้น IPO เสนอขายสู่สาธารณะ เนื่องจากมีวัตถุประสงค์หลัก คือ การเพิ่มสภาพคล่องให้ผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่ง Wise เป็นบริษัทเทคโนโลยีแรกที่เลือกเข้าตลาดหุ้นลอนดอนด้วยวิธีนี้ เนื่องจากบริษัทสามารถทำกำไรได้อยู่แล้ว อีกทั้งวิธีนี้เพราะไม่มีค่าใช้จ่ายในการระดมทุนเหมือนกับการ IPO ปัจจุบัน Kristo Kaarmann มีสัดส่วนการถือครองหุ้นในบริษัทร้อยละ 18.8 ซึ่งหลังจากการนำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ที่ราคา 11 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหุ้น ทรัพย์สินสุทธิของเขาได้ปรับตัวสูงขึ้นมาอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญ และกลายเป็นชาวเอสโตเนียคนแรกที่เข้าสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีจากการจัดอันดับของ Forbes พร้อมกับ Taavet Hinrikus ผู้ร่วมก่อตั้งชาวเอสโตเนียอีกคน ผู้ซึ่งถือหุ้นร้อยละ 10.9 และมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1.1 พันล้านเหรียญ Wise ก่อตั้งขึ้นในปี 2011 ในชื่อ Transferwise ผู้ให้บริการโอนเงินใน 56 สกุลเงินด้วยอัตราค่าธรรมเนียมที่ต่ำ “เราไม่อยากเสียค่าธรรมเนียมให้กับธนาคารในการโอนเงินข้ามประเทศระหว่าง ลอนดอน ซึ่งเป็นที่ที่พวกเราทำงาน และเอสโตเนีย บ้านเกิดของเรา” Kaarmann และ Hinrikus กล่าวถึงวัตถุประสงค์แรกเริ่มในการก่อตั้ง ปัจจุบัน Wise ให้บริการโอนเงินข้ามประเทศมากกว่า 6 พันล้านเหรียญทุกเดือน ซึ่งในที่นี้ทางบริษัทระบุว่าสามารถประหยัดค่าธรรมเนียมให้กับกลุ่มลูกค้า 10 ล้านรายเป็นมูลค่ามากถึง 1.5 พันล้านเหรียญต่อปี เมื่อเทียบกับบริการโอนเงินระหว่างประเทศของ Western Union โดยระบุว่า บริการของ Wise สามารถโอนเงิน 1,000 ปอนด์ไปยังสหรัฐอเมริกาได้ถูกกว่า 18 เหรียญ ล่าสุด Wise ก้าวขึ้นเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่ใหญ่ที่สุด โดยมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดที่ 1.1 หมื่นล้านเหรียญ การเติบโต Kristo Kaarmann การเสนอขายหุ้น IPO ของ Wise เกิดขึ้นจากรายได้และการประเมินมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของบริษัทฟินเทคและธุรกิจรับชำระเงินจำนวนมากในช่วงที่มีการล็อกดาวน์จากการระบาดใหญ่ทั่วโลก  ยกตัวอย่างเช่น ในยุโรป นักลงทุนได้ผลักดันมูลค่าของ Checkout.com สตาร์ทอัพการชำระเงินออนไลน์จาก 5.5 พันล้านเหรียญในเดือนมิถุนายน 2020 เป็น 1.5 หมื่นล้านเหรียญในเดือนมกราคม 2021 ในขณะที่ฟินเทค Klarna มีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากถึง 3 เท่าในเวลาเพียง 6 เดือนจาก 1.1 หมื่นล้านเหรียญเป็น 3.1 หมื่นล้านเหรียญในเดือนมีนาคม ด้าน Wise ก็ได้จับกระแสการเติบโตดังกล่าว โดย บริษัทมีรายได้สิ้นสุด ณ เดือนมีนาคม 2019 ที่ 177.9 ล้านปอนด์ ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 302.6 ล้านปอนด์ในปีถัดมา และล่าสุดในเดือนมีนาคม 2021 ก็ได้เติบโตขึ้นมากถึงร้อยละ 136 ในระยะเวลาเพียง 2 ปี ด้วยมูลค่าบริษัท 5 พันล้านเหรียญ ก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในฟินเทคชั้นนำของยุโรป  ในเดือนกรกฎาคม 2020 Wise ตีมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์ที่นำโดยนักลงทุน ซึ่งทำให้เป็นหนึ่งในฟินเทคชั้นนำของยุโรป ทั้งนี้ การเติบโตของรายได้ได้รับอานิสงส์จากการทำธุรกรรมที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในปีงบประมาณ 2019 ลูกค้า 6 ล้านรายของ Wise ดำเนินการโอนเงินข้ามสกุลเงินมูลค่า 3.7 หมื่นล้านเหรียญ (ธุรกิจและส่วนบุคคล) ขณะที่ในปีงบประมาณ 2020 จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 8 ล้านราย และมีมูลค่าการทำธุรกรรมมากถึง 5.8 พันล้านเหรียญ และล่าสุดในปี 2021 Wise มีลูกค้าถึง 10 ล้านราย และมียอดธุรกรรมราว 7.4 พันล้านเหรียญ 2 พันล้านเหรียญ, 1.3 ล้านเหรียญ
Kristo Kaarmann
Kristo Kaarmann ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ Wise
ผู้ก่อตั้งให้สัมภาษณ์กับ Forbes ในปี 2016 ว่า Wise เติบโตขึ้นจากความต้องการประหยัดเงินของชาวเอสโตเนีย 2 คนในลอนดอน ระหว่างที่ Kaarmann ทำงานที่ Deloitte และ Hinrikus ทำงานที่ Skype ทั้งคู่ได้คิดค้นระบบเพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายค่าธรรมเนียมระหว่างร้อยละ 10 ถึงร้อยละ 12 ต่อเดือน “เราตระหนักดีว่าไม่จำเป็นต้องย้ายเงิน ไม่จำเป็นต้องทำการโอนเงินระหว่างประเทศ เพราะเงินมีอยู่แล้วในที่ที่จำเป็น” Hinrikus กล่าวในปี 2016 Hinrikus วิศวกรซอฟต์แวร์เอสโตเนียคิดค้นวิธีแก้ปัญหาง่ายๆ ด้วยการโอนเงินยูโรจากบัญชีธนาคารเอสโตเนียของเขาไปยังบัญชีเอสโตเนียของ Kaarmann ในขณะที่ Kaarmann จะโอนเงินปอนด์จากบัญชี HSBC ของอังกฤษไปยังบัญชีของ Hinrikus ที่ Lloyds  กระบวนการนี้ได้ช่วยให้พวกเขาประหยัดค่าธรรมเนียมการโอนเงินระหว่างประเทศ เช่นเดียวกับการเปลี่ยนสกุลเงิน เนื่องจากพวกเขาใช้อัตราแลกเปลี่ยนจริงหรือที่เรียกว่าอัตราตลาดกลาง ไม่นานหลังจากนั้น แนวคิดนี้ก็ได้แพร่กระจายไปยังชาวต่างชาติชาวเอสโตเนียคนอื่นๆ (ผ่านการแชทผ่าน Skype) ซึ่งเห็นการประหยัดเงินจำนวนมากในการแลกเปลี่ยนเงินด้วยวิธีนี้ ในที่สุดแพลตฟอร์มการแลกเปลี่ยนเงินที่เชื่อมโยงกับ Skype ก็ได้ก่อตั้งเป็น TransferWise ในปี 2011 และทั้งคู่จึงตัดสินใจลาออกจากงานและหาทุนด้วยตนเองเป็นเวลา 1 ปีก่อนที่จะเข้าสู่รอบการระดมทุนที่กวาดเงินทุนราว 1.3 ล้านเหรียญ สตาร์ทอัพแห่งนี้ด้รับความสนใจจากทั่วโลกในอีก 1 ปีต่อมา เมื่อมหาเศรษฐี Peter Thiel เป็นผู้นำในการระดมทุน Series C มูลค่า 6 ล้านเหรียญ ก่อนที่ต่อมาในปี 2014 มหาเศรษฐี Richard Branson จะเข้าลงทุน 26 ล้านเหรียญในหุ้นของบริษัทที่ไม่ได้รับการเปิดเผย Jeppe Rindom ผู้ก่อตั้ง Pleo ฟินเทคจากเดนมาร์ก กล่าวกับ Forbes ว่า Wise ถือกำเนิดขึ้นในช่วง “เหตุการณ์หงส์ดำ” ระหว่างวิกฤตการณ์ทางการเงิน และเสริมว่า “มีความเหมาะสมที่จะเสนอขายหุ้นต่อในครั้งที่สอง” พร้อมชื่นชมเบื้องหลังของความสำเร็จว่า “พวกเขาก้าวข้ามข้อจำกัดต่างๆ โดยไม่สร้างศัตรู ทำงานร่วมกับสื่อ โดยไม่สร้างความปั่นป่วน และลงทุนในวัฒนธรรมองค์กร ไม่ใช่เพียงแค่ผลิตภัณฑ์ของพวกเขา” นอกจากนี้ การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยังเป็นข่าวดีสำหรับพนักงาน 2,400 คนของ Wise ทั่วโลก ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากส่วนแบ่งในหุ้นของพนักงานร้อยละ 9.8 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ในทำนองเดียวกัน Wise ได้ขยายบริการนอกเหนือจากบริการโอนเงิน อาทิ การเสนอบัญชีธนาคารหลายสกุลเงินและบัญชีธุรกิจที่ออกแบบมาสำหรับการดำเนินงานทั่วโลก เข้าไปยังพื้นที่ที่ดำเนินการโดยธนาคารแบบดั้งเดิม และมีการออกบัตรเดบิตเป็นที่เรียบร้อยแล้วราว 1.6 ล้านใบ แปลและเรียบเรียงจากบทความ Founders Of Money Transfer Service Wise Become Estonia’s First Billionaires After London IPO เผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: Pierre Chen มหาเศรษฐีเทคโนโลยีไต้หวัน หนึ่งในนักสะสมงานศิลปะชั้นนำของเอเชีย