Diem ฝันที่สลายของ Facebook ในการสร้างคริปโต - Forbes Thailand

Diem ฝันที่สลายของ Facebook ในการสร้างคริปโต

FORBES THAILAND / ADMIN
02 Feb 2022 | 03:50 PM
READ 2141

ไม่ว่าคุณจะรู้จักสกุลเงินของ Facebook ในชื่อ Diem หรือ Libra ก็ตามก็ไม่สำคัญอีกต่อไป เพราะด้วยแรงกดดันจากหน่วยงานต่างๆ และชื่อเสีย(ง) ของ Facebook ก็ได้ฆ่าโปรเจ็กต์นี้ไปเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2019 หลังจากถูกจับตามองมานานหลายปีเนื่องจากแพลตฟอร์มของพวกเขาสร้างผลกระทบให้กับสังคมนับไม่ถ้วน ทาง Facebook ก็ได้เผยโฉมโปรเจ็กต์ที่ทะเยอทะยานที่สุดที่เคยมีมา โปรเจ็กต์นั้นคือสกุลเงินคริปโตที่ชื่อว่า Libra หรือ Diem ที่มีบริษัทข้ามชาติมากมายหนุนหลังอยู่

ความพยายามในครั้งนี้มีเป้าหมายใหญ่หลวงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการให้บริการด้านการเงินให้กับที่ที่มีสถาบันการเงินไม่เพียงพอ รวมถึงยังเป็นการต่อยอดภารกิจที่จะเชื่อมโลกใบนี้กับตลาดเงินดิจิทัลที่กำลังเติบโตของทางบริษัทโซเซียลมีเดียแห่งนี้อีกด้วย

Diem
(Photo Illustration by Thiago Prudencio/SOPA Images/LightRocket via Getty Images)

เดิมที พวกเขาวางแผนเปิดตัว Libra ภายในไม่เกิน 1 ปี แต่ 2 ปีครึ่งให้หลัง โปรเจ็กต์นี้ที่พึ่งเปลี่ยนชื่อไปหมาดๆ เมื่อปีที่แล้ว ก็ได้เผยให้เห็นว่าอุปสรรคและแรงกดดันเรื่องข้อบังคับต่างๆ ทำให้โปรเจ็กต์ไม่มีวันที่จะสำเร็จ

เมื่อวันจันทร์ตามเวลาท้องถิ่น Diem Association ที่มี Facebook หนุนหลังประกาศว่าพวกเขาจะเลิกบริษัทจำกัด และขายทรัพย์สินทางปัญญารวมถึงสินทรัพย์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับแผนการสร้างเครือข่ายสกุลเงินคริปโตของพวกเขาให้กับ Silvergate Capital Corporation โดยดีลนี้มีมูลค่าถึง 182 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว และในประกาศยังระบุอีกด้วยว่าทางพวกเขาคาดว่าจะเริ่ม "เลิกกิจการ" ในอาทิตย์ต่อๆ มา 

เหล่าผู้วางระเบียบ ผู้บัญญัติกฎหมาย และผู้จับตามองอุตสาหกรรมการเงินก็คอยสอดส่องโปรเจ็กต์สกุลเงินคริปโตของทาง Facebook (นามปัจจุบันคือ Meta) นี้อย่างเต็มไปด้วยกังวลตั้งแต่เริ่ม โดยบริษัทนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นบริษัทที่มีปัญหาเรื่องปกป้องข้อมูลของผู้ใช้งานบนแพลตฟอร์มไม่ให้ถูกนำไปใช้ในทางอาชญากรรมและถูกคุกคาม

และจุดจบของโปรเจ็กต์สกุลเงินคริปโตนี้ก็เป็นสัญญาณว่าผู้วางระเบียบทั้งหลายที่คอยช่องหาทางขัดขา Meta อย่างไม่หยุดหย่อนแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรบริษัทยักษ์ใหญ่นี้ได้มากนัก สุดท้ายแล้วก็สามารถทำให้ยักษ์ใหญ่ด้านเทคตัวนี้ และแผนการขยายผลิตภัณฑ์ของมันสั่นคลอนได้อยู่บ้าง

"แม้จะให้คำตอบรับเรื่องการออกแบบเครือข่ายที่ดีเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตาม จากบทสนทนากับผู้วางกฎระเบียบจากรัฐบาลกลางสหรัฐ เราก็เห็นว่าโปรเจ็กต์นี้มันเดินหน้าต่อไปไม่ได้" Stuart Levey ซีอีโอแห่ง Diem Association กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์

เขายังได้เสริมอีกด้วยว่าทางกลุ่มเชื่อว่าผลงานได้ทำไปกับโปรเจ็กต์ Diem นี้จะเป็นเหมือนฐานข้อมูลให้กับโปรเจ็กต์ต่างๆ ในอนาคตที่สามารถ "ส่งมอบผลประโยชน์ที่เป็นตัวขับเคลื่อน Diem Association มาตั้งแต่เริ่ม"

Silvergate กล่าวในแถลงการณ์ว่า พวกเขาวางแผนใช้สินทรัพย์ของ Diem ลงทุนสร้าง stablecoin และเครือข่ายการชำระเงินระดับโลกบนระบบบล็อกเชนต่อไป

จุดเริ่มต้นอันซับซ้อน

เมื่อตอนที่ Facebook เปิดตัวโปรเจ็กต์ Libra พวกเขามีแผนที่จะสร้างสกุลเงินคริปโตครอบจักรวาลที่เข้าถึงได้ด้วยกระเป๋าเงินดิจิทัล ซึ่งทั้งหมดนี้จะถูกสร้างอยู่บนบล็อกเชน เทคโนโลยีอันซึ่งเป็นรากฐานของสกุลเงินคริปโตอื่นๆ อย่างบิตคอยน์ เป็นต้น 

ในแง่ทฤษฎี นี่อาจช่วยให้การใช้จ่าย และส่งเงินไปที่ไหนก็ตามในโลกใบนี้ทั้งง่ายขึ้นและถูกลง อีกทั้ง Libra จะมีสกุลเงินทั่วไป (Fiat Money) หนุนหลังอยู่จำนวนหนึ่ง เช่น ดอลลาร์ และยูโร เพื่อป้องกันการเกิดความไม่แน่นอนที่เป็นปัญหาในวงการสกุลเงินคริปโตอยู่ตอนนี้

โครงสร้างรวมถึงระบบจัดการและควบคุมของโปรเจ็กต์นี้มันซับซ้อนตั้งแต่แรก ซึ่งไม่ได้ช่วยให้โปรเจ็กต์นี้ได้รับการสนับสนุนด้านกฎเกณฑ์เท่าไรเลย 

Stuart Levey (Photo Credits: Financial Times)

แม้ว่า Facebook จะเป็นผู้เปิดตัวโปรเจ็กต์นี้ แต่ทางบริษัทกลับกล่าวว่าพวกเขาไม่ได้เป็นผู้ควบคุม Libra และทุนสำรองโดยหน้าที่นั้นจะตกเป็นของ Libra Association ที่ทั้งอยู่ ณ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์

Libra Association เป็นกลุ่มธุรกิจที่เริ่มแรกเป็นการจับมือของบริษัทกว่า 24 ราย และองค์กรไม่แสวงกำไรอีกจำนวนหนึ่ง โดยในรายชื่อนั้นมีทั้ง Facebook รวมไปถึง PayPal, Lyft และอีกมากมาย 

ทาง Facebook ได้ตั้งแผนกภายในนามว่า Calibra โดยแผนกนี้จะเป็นผู้สร้างกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ผู้คนสามารถเชื่อมต่อโดยใช้บัญชีใช้งาน Facebook ของพวกเขา และสามารถโอน และรับเงิน Libra ได้ แต่ทางบริษัทก็ได้กล่าวไว้ว่าบริษัทอื่นๆ เองก็สามาถสร้างกระเป๋าเงิน Libra ได้เช่นกัน

และแทบจะในทันทีทันใด ผู้วางระเบียบและผู้บัญญัติกฎหมายทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศอื่นๆ ต่างก็ไม่ไว้วางใจสกุลเงินใหม่ที่ผู้ใช้งาน Facebook พันล้านกว่าคนจะสามารถเข้าถึงได้ ในขณะที่หลายประเทศยังขาดกฎเกณฑ์พื้นฐานที่จะสามารถควบคุมเงินดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพอยู่ 

พวกเขากังวลว่า Libra อาจจะเป็นตัวคุกคามสกุลเงินระดับชาติ อย่างดอลลาร์สหรัฐ และตลาดด้านการเงินทั้งหลาย และอาจก่อให้เกิดอาชญากรรมทางไซเบอร์ รวมไปถึงทำให้ข้อมูลผู้ใช้งานตกอยู่ในอันตราย อีกด้วย

นอกจากนี้พวกเขายังเป็นกังวลอีกว่า โปรเจ็กต์นี้จะทำให้ Facebook ทรงพลังมากไป

"เราจำเป็นต้องส่งสารที่ชัดเจน แจ่มแจ้งไปยัง [ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Facebook Mark] Zuckerberg ว่าเขาไม่ได้อยู่ในโลกของตัวเขาเอง และเขาไม่สามารถได้ทุกอย่างตามที่คาดไว้ตลอดเวลา" Sylvia Garcia ผู้แทนรัฐ Texas จากพรรค Democrat บอกกับผู้สื่อข่าวในหลังจากที่โปรเจ็กต์นี้ได้เปิดตัวไป

บริษัทพาร์ตเนอร์ผู้ร่วมก่อตั้ง Libra Association ไม่ว่าจะเป็น PayPal, Mastercard รวมไปถึง Visa ก็ต่างพากันโบกมือลาโปรเจ็กต์นี้หลังจากต้องเจอกับการตรวจสอบที่รัดกุมขึ้น

ประชาพิจารณ์ การเปลี่ยนชื่อ และการโบกมือลาของผู้บริหารคนหลัก

Facebook และสมาชิกกลุ่ม Libra Association พยายามที่จะชักจูงผู้ตั้งกฎเกณฑ์ทั้งหลาย รวมไปถึงรัฐสภาสหรัฐที่ทำประชาพิจารณ์ด้วย อีกทั้งยังสัญญาที่จะทำตามกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินของสหรัฐฯ และกฎหมายเรื่องการ "รู้จักลูกค้าของคุณ" เช่นเดียวกับธนาคารต่างๆ

ในการแถลงการณ์เมื่อวันจันทร์ Levey แห่ง Diem กล่าวว่าด้วยข้อเสนอแนะจากผู้วางระเบียบและรัฐบาลจากทั่วโลก ทำให้โปรเจ็กต์นี้ได้ "วิวัฒน์และพัฒนาขึ้นอย่างมากพอตัว

David Marcus (Photo Credits: BLOOMBERG FINANCE LP)

แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ โปรเจ็กต์นี้ก็ยืดเยื้อมาเรื่อยๆ โดยมีความคืบหน้าน้อยนิดนัก ต่อมาในดือนพฤษภาคมปี 2020 Facebook ก็ได้เปลี่ยนชื่อระบบจ่ายเงิน Calibra เป็น "Novi"

หลังจากนั้น Libra Association ก็รีแบรนด์ใหม่เป็น "Diem" เพื่อสะท้อนธรรมชาติใหม่ของแบรนด์ที่จะลดขนาดลง และเหรียญนี้ก็จะมีสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐหนุนหลังเพียงสกุลเงินเดียวเท่านั้นอีกด้วย

โดยนี่เป็นความพยายามที่จะสร้างระยะห่างจากการเปิดตัว Libra ครั้งแรกที่ล้มเหลวไม่เป็นท่าของ Facebook ในตอนนั้น

ในเดือนตุลาคม 2021 ทาง Facebook ได้เปิดตัวกระเป๋าเงินดิจิทัล Novi แบบทดลองปราศจากสกุลเงินคริปโตของทาง Facebook แต่ผู้ใช้งานจะยังคงสามารถโอนและรับเงินดิจิทัลสกุลต่างๆ ได้

หลังจากนั้นไม่นาน David Marcus ผู้นำทีม Novi ที่เป็นหัวหอกโปรเจ็กต์ Libra ก็ได้ลาออกจากบริษัทเพื่อไปทำโปรเจ็กต์อื่นๆ

ในข้อความบนทวิตเตอร์จำนวนหนึ่งที่ถูกเผยแพร่เมื่อวันจันทร์ Marcus ได้แอบบอกเป็นนัยว่าชื่อเสียงด่างพล้อยของ Facebook อาจเป็นตัวการที่ฆ่าโปรเจ็กต์นี้อีกด้วย

"เราทุ่มทั้งใจ ทั้งกาย หยาดเหงื่อ และน้ำตา ให้กับสิ่งที่ผมจะยังคงเรียกว่า Libra ตลอดไป" Marcus กล่าว "ภารกิจคือแรงขับเคลื่อนของเรา และเรามาทุ่มเทตรงนี้ด้วยเหตุผลที่ถูกต้องล้วนๆ (ยังคงเป็นจริงอยู่ในวันนี้ เช่นเดียวกับวันนั้น นี่เป็นการเฉลิมฉลองให้กับบทใหม่ในการเดินตามวิสัยทัศน์กับผู้สนับสนุนที่เป็นที่ยอมรับมากกว่า"

แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ Facebook’s dream of creating its own global cryptocurrency officially comes to an end เผยแพร่บน ​CNN.com

อ่านเพิ่มเติม: จากผู้เพาะพันธุ์เป็ด สู่ ผู้พิชิตวิกฤติโอไมครอน


ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine