Ye Guofu เศรษฐีพันล้านกำลังผลักดัน Miniso แบรนด์ร้านค้าปลีกของเขาอย่างหนักเพื่อวางรากฐานการเติบโตในเวทีโลก
ในช่วงก่อนโควิด-19 Ye Guofu ผู้ก่อตั้งร้านจำหน่ายสินค้าไลฟ์สไตล์ราคาย่อมเยาสัญชาติจีนภายใต้ชื่อ Miniso จะใช้เวลาเป็นเดือนๆ มองหาตลาดที่มีศักยภาพใหม่ๆ แม้โรคระบาดได้หยุดการเดินทางของเขาลงชั่วคราว แต่นั่นก็ไม่สามารถขัดขวางแผนการขยายร้านค้าไปในต่างประเทศของเขาได้ “บริษัทของเรายังคงคิดถึงหนทางที่จะเติบโต” ผู้บริหารวัย 44 ปีกล่าวระหว่างการสัมภาษณ์แบบเผชิญหน้า ณ สำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ Guangzhou ถือเป็นการให้สัมภาษณ์ครั้งแรกๆ ของเขากับสื่อต่างประเทศชั้นนำ “ผมมั่นใจในภาพรวมระยะยาวของ Miniso” พัฒนาการของเชนค้าปลีกที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ใน New York ของ Ye ยังเดินรุดหน้าไปอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว แม้โรคระบาดจะส่งผลกระทบกับบรรดาร้านค้าปลีกที่ตั้งอยู่โดยทั่วไปแต่ร้านค้าของบริษัทที่จำหน่ายสินค้าภายในบ้านด้วยราคาไม่แพงและมีการออกแบบสินค้าอย่างทันสมัยของเขา อย่างเช่น จำหน่ายมาสคาร่าราคา 2 เหรียญสหรัฐฯ และหูฟังโทรศัพท์ราคา 6 เหรียญก็สามารถเปิดสาขามากกว่า 400 แห่งในรอบ 12 เดือนจนถึงเดือนกันยายนที่ผ่านมา จากจำนวนร้านค้าทั้งหมด 4,330 แห่งของ Miniso ทั่วโลก ราว 60% อยู่ในประเทศจีน และที่เหลือก็กระจายอยู่ใน 80 ประเทศและดินแดนต่างๆ โดยร้านค้าทั้งหมดมีจุดยืนร่วมกันคือ ยึดมั่นรูปแบบร้านภายใต้มาตรฐานของแบรนด์ ที่เน้นถึงการจัดวางสินค้าเป็นแถวสะอาดอย่างเป็นระเบียบ สะดุดตาคล้ายๆ กับยักษ์ใหญ่เชนค้าปลีกสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Muji และ Uniqlo
Ye Guofu ครอบครองทรัพย์สินมูลค่า 6.6 พันล้านเหรียญโดยคิดคำนวณจากการครอบครองหุ้นใน Miniso และเขากำลังเตรียมเปิดตัวร้านเพิ่มเติมในต่างประเทศในปีนี้ แต่กระนั้นบางร้านของเขาก็ได้ปิดให้บริการชั่วคราวและลดจำนวนชั่วโมงของการเปิดร้านให้บริการลงและนี่ก็ได้ส่งผลกระทบกับรายได้ในปีที่ผ่านมา โดยยอดขายในไตรมาส 3 ที่ผ่านมาลดลงราว 30% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อนหน้า ไปอยู่ที่ 305 ล้านเหรียญ
Ye กล่าวว่า สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นแล้วในประเทศจีน ซึ่งยอดขายและจำนวนผู้เข้ามาซื้อของในร้าน Miniso ฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับก่อนที่จะมีโรคระบาด จากข้อมูลที่สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนได้ระบุว่า ยอดค้าปลีกทั่วประเทศจีนเติบโตขึ้น 5% ในไตรมาส 4 ที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สำหรับในไตรมาส 2 ของปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีรายได้ราว 2.3 พันล้านหยวน (355 ล้านเหรียญ)
สำหรับตลาดต่างประเทศเขามีมุมมองในเชิงบวกเช่นกัน เหตุผลเพราะมีพื้นที่ค้าปลีกไม่มีคนจับจองมากขึ้นและมีราคาค่าเช่าที่ลดลง Ye บอกว่า นี่เป็นเวลาที่ดีทั้งกับบริษัทและกับผู้ซื้อแฟรนไชส์ของบริษัทที่จะมองหาที่เช่าที่เหมาะๆ ได้ และนี่ยังเป็นโอกาสที่จะสร้างการเติบโตมากกว่าจะเผชิญหน้ากับความเสี่ยงที่จะเกิด
โดยบริษัทของเขาได้ทำงานร่วมกับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อเสาะหาพื้นที่ใหม่ๆ พร้อมกับยังหาหนทางการทำงานภายใต้ข้อจำกัดตามมาตรการของรัฐบาลที่ออกมา นี่เป็นวิถีใหม่ของบริษัท ในเดือนธันวาคม Miniso ได้เปิดร้านแรกที่ประเทศไอซ์แลนด์หลังจากพวกเขาใช้เวลาประเมิน 6 เดือน “ไอซ์แลนด์ไม่เคยมีธุรกิจอย่างพวกเรามาก่อน” Ye กล่าว และบอกเพิ่มเติมว่า จนถึงวันนี้เขาพึงพอใจกับยอดขายที่ได้
Ye กล่าวว่า เขายังมั่นใจกับการเติบโตในระยะยาวของตลาดสหรัฐฯ อินเดีย อินโดนีเซีย รวมถึงลาตินอเมริกา ซึ่งบริษัทมีฐานลูกค้ากลุ่มใหญ่อยู่แล้ว “ในอนาคตบางทีจำนวนร้านค้ามากกว่าครึ่งของพวกเราจะตั้งอยู่ในต่างประเทศ” เขากล่าว
ในจำนวนร้านค้าทั่วโลกของบริษัทมีเพียง 120 ร้านที่ Miniso ได้บริหารเองโดยตรง ที่เหลือก็ดำเนินธุรกิจภายใต้โมเดลธุรกิจที่เรียกว่า asset light (บริษัทไม่ได้ถือครองทรัพย์สินต่างๆ เป็นของตน) โดยผู้ซื้อแฟรนไชส์ของบริษัทจะรับผิดชอบในการเช่าอสังหาริมทรัพย์นั้นๆ ซึ่งแนวทางการทำธุรกิจในรูปแบบนี้ได้ทำให้บริษัทขยายร้านออกไปได้อย่างรวดเร็วตั้งแต่เปิดตัวออกมาเมื่อ 7 ปีที่แล้ว
สำหรับหน้าที่ของ Miniso นั้นจะรับผิดชอบในการอบรมพนักงาน ตรวจสอบกลยุทธ์ด้านการขาย และจัดหาสินค้าต่างๆ โดยส่วนแบ่งของพันธมิตรธุรกิจอยู่ที่ระหว่าง 33% และ 38% จากรายได้ที่ได้มาแต่ละวัน ตามที่ Vincent Huang รองประธานกรรมการผู้มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลการบริหารในตลาดโลกได้กล่าวไว้
เพื่อให้พันธมิตรทางธุรกิจสามารถฝ่าฟันความท้าทายต่างๆ ได้ Ye บอกว่า Miniso ได้เข้าไปช่วยเรื่องการจัดการมากกว่าเชนธุรกิจอื่นๆ ตัวอย่างเช่น ผู้ประกอบการแฟรนไชส์สามารถมองหาสินค้าจากภายนอกและนำมาจำหน่ายภายใต้แบรนด์ของเจ้าของได้ “ผู้ประกอบการแฟรนไชส์ของพวกเราเพียงเตรียมเงินไว้ (เพื่อเปิดตัวร้าน) แต่สิทธิ์การบริหารและการปฏิบัติการยังคงอยู่กับพวกเรา” เขาอธิบาย โดยเอกสารของบริษัทได้ระบุไว้ว่า โดยปกติพันธมิตรจะได้เงินทุนขั้นต้นคืน ซึ่งรวมไปด้วยค่าใช้จ่ายด้านพนักงานและค่าอสังหาริมทรัพย์ได้ราว 12-15 เดือน
แต่ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดสำหรับ Miniso ในอนาคตอันใกล้ยังเป็นเรื่องของผลกระทบจากโรคระบาด ซึ่งยังส่งผลกระทบกับยอดขายของบริษัทอย่างต่อเนื่อง แต่ Ye มองว่าการฟื้นตัวของโลกมีแนวโน้มปรากฏให้เห็นแล้ว ดังนั้น เขายังเดินหน้าแผนขยายการลงทุน ซึ่งรวมไปถึงการเปิดตัวร้านในโปรตุเกสในเดือนมกราคม “ผมคิดว่า ผมเป็นคนเต็มไปด้วยพลัง เป็นคนแนวบุก” Ye กล่าว สำหรับการเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศจีน Ye เขาได้ถูกเรียกขานในชื่อเล่นว่า kai dian kuang mo หรือคนคลั่งเปิดร้าน “แต่เบื้องหลังการขยายงานในเชิงรุกนั้นมาจากความเชื่อมั่นในธุรกิจของผม” เขากล่าว

- RIVIAN ยื่นขอเสนอขายหุ้น IPO หลังมีคำสั่งซื้อยานยนต์ไฟฟ้าล่วงหน้า 150,000 คัน
- HUI KA YAN จากบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชียสู่การล่มสลายของ EVERGRANDE
- วัลลภา ไตรโสรัส แม่ทัพ AWC POWER OF LAND DEVELOPER
คลิกอ่าน "แผนการใหญ่ของ Miniso" ฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนสิงหาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine



