ชาวอินเดียไม่ว่าจะมีฐานะทางการเงินอยู่ในระดับใด ล้วนแต่ให้ความสำคัญกับการเฉลิมฉลองพิธีมงคลสมรส ซึ่งมักจะจัดอย่างน้อย 2-3 วัน จึงไม่น่าแปลกใจที่งานแต่งงานของชาวอินเดียจะตามมาด้วยค่าใช้จ่ายจำนวนมากตั้งแต่พิธีการ งานสังสรรค์ ไปจนถึงเครื่องแต่งกายอันล้ำค่า
ทว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา กลับกลายเป็นอุปสรรคขัดขวางการเติบโตของตลาดชุดแต่งงานอินเดียที่มีมูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ กระทั่งในวันนี้ที่รัฐบาลอินเดียได้ยกเลิกมาตรการทั้งหมดในการควบคุมโรคโควิด-19 ทำให้การเฉลิมฉลองงานแต่งงานกลับมาคึกคักอีกครั้ง เอื้อประโยชน์ให้กับ Ravi Modi ประธานและกรรมการผู้จัดการ Vedant Fashions บริษัทค้าปลีกเสื้อผ้ารายใหญ่ที่สุดของประเทศ Vedant Fashions รายงานรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 84 เป็น 1.04 หมื่นล้านรูปี (138 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ขณะที่กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นกว่าเท่าตัวเป็น 3.15 พันล้านรูปีสำหรับปีงบการเงินสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มีนาคม 2022 ไม่เพียงเท่านี้ ในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2022 บริษัทยังได้เปิดสาขาใหม่อีก 17 แห่ง รวมยอดร้านค้าในประเทศทั้งหมดเป็น 595 แห่ง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 1.1 ล้านตารางฟุต ซึ่งบริษัทคาดว่าจะสามารถขยายการเติบโตอีก 2 เท่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ด้าน Ravi Modi วัย 45 ปี ตัดสินใจนำบริษัทอายุ 23 ปี เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 ที่มูลค่า ณ ราคาตลาด 2.8 พันล้านเหรียญ ซึ่งปัจจุบันมูลค่าหุ้นได้ปรับตัวสูงขึ้นกว่าร้อยละ 12 ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าแตะ 3 พันล้านเหรียญเป็นที่เรียบร้อย ส่งผลให้ Modi มีรายชื่อปรากฏในทำเนียบ “มหาเศรษฐีพันล้าน” เป็นครั้งแรกในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 2.7 พันล้านเหรียญ ท่ามกลางความผันผวนในตลาดหุ้นและเงินรูปีที่อ่อนค่าลง ทั้งนี้ Modi เริ่มทำงานที่ร้านเสื้อผ้าของพ่อตั้งแต่สมัยที่ยังเป็นวัยรุ่น กระทั่งอายุ 22 ปี เขาจึงตัดสินใจก่อตั้งบริษัทของตัวเองเพื่อผลิตชุดอินเดียแบบดั้งเดิมในราคาไม่แพง โดยยืมเงิน 10,000 รูปี (235 เหรียญ) จากแม่ของเขาในปี 1999 โดย Modi ซึ่งแต่งงานตั้งแต่อายุ 21 ปีและกลายเป็นพ่อในอีก 1 ปีต่อมา ตั้งชื่อบริษัทว่า Vedant Fashions ตามชื่อบุตรชายของเขา และตั้งชื่อแบรนด์เสื้อผ้าว่า Manyavar ซึ่งหมายถึง “ความโดดเด่น” และ “ความเคารพนับถือ” ในภาษาฮินดูพื้นเมือง จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ชายตั้งแต่ sherwanis (เสื้อที่มีลักษณะคล้ายเสื้อโค้ทตัวยาว) kurta (เสื้อคอจีนหลวม) ไปจนถึงแจ็กเก็ตเนห์รู (Nehru jackets) ในระยะเวลาเพียง 2 ทศวรรษต่อมา เขาได้ขยายอาณาจักรแฟชั่นดังกล่าวไปยัง 223 เมืองในอินเดีย และในต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และสหรัฐอเมริกา โดยมีกลุ่มลูกค้าเป็นชาวอินเดียพลัดถิ่น วันนี้ Manyavar ก้าวขึ้นเป็นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มชุดแต่งงานสำหรับผู้ชายในแง่ของรายได้และผลกำไร ขณะที่เครื่องแต่งกายของสุภาพสตรีในแบรนด์ Mohey ซึ่งทางบริษัทได้ก่อตั้งในปี 2015 ก่อนที่จะเข้าซื้อกิจการ Mebaz ซึ่งเป็นแบรนด์เสื้อผ้ายอดนิยมในรัฐ Andhra Pradesh และ Telangana ทางตอนใต้ของอินเดียก็กำลังเติบโตอย่างสวยงาม อย่างไรก็ดี Vedant Fashions เป็นหนึ่งในบริษัทที่ไม่เคยทำแคมเปญส่วนลด ทว่าเลือกที่จะเพิ่มแบรนด์ลงในพอร์ตพอร์ตโฟลิโอ เพื่อให้ผู้บริโภคมีทางเลือกที่หลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น Manyavar จะวางจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในราคากลาง ขณะที่ Twamev เจาะผลิตภัณฑ์ระดับพรีเมียม และ Manthan รุกตลาดมวลชน ที่มีกลุ่มเป้าหมายที่มีจำนวนมาก ซึ่งจะเน้นการขายในเชิงปริมาณเป็นหลัก ควบคู่กับการคัดเลือกดาราบอลลีวูดยอดนิยมอย่าง Ranveer Singh และ Alia Bhatt มาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ ด้าน Vedant บุตรชายของ Modi ซึ่งปัจจุบันตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด กล่าวในการประชุมทางโทรศัพท์ครั้งล่าสุดกับนักวิเคราะห์ว่า “เรามีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งด้วยอัตรากำไรขั้นต้น ผลตอบแทน และกระแสเงินสดที่ดี ทุกรูปีของเงินลงทุนสามารถสร้างผลกำไรในอัตราที่เท่ากันหลังหักภาษี โดยกว่าร้อยละ 90 เป็นกระแสเงินสดอิสระ” ล่าสุด CRISIL บริษัทวิเคราะห์ใน Mumbai คาดการณ์ว่าตลาดเสื้อผ้าของอินเดียจะเติบโตราวร้อยละ 15 ถึง 17 ในอีก 3 ปีที่มูลค่า ณ ราคาตลาดประมาณ 1.37 พันล้านรูปี (1.83 หมื่นล้านเหรียญ) เนื่องจากในแต่ปีจะมีการเฉลิมฉลองงานแต่งงานราว 9.5 ล้านถึง 10.5 ล้านครั้งในอินเดีย ซึ่งมีงบประมาณรายวันโดยเฉลี่ยตั้งแต่ 1 ล้านรูปี (13,000 เหรียญ) ถึง 2 ล้านรูปี (26,000 เหรียญ) ด้าน Bharat Chhoda นักวิเคราะห์จาก ICICI Securities กล่าวในรายงานเมื่อเดือนมกราคมว่า การใช้จ่ายในงานแต่งงานที่เพิ่มขึ้นจะช่วยขยายตลาดให้เติบโตยิ่งขึ้น เป็นเหตุให้ Vedant ซึ่งมีแฟรนไชส์ที่แข็งแกร่งอยู่แล้วรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไปอีก แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ The Low-Profile Billionaire Who Makes Big, Fat Profits Selling Ethnic Garments For Big, Fat Indian Weddings เผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: การจัดอันดับ “เมืองที่มีค่าครองชีพแพงที่สุดในโลก” ประจำปี 2022ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine