Lucio Tan III ทายาทเศรษฐีพันล้านฟิลิปปินส์ ที่กำลังก้าวสู่บทผู้นำ - Forbes Thailand

Lucio Tan III ทายาทเศรษฐีพันล้านฟิลิปปินส์ ที่กำลังก้าวสู่บทผู้นำ

FORBES THAILAND / ADMIN
18 Dec 2023 | 09:40 AM
READ 3769

หลานชายของเศรษฐีพันล้านชาวฟิลิปปินส์ Lucio Tan กำลังก้าวขึ้นเป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจที่มีกิจการหลากหลายซึ่งปู่ของเขาเริ่มดำเนินกิจการเมื่อ 6 ทศวรรษก่อน แต่กระนั้นเขาต้องมองหาแหล่งสร้างกำไรใหม่ๆ เพราะธุรกิจหลักอย่างบุหรี่กำลังเข้าสู่ช่วงขาลง


    เมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หนึ่งในบริษัทใหญ่ที่สุดในฟิลิปปินส์มีการเปลี่ยนแปลงผู้นำครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อ Lucio Tan III ในวัยเพียง 30 ปี ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่แห่ง LT Group บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าตลาดราว 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ

    LT Group ยังเป็นบริษัทหนึ่งในฟิลิปปินส์ที่มีธุรกิจหลากหลายประเภทมากที่สุด โดยมีตั้งแต่เบียร์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อสังหาริมทรัพย์ ไปจนถึงการเป็นผู้ถือหุ้นที่มีอำนาจควบคุมในธนาคาร Philippine National Bank การทำกิจการร่วมค้าในธุรกิจผลิตบุหรี่ และการถือหุ้นในธุรกิจโรงงานน้ำตาล

    ขณะที่อีกขาหนึ่ง Tan ยังต้องดูแลธุรกิจอีกหลายอย่างของครอบครัว โดยเขาเพิ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ PAL Holdings ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของสายการบินแห่งชาติ Philippine Airlines และดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นผู้ให้บริการในสนามบิน MacroAsia

    นี่เป็นการเดิมพันครั้งใหญ่ที่ Tan ต้องหาตัวขับเคลื่อนการเติบโตตัวใหม่ๆ ให้กับ LT Group เนื่องจากกำไรของธุรกิจหลักอย่างบุหรี่กำลังอยู่ในภาวะขาลง และส่วนตัวแล้วการขึ้นสู่ตำแหน่งใหม่นี้ก็ยังมีความหมายกับเขามาก ในฐานะที่เขาถูกมองว่าเป็นทายาทผู้จะสืบทอดตำแหน่งผู้นำสูงสุดในตำแหน่งประธานกรรมการ ซึ่งผู้เป็นปู่ในวัย 88 ปีนั่งอยู่


    อุปสรรคหนึ่งที่เขาต้องเผชิญก็คือ เรื่องอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E ratio) ของบริษัทซึ่งอยู่ที่เพียง 4.2 เท่า สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ตอบรับไม่ค่อยดีนักและยังต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับบริษัทขนาดใหญ่รายอื่นๆ ที่อยู่ในเลข 2 หลักราว 15 เท่าหรือสูงกว่านั้น

    ภายหลังการแต่งตั้ง Tan ขึ้นเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่ LT Group ได้เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2023 พบว่า บริษัทมีกำไรสุทธิลดลง 2% ไปเป็น 6.4 พันล้านเปโซ (115 ล้านเหรียญ) สวนทางกับที่เคยทำได้เพิ่มขึ้น 24% ขึ้นไปสูงสุดทุบสถิติที่ 2.5 หมื่นล้านเปโซเมื่อปี 2022

    “เราจำเป็นต้องทำงานอย่างต่อเนื่องและบรรลุเป้าหมาย หรือทำให้เกินเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้เพื่อฟื้นความเชื่อมั่นของนักลงทุน” Tan กล่าว

    ที่จริงแล้วเส้นทางของ Tan ไม่ได้มุ่งไปสู่การเป็นผู้นำบริษัทที่มีความหลากหลายทางธุรกิจเช่นนี้เท่าไรนัก โดยเขามีความก้าวหน้าในอาชีพที่ Silicon Valley เมื่อ 4 ปีก่อนเขายังเป็นวิศวกรซอฟต์แวร์อยู่ที่ Lyft ซึ่งทำธุรกิจเรียกรถผ่านแอปหลังเรียนจบปริญญาตรีด้านวิศวกรรมไฟฟ้าและปริญญาโทด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์จาก Stanford University

    ย้อนกลับไปในช่วงนั้นเขาหวังเพียงแค่ว่าจะสั่งสมประสบการณ์ใน Silicon Valley ให้มากขึ้น หรือได้เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้นในบริษัทเทคหรือสตาร์ทอัพ แต่แล้วในปี 2019 การเสียชีวิตอย่างกะทันหันจากภาวะสมองเคลื่อนในวัย 53 ปีของผู้เป็นพ่อ Lucio Bong Tan Jr. ทำให้เขาต้องกลับฟิลิปปินส์เร็วกว่าที่คิดเอาไว้

    เขากลับมารับตำแหน่งแทนพ่อของเขาใน Tanduay เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2019 และสร้างการเปลี่ยนแปลงภายในอย่างรวดเร็วจนทำให้บริษัทอายุ 169 ปีที่มีชื่อเสียงจากเหล้ารัม Tanduay Rum กลายเป็นธุรกิจที่เติบโตเร็วที่สุดในเครือของ LT Group จากการพัฒนาระบบการผลิตและโลจิสติกส์ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจากปี 2019 ไปแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 1.5 พันล้านเปโซในปี 2022

    เขายังได้ริเริ่มการปรับเข้าสู่ระบบดิจิทัลหลายอย่าง เช่น การทำแพลตฟอร์มอี-คอมเมิร์ซที่ชื่อว่า shots.ph เพื่อให้ลูกค้าสามารถหาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ง่ายขึ้นทางออนไลน์ ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งช่องทางการขายที่ประสบความสำเร็จมากโดยเฉพาะในยุคการระบาดของโควิด-19 ด้วยแพลตฟอร์มใหม่นี้บวกกับกลยุทธ์การนำเสนอเครื่องดื่มมิกซ์ดริงก์ ทำให้ Tanduay สามารถขึ้นมาเป็นผู้นำตลาดด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 31% ในปี 2022 จากเดิมที่ 27% ในปีก่อนหน้า

    ในเดือนพฤษภาคม ปี 2022 Tan ได้รับการแต่งตั้งเป็นรองประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการของ LT Group นับเป็นการขยับขึ้นอีกขั้นก่อนจะก้าวมาสู่ตำแหน่งในปัจจุบัน และกลยุทธ์การบริหารจัดการของเขาในฐานะกรรมการผู้จัดการใหญ่ก็คือ การหมุนเวียนไปดูแลกิจการต่างๆ ของบริษัทให้ครอบคลุม โดยที่เขาจะทุ่มเทเวลา 1 วันต่อสัปดาห์ในการเจาะจงไปที่เรื่องใดเรื่องหนึ่งโดยเฉพาะ

    ทว่าคำถามที่เกิดขึ้นในขณะนี้ก็คือ เขาจะสามารถทำให้ธุรกิจอื่นๆ ในเครือประสบความสำเร็จเหมือนกับ Tanduay ได้หรือไม่
ธุรกิจที่ถือเป็นหัวใจหลักของบริษัทมาอย่างยาวนานก็คือ Philip Morris Fortune Tobacco (PMFT) บริษัทบุหรี่ที่มีการถือหุ้นในรูปแบบการร่วมทุนในสัดส่วน 50:50 กับ Philip Morris จากสหรัฐฯ โดยสามารถครองส่วนแบ่งการตลาดบุหรี่ในฟิลิปปินส์ได้ถึง 62% และเป็นแหล่งรายได้ที่สำคัญของอาณาจักร LT Group


    ทว่ากำไรสุทธิที่เคยทำได้ถึง 86% ในปี 2021 กลับลดลงเหลือเพียง 61% ในปี 2022 เมื่อรัฐบาลฟิลิปปินส์เริ่มมาตรการขึ้นภาษีบุหรี่จนทำให้เกิดการลักลอบนำเข้าบุหรี่ราคาถูกเข้ามา และส่งผลให้ยอดขายบุหรี่อย่างถูกกฎหมายในประเทศลดลงถึงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับช่วง 10 ปีก่อน จนเหลือเพียง 5.2 หมื่นล้านมวนในปี 2022

    รายได้ที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มนั้นนับว่าพอช่วยทดแทนธุรกิจบุหรี่ที่ทำเงินลดลงได้ ทว่าในผลประกอบการไตรมาส 1 ปีนี้กลับพบว่า Tanduay มีกำไรสุทธิลดลง 23% อยู่ที่ 258 ล้านเปโซ แต่ถึงอย่างนั้นผู้บริหารหนุ่มก็ยังมีความหวังว่าธุรกิจจะกลับมาเติบโตได้

    Tanduay ตั้งเป้าที่จะเพิ่มรายได้ด้วยการขยายการส่งออกเหล้ารัม จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนรายได้เพียง 1% ให้เพิ่มเป็น 5% ภายในปี 2030

    ที่ผ่านมาบริษัทมุ่งเป้าตลาดสหรัฐฯ เป็นหลักเพราะเป็นประเทศที่มีชาวฟิลิปปินส์อาศัยอยู่จำนวนมากและยังเป็นตลาดใหญ่ของเหล้ารัมอีกด้วย Tan ยังพยายามสร้างแบรนด์ก้าวขึ้นไปอีกขั้น หนึ่งในนั้นก็คือ การเป็นสปอนเซอร์ให้กับบรรดาทีมบาสเกตบอล NBA เช่น ทีม Golden State Warriors, ทีม Brooklyn Nets และทีม Milwaukee Bucks

    บริษัทยังส่งสินค้าไปขายยังออสเตรเลีย แคนาดา และประเทศอื่นๆ ในยุโรปด้วย ส่วนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ตลาดส่งออกในปัจจุบันยังจำกัดอยู่แค่ในสิงคโปร์ แต่เขาต้องการจะจับตลาดประเทศอื่นๆ เพิ่มเติมในภูมิภาค

    Asia Brewery ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเบียร์คืออีกหนึ่งธุรกิจดาวรุ่งของเครือ LT Group ในปี 2022 บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 22% อยู่ที่ 580 ล้านเปโซ จากผลตอบรับที่ดีในไลน์สินค้าหลายตัว เช่น เครื่องดื่มชูกำลัง Cobra และน้ำแร่ Absolut

    ธุรกิจการเงินกับธนาคาร Philippine National Bank (PNB) เป็นอีกหนึ่งธุรกิจในเครือที่การฟื้นกำไรถือเป็นความท้าทายครั้งใหญ่และเร่งด่วนสำหรับ Tan เนื่องจากภาวะหนี้เสียที่พุ่งสูงและสภาพเศรษฐกิจชะลอตัวลึกลง

    PNB นับเป็นธนาคารรายใหญ่ที่สุดอันดับ 6 ในฟิลิปปินส์โดยวัดจากมาร์เก็ตแคป มีสาขามากกว่า 600 แห่งทั่วประเทศ ทว่าในปี 2022 ที่ผ่านมาธนาคารมีกำไรสุทธิลดลงถึง 63% ไปอยู่ที่ 1.15 หมื่นล้านเปโซเมื่อเทียบปีก่อนหน้า แม้จะมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิที่สูงขึ้น รวมถึงได้กำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ที่ถูกยึด แต่ก็ถูกหักล้างไปจากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่พุ่งสูงขึ้น

    แม้ว่าไตรมาส 1 ปีนี้ผลประกอบการของธนาคารจะฟื้นตัวกลับมาด้วยกำไรสุทธิที่ปรับตัวขึ้นถึง 71% เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 4.8 พันล้านเปโซ แต่นักวิเคราะห์บางรายก็ยังมีข้อกังขา “เนื่องจากปีนี้จะไม่มีส่วนของรายได้พิเศษที่มาจากการขายสินทรัพย์ถูกยึด บวกกับปัจจัยแนวโน้มการปล่อยสินเชื่อที่ไม่เติบโต เราจึงคาดการณ์ว่าผลประกอบการของทั้งปี 2023 จะปรับตัวลดลง”

    Tan หวังจะนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาปรับใช้เพื่อให้คนเข้าถึงบริการทางการเงินได้ง่ายขึ้น ควบคู่ไปกับการใช้ระบบสาขาที่มีอยู่เพื่อขยายการปล่อยสินเชื่อให้กับผู้บริโภค โดย PNB มีแผนที่จะระดมทุนเพื่อใช้ในกิจกรรมการปล่อยสินเชื่อด้วยการนำ PNB Holdings บริษัทในเครือที่มีอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ชั้นเยี่ยมอยู่หลายรายการคิดเป็นมูลค่าราว 1 พันล้านเหรียญ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เดือนกุมภาพันธ์ ปี 2024

    สำหรับธุรกิจในส่วนอื่นๆ ของครอบครัวนั้น เขากำลังหาทางพลิกฟื้นธุรกิจสายการบิน Philippine Airlines (PAL) เนื่องจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวทั่วโลกได้ฟื้นตัวกลับมาจากยุคการระบาดของโควิด-19 แล้ว


    สำหรับยุคของรุ่นหลานในปัจจุบัน นอกเหนือจากการขับเคลื่อนธุรกิจของครอบครัวแล้ว Tan ยังต้องดูแลตระกูลใหญ่ที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย และสมาชิกครอบครัวบางคนก็มีตำแหน่งในธุรกิจของครอบครัวด้วย เขากล่าวว่า ญาติพี่น้องของเขาล้วนให้การสนับสนุนดี และเขาก็ได้รับคำแนะนำอย่างต่อเนื่องจากปู่ย่าตายายที่เขาเจอกันในเมืองแทบทุกวัน


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : บริหารกิจการแบบ Suntory ใช้สูตรผสมต่างวัย

คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2566 ในรูปแบบ e-magazine พิเศษ! ฉบับนี้แถมฟรี Forbes Life