หลังจากเพิ่งทำข้อตกลงครั้งสำคัญที่เปลี่ยน ESR ให้เป็นบริษัทจัดการอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ที่สุดของเอเชียมาหมาดๆ ประธานกรรมการ Jeffrey Perlman ได้เข้าซื้อสินทรัพย์ในโลกจริงจำนวนมากที่ใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจดิจิทัลซึ่งกำลังเฟื่องฟูในเอเชีย เช่น ศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล (Data Center), ศูนย์กลางโลจิสติกส์ และคลังสินค้า
Jeffrey Perlman ย้ายมาอยู่สิงคโปร์เมื่อปี 2016 นับตั้งแต่นั้นมาเขาได้จับตาดูการเติบโตที่พุ่งขึ้นอย่างน่ากลัวของ ESR Cayman ซึ่งจดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ในช่วงนั้นสินทรัพย์ภายใต้การจัดการของ ESR เพิ่มเร็วมากเกือบ 1,800% จนเป็น 1.4 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ ทำให้ ESR กลายเป็นบริษัทจัดการอสังหาฯ ใหญ่อันดับ 5 ของโลกเมื่อวัดจากมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) และเป็นบริษัทใหญ่ที่สุดที่มีฐานอยู่ในเอเชีย “ไม่เคยมีใครเขียนตำรากลยุทธ์แนวนี้มาก่อน เห็นชัดเลยว่ามีสิ่งที่พวกเราได้สร้างขึ้นนั้นได้ก่อประโยชน์ขึ้นมากมาย” Perlman กล่าวในห้องทำงานของเขาที่ Warburg Pincus ซึ่งมองออกไปเห็น Marina Bay Sands รีสอร์ตครบวงจรชื่อดังของสิงคโปร์ Perlman นั่งเป็นประธานกรรมการและเป็นผู้กำหนดทิศทางกลยุทธ์ของ ESR เขารับตำแหน่งนี้มาตั้งแต่ปี 2019 เมื่อ ESR นำหุ้นเข้าจดทะเบียนใน ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง พร้อมกันนี้เขายังดูแลกิจการอสังหาฯ ของบริษัทไพรเวทอิควิตี้แห่งนี้ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในฐานะกรรมการผู้จัดการ การเข้าซื้อกิจการยักษ์ใหญ่อสังหาฯ แห่งสิงคโปร์ ARA Asset Management ช่วยดันให้ ESR ทะยานขึ้นเป็นบริษัทจัดการอสังหาฯ ใหญ่ติดอันดับโลก ด้วยข้อตกลงธุรกิจที่เริ่มต้นเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และเสร็จสิ้นไปเมื่อเดือนมกราคม John Lim นักธุรกิจใหญ่ชาวสิงคโปร์ขายกิจการ ARA ของเขาซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการ 9.5 หมื่นล้านเหรียญให้ ESR ในราคา 5.2 พันล้านเหรียญ ทำให้ ESR มีสินทรัพย์เพิ่มขึ้นรวดเดียว 4 เท่าจากที่มีอยู่เดิม 3.64 หมื่นล้านเหรียญ การซื้อขายครั้งนี้สำเร็จได้เพราะทั้งสองฝ่ายมองเห็นประโยชน์ การควบรวมกิจการกับ ESR นั่นก็คือ Lim และนักลงทุนรายใหญ่ที่เป็นหุ้นส่วนกับเขามานานคือ เศรษฐีพันล้านชาวสิงคโปร์ Chew Gek Khim ผู้ถือหุ้นใหญ่ใน ARA ซึ่งเป็นบริษัทเอกชนได้เข้าไปถือหุ้นคนละประมาณ 5% ในบริษัทมหาชนที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ส่วน ESR ก็ได้ขยายขนาดในวงการซึ่งยิ่งบริษัทใหญ่เท่าไรก็ยิ่งดี Chew กล่าวถึงข้อตกลงครั้งนี้ไว้เมื่อปีที่แล้วว่า “เมื่อรวมทั้งสองบริษัทพวกเราจะสร้าง Blackstone แห่งเอเชียได้” ซึ่งเปรียบเทียบแบบนี้ก็เหมาะสม เพราะปัจจุบัน ESR เป็นบริษัทมหาชนด้านการจัดการอสังหาฯ ที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก ตามหลังแค่ Blackstone และ Brookfield เท่านั้น และ Perlman ก็ตั้งเป้าจะลดช่วงห่างระหว่าง ESR กับสองยักษ์ใหญ่จากอเมริกาเหนือให้ได้ “เราไล่จี้มาติดๆ แล้ว” Perlman กล่าว
- มุ่งไประดับโลก -
ESR ภายใต้การนำของ Perlman กำลังวางรากฐานอย่างมั่นคงให้กับโครงสร้างพื้นฐานในโลกจริงที่ใช้สนับสนุนอุตสาหกรรมอี-คอมเมิร์ซและดิจิทัลซึ่งกำลังเฟื่องฟูในเอเชียในรูปของศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล ศูนย์กลางโลจิสติกส์ และคลังสินค้า ESR สร้างและซื้อศูนย์โลจิสติกส์ทั่วภูมิภาคเพื่อตอบสนองความต้องการของยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซอย่าง Amazon, Alibaba, Coupang และ JD.com รวมทั้งรายอื่นๆ กลยุทธ์การพัฒนาอสังหาฯ สำหรับธุรกิจในเศรษฐกิจกระแสใหม่แทนที่จะสร้างตึกระฟ้าวาววับ โรงแรมหรูเลิศ หรืออาคารโดดเด่น ถือเป็นความดีความชอบของ Perlman ผู้มีส่วนสำคัญในการร่วมก่อตั้งบริษัท e-Shang โดยบริษัทจากเมือง Shanghai แห่งนี้ได้ควบรวมกับ Redwood Group ของสิงคโปร์เมื่อปี 2016 และได้ก่อตั้ง ESR ขึ้น ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าตามราคาตลาด 1.5 หมื่นล้านเหรียญ ซึ่งได้ทำให้บรรดาบริษัทพัฒนาอสังหาฯ ชื่อดังของเอเชียส่วนหนึ่งดูเป็นบริษัทเล็กไปเลย “เราอยากเป็นนักพัฒนาและเจ้าของโครงการที่พวกอี-คอมเมิร์ซวิ่งเข้ามาหา และเราก็เริ่มต้นแบบนั้น” Perlman เล่า “วิสัยทัศน์คือ เริ่มจากให้บริการศูนย์โลจิสติกส์ จากนั้นค่อยๆ สร้างแพลตฟอร์มบริหารเงินทุนที่มีประสิทธิภาพ”
Perlman เองย้ายมาอยู่สิงคโปร์ในปี 2016 เขาใช้ประเทศแห่งนี้เป็นฐานดูแลการลงทุนของ Warburg Pincus โดยเขามองว่า สิงคโปร์เป็นจุดศูนย์รวมธุรกิจที่ธุรกิจ ESR สามารถขยายตัวได้เพราะ ARA มีธุรกิจมั่นคงอยู่แล้วในเมืองศูนย์กลางการเงินเมืองนี้ ซึ่งรวมถึงสินทรัพย์ชั้นยอดอย่าง Suntec City ซึ่งเป็นโครงการแห่งความหลากหลาย ที่มีทั้งห้างสรรพสินค้า สำนักงาน และศูนย์ประชุม
นอกจากก่อตั้ง ESR เมื่อปี 2016 แล้ว ในปีนั้น Warburg Pincus ยังจับมือกับ Lim เพื่อเปลี่ยน ARA เป็นบริษัทเอกชน และนำหุ้นออกจากตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ในปีต่อมาด้วยข้อตกลงมูลค่า 1.3 พันล้านเหรียญ เมื่อพวกเราถาม Perlman ว่า ตอนที่ Warburg Pincus เข้าลงทุนใน ARA เขาได้เล็งโอกาสที่จะควบรวม ESR กับ ARA ไว้หรือเปล่า?

- โตอย่างโดดเด่น -
ESR ต้องการเสริมสถานะของตัวเองให้แกร่งยิ่งขึ้นด้วยการลงทุนในเศรษฐกิจกระแสใหม่ให้ลงลึกกว่าเดิม และบริษัทกำลังเร่งสร้างครัวกลาง อาคารเก็บสินค้าควบคุมอุณหภูมิ ศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล และคลังสินค้าทั่วเอเชียแปซิฟิก บริษัทระดมเงินได้กว่า 1 หมื่นล้านเหรียญในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเพื่อเป็นทุนให้โครงการเหล่านี้ และเปิดฉากปี 2022 ด้วยการตั้งกองทุนเสริมธุรกิจ 2 กองเพื่อจะระดมทุน 2.5 พันล้านเหรียญมาขยายธุรกิจของกลุ่มเข้าสู่อุตสาหกรรมศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลซึ่งกำลังบูม ESR สร้างคลังสินค้าใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิกเสร็จในช่วงที่โควิดกำลังระบาดหนักเมื่อเดือนมิถุนายน ปี 2020 Amagasaki Distribution Center ของ ESR มีพื้นที่ใช้สอยรวมเกือบ 390,000 ตารางเมตร อาคาร 6 ชั้นในเมือง Osaka แห่งนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวก เช่น ศูนย์ดูแลเด็ก เลานจ์ส่วนตัว และร้านค้าปลีก และมีจุดเด่นเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงมีเครื่องกำเนิดไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์และแท่นชาร์จไฟสำหรับรถบรรทุกไฟฟ้าอยู่ภายในศูนย์ บริษัทกำลังสร้างอาคารสูงที่สุดและทันสมัยที่สุดอีกแห่งใกล้สนามบิน Haneda ในกรุง Tokyo ซึ่ง Higashi Ogishima Distribution Center สูง 9 ชั้นของ ESR จะเป็นศูนย์โลจิสติกส์แห่งแรกของโลกที่สามารถขนส่งสินค้าซึ่งมีข้อจำกัดด้านเวลาเป็นพิเศษโดยใช้โดรนเมื่ออาคารพื้นที่ประมาณ 366,000 ตารางเมตรแห่งนี้สร้างเสร็จภายในเดือนมีนาคม ปี 2023
ส่วนในจีนซึ่ง ESR มีสินทรัพย์ภายใต้การจัดการอยู่กว่า 1.3 หมื่นล้านเหรียญนั้น ESR เพิ่งซื้อพอร์ตคลังสินค้า 11 แห่งซึ่งมีพื้นที่ใช้สอยรวม 550,000 ตารางเมตรมาในเดือนกุมภาพันธ์ โดยนับเป็นการซื้อขายครั้งใหญ่ที่สุดสำหรับเขตเมือง Shanghai และปริมณฑล และบริษัทก็กำลังสร้างพื้นที่โลจิสติกส์และศูนย์ข้อมูลใหม่ๆ รวม 2.5 ล้านตารางเมตรทั่วประเทศ
Perlman มองเห็นโอกาสโตได้อีกในจีน และไม่หวั่นไหวกับเรื่องที่ตลาดที่อยู่อาศัยในจีนแผ่นดินใหญ่อาจล่มหลังจาก China Evergrande Group บริษัทพัฒนาอสังหาฯ ซึ่งมีหนี้สูงที่สุดในโลกกว่า 3 แสนล้านเหรียญผิดนัดชำระหนี้กับผู้ถือหุ้นกู้มาหลายครั้งในปีที่แล้ว “ความตึงเครียดจะไปกองอยู่กับตลาดที่อยู่อาศัยหมด ข่าวพาดหัวจะมาจากตลาดนี้เสมอ” เขากล่าว “แต่โครงสร้างพื้นฐานในเศรษฐกิจกระแสใหม่มีรัฐบาลช่วยหนุนหลังไว้อย่างมาก พวกเขารู้ว่าต้องใช้คลังสินค้าเพิ่ม และรู้ว่าต้องใช้ศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลเพิ่ม”
นอกจากการเติบโตด้วยการทำธุรกิจตามปกติ ESR ยังคว้าข้อตกลงธุรกิจอีกหลายอย่างที่มีมูลค่ารวมกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญมาได้ในปี 2021 ซึ่งเป็นปีงานยุ่งที่สุดของบริษัท เมื่อเดือนเมษายนปีที่แล้วบริษัทจับมือกับกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์ GIC ซื้อพอร์ตคลังสินค้าทั่วออสเตรเลียในราคา 3.8 พันล้านเหรียญออสเตรเลีย (2.8 พันล้านเหรียญ) มาจาก Blackstone
โดยเป็นการซื้อขายครั้งใหญ่ที่สุดของวงการอสังหาฯ โลจิสติกส์ในประเทศนี้ และในเดือนเดียวกัน ESR ก็ยังลงทุนในโครงการศูนย์ปฏิบัติการข้อมูล 2 พันล้านเหรียญในญี่ปุ่นด้วย ต่อมาในเดือนตุลาคม 2 เดือนหลังจากประกาศเรื่องซื้อกิจการ ARA บริษัทก็เดินหน้าควบรวมกิจการของทั้งสองฝ่ายที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์คือ ARA Logos Logistics Trust กับ ESR REIT
Perlman กล่าวว่า ESR ที่ขยายใหญ่ขึ้นซึ่งมีสินทรัพย์คลังสินค้าและศูนย์ปฏิบัติการข้อมูลรวม 5.9 หมื่นล้านเหรียญอยู่ในพอร์ตจะสามารถดึงดูดนักลงทุนที่อยากลงทุนกับผู้จัดการอสังหาฯ แค่ไม่ กี่รายได้ รายงานของบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาฯ JLL ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์กล่าวว่า นักลงทุนทั่วโลกเทเงินประมาณ 4.8 หมื่นล้านเหรียญลงในอสังหาฯ ด้านโลจิสติกส์ทั่วเอเชียแปซิฟิกในปี 2021 ซึ่งทำลายสถิติสูงสุด 3.2 หมื่นล้านเหรียญในปีก่อนหน้า JLL ประเมินว่า ESR ที่ผ่านการควบรวมแล้วนี้จะมีศักยภาพในการใช้ประโยชน์จากตลาดมูลค่าประมาณ 2.5 ล้านล้านเหรียญทั่วเอเชียแปซิฟิกได้

- เพ็ญสิริ เสถียรวงศ์นุษา ACOM นำทัพอี-คอมเมิร์ซอาเซียน
- จากวง E STREET สู่ถนนทำเงินของ “BRUCE SPRINGSTEEN”
- ABEAM CONSULTING แนะการสร้างธุรกิจในอนาคตเพื่อผลกำไรในระยะยาว
คลิกอ่าน "Jeffrey Perlman เด็กใหม่ของวงการการลงทุน" ฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2565 ในรูปแบบ e-magazine



