Jeffrey Cheah โตด้วยธุรกิจสุขภาพ - Forbes Thailand

Jeffrey Cheah โตด้วยธุรกิจสุขภาพ

FORBES THAILAND / ADMIN
07 Oct 2024 | 09:01 AM
READ 733

5 ทศวรรษมาแล้วที่ Jeffrey Cheah สร้างความมั่งคั่งของเขาจากการพัฒนาชุมชนเมือง (Township) ที่มีทั้งคอนโด โรงแรม ห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล สถานศึกษา และมีกระทั่งสวนสนุก ในวันนี้เศรษฐีพันล้านชาวมาเลเซียมองว่าธุรกิจดูแลสุขภาพเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตตัวใหม่ของเขา


    Sunway Sanctuary ตกแต่งอย่างหรูหราในทุกจุด ณ โครงการนี้ครอบครองพื้นที่ชั้นบนสุด 16 ชั้นของอาคารสูงสร้างใหม่นอก Kuala Lumpur ที่นี่มีสระว่ายน้ำไร้ขอบซึ่งมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล มีเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวก 24 ชั่วโมง โรงภาพยนตร์ ห้องคาราโอเกะ และห้องเล่นไพ่นกกระจอก ซึ่งล้วนแต่หรูหราระดับโรงแรม 5 ดาว

    แต่ที่นี่ไม่ใช่โรงแรม Sunway Sanctuary คือที่พักวัยเกษียณระดับสูง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเดิมพันครั้งใหญ่ของ Sunway Group ในธุรกิจดูแลสุขภาพ โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือ ผู้ใช้บริการด้านสุขภาพของเอกชน นักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ และกลุ่มคนวัยเกษียณฐานะดีในมาเลเซียและจากต่างประเทศ

    ชั้นล่างๆ ของอาคารนี้เป็นที่ตั้งของ Sunway Medical Centre “เมื่อคุณมาอยู่ที่ Sunway Sanctuary ถ้าคุณมีอาการสมองขาดเลือดหรือหัวใจวายเฉียบพลัน” Jeffrey Cheah ประธานกรรมการของกลุ่ม กล่าวในการสัมภาษณ์ ณ สำนักงานใหญ่ของ Sunway นอก Kuala Lumpur “เราจะเข็นคุณลงไปที่ห้องฉุกเฉินได้ทันทีแทนที่จะต้องเรียกรถพยาบาล”  ในสถานการณ์ซึ่ง “เวลาสำคัญที่สุด” เขาย้ำว่า “ที่นี่มีทุกอย่างครบ”

    ถ้า Cheah จะมีคำพูดติดปากก็คงจะเป็นประโยคว่า “ที่นี่มีทุกอย่างครบ” ชายวัย 79 ปีคนนี้สร้างระบบนิเวศที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่มาแล้วหลายแห่ง โดยเริ่มต้นจาก Sunway City ซึ่งเคยเป็นเหมืองดีบุกนอก Kuala Lumpur แต่ปัจจุบันกลายเป็นบ้าน สำนักงาน หรือห้องเรียนของคน 200,000 คน ที่นี่มีทุกอย่างทั้งร้านค้าปลีก โรงแรม และมหาวิทยาลัย 3 แห่ง โครงการชุมชนเมือง (township) แห่งที่ 2 ของเขาอยู่ที่เมือง Ipoh และมีทุกอย่างพร้อมเช่นกันรวมทั้งสวนน้ำด้วย และโครงการที่ 3 ของ Sunway กำลังเริ่มเติบโตอยู่ที่เมือง Iskandar Puteri ในรัฐ Johor ทางใต้ของมาเลเซีย

    เศรษฐีพันล้านชาวมาเลเซียกำลังอยากเพิ่มธุรกิจดูแลสุขภาพรูปแบบต่างๆ เข้ามาในระบบนิเวศของเขาและที่อื่นๆ ในประเทศ เพื่อเปลี่ยนธุรกิจดูแลสุขภาพของ Sunway ให้กลายเป็นเครื่องยนต์ขับเคลื่อนการเติบโตที่ได้รับแรงส่งจากภาคการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ซึ่งกำลังมาแรงโดยมีทั้งกลุ่มคนที่บินมาทำหัตถการและกลุ่มประชากรชาวมาเลเซียที่สูงวัยขึ้น "เราจะสร้าง [Sunway Sanctuary] อยู่คู่กับโรงพยาบาลของเราทุกแห่ง” Cheah กล่าวและเสริมว่า อาจจะมีการวางแนวคิดหมู่บ้านผู้สูงวัยไว้ในแผนงานของกลุ่มด้วย

    นักวิเคราะห์เชื่อมั่นในการผลักดันธุรกิจดูแลสุขภาพของ Sunway และมองว่า นี่จะเป็นธุรกิจสำคัญของกลุ่มในภาพรวม ในปี 2023 Sunway Healthcare มีรายได้เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36% เป็น 1.5 พันล้านริงกิต (316 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และ Chong Tjen-San ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยตลาดทุนของ CGS International ในกรุง Kuala Lumpur คาดการณ์ว่า รายได้จะวิ่งไปถึง 2.3 พันล้านริงกิตในปี 2025 หากเปรียบเทียบกับ Sunway Construction ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์มาเลเซียและเป็นหนึ่งในกิจการใหญ่ที่สุดของกลุ่ม บริษัทนี้มีรายได้ต่อปี 2.7 พันล้านริงกิตในปีที่แล้ว


    นักลงทุนเองก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน ทรัพย์สินของ Cheah ซึ่งมาจากการถือหุ้นส่วนใหญ่ใน Sunway Berhad มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเกินเท่าตัวในช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา หุ้น Sunway ราคาแตะจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 3.58 ริงกิตในช่วงปลายเดือนมีนาคม จากแผนธุรกิจดูแลสุขภาพของกลุ่มและปัจจัยบวกอื่นๆ เช่น โครงการชุมชนเมืองที่ Iskandar Puteri ซึ่ง Sunway มีที่ดินผืนใหญ่ขนาด 730 เฮกตาร์อยู่ที่นั่น และโครงการก่อสร้างของกลุ่มก็มีรายการคำสั่งซื้อขายที่โดดเด่น ส่วน Cheah ได้เลื่อนขึ้น 10 อันดับมาเป็นอันดับ 8 ในทำเนียบ Malaysia’s 50 Richest ด้วยทรัพย์สินสุทธิ 2.4 พันล้านเหรียญ

    ในปี 1999 Sunway Healthcare เริ่มสร้างโรงพยาบาลในชุมชนเมืองโครงการแรกใกล้ Kuala Lumpur และอีก 2 ทศวรรษก็เปิดโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ในอีกโครงการหนึ่งที่มีชื่อว่า Sunway Velocity ซึ่งอยู่ห่างจากใจกลางเมืองลงไปทางใต้ และเปิดโรงพยาบาลแห่งที่ 3 ในรัฐ Penang ในปี 2022  นอกจากนี้ Sunway ยังมีคลินิกพิเศษอีกหลายแห่ง ซึ่งรวมถึงคลินิกเพื่อผู้มีบุตรยากในเมือง Kuching และก้าวสู่ตลาดต่างประเทศเป็นครั้งแรกด้วยการเปิดศูนย์ตรวจสุขภาพและเวชศาสตร์ครอบครัวในสิงคโปร์

    IHH Healthcare และ KPJ Healthcare ซึ่งเป็นเครือโรงพยาบาลเอกชนคู่แข่งกันมีจำนวนเตียงโรงพยาบาลในมาเลเซียรวมกัน 3,000 เตียงหรือมากกว่า เทียบกับ Sunway ที่มี 1,148 เตียง และสองเครือนี้มีรายได้มากกว่า Sunway อย่างน้อยเท่าตัว แต่ก็อาจจะตามหลังอีกไม่นานเมื่อดูจากวิสัยทัศน์ของ Cheah ภายในปี 2030 Sunway มีแผนจะเพิ่มเตียงอีก 1,852 เตียงทั้งในโรงพยาบาลใหม่ 7 แห่งและโรงพยาบาลที่มีอยู่เดิม รวมเป็นจำนวนทั้งหมด 3,000 เตียง โดยในปีหน้า Sunway จะเปิดโรงพยาบาลแห่งที่ 4 ในย่าน Damansara ชาน Kuala Lumpur และเปิดอีกแห่งในเมือง Ipoh ต่อจากนั้นก็เปิดในรัฐ Penang เมือง Putrajaya รัฐ Johor รัฐ Kelantan และรัฐ Sarawak

    “อุปสงค์ที่อั้นไว้มีเยอะ” Chong จาก CGS International กล่าวโดยอ้างอิงถึงความสำเร็จของโรงพยาบาลของ Sunway ในรัฐ Penang ซึ่งถึงจุดคุ้มทุนไปแล้วในปีแรก เขากล่าวว่า โรงพยาบาลโดยทั่วไปต้องใช้เวลาอย่างน้อย 18 เดือนจึงจะเริ่มมีกำไร Penang เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวเชิงการแพทย์จากประเทศเพื่อนบ้านคืออินโดนีเซีย และอุปสงค์ภายในประเทศก็เพิ่มขึ้นเนื่องจากประกันมีการเพิ่มความคุ้มครองและกลุ่มประชากรสูงวัยต้องการการรักษาพยาบาลมากขึ้น  BMI ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยของบริษัทวิจัยระดับโลก Fitch Solutions คาดว่า ค่าใช้จ่ายการรักษาพยาบาลในโรงพยาบาลเอกชนในมาเลเซียจะเติบโตด้วยอัตราสะสมต่อปี 7.3% ในช่วง 5 ปีนับจากนี้จนแตะ 4.44 หมื่นล้านริงกิตในปี 2027

    ถ้า Sunway Healthcare เข้าตลาดหลักทรัพย์ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นก่อนปลายปี 2027 และเป็นข้อตกลงที่ทำไว้กับ GIC ของสิงคโปร์ บริษัทก็จะยิ่งมีโอกาสขยายกิจการได้มากขึ้นอีก Tan Kai Shuen นักวิเคราะห์จากฝ่ายวิจัยของ Hong Leong Investment Bank ประเมินไว้ในรายงานฉบับเดือนมกราคมว่า การเสนอขายหุ้น IPO จะทำให้ Sunway Healthcare มีมูลค่าสูงถึง 2.89 หมื่นล้านริงกิต โดยเขาเขียนว่า “จากมูลค่าประเมินดังกล่าวบริษัทจดทะเบียนรายนี้อาจกลายเป็นหุ้น IPO ที่มีมูลค่าตามราคาตลาดสูงที่สุดในตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย”


    โจทย์ท้าทายอย่างหนึ่งในการทำตามแผนการใหญ่ของ Cheah ก็คือ การหาบุคลากรที่มีความสามารถ หรือที่เขาเรียกว่า “การเอาชนะศึกชิงตัวคนเก่ง”  เขากล่าวว่า หนึ่งในตัวอย่างของเรื่องนี้คือ Sunway Healthcare มีห้องผ่าตัดใหม่เอี่ยม 7 ห้องที่ยังไม่ได้ใช้งานเนื่องจากมีปัญหาขาดแคลนพยาบาลในภูมิภาค แต่ปรัชญาการเตรียมทุกอย่างให้พร้อมสรรพตามแบบฉบับของ Cheah ก็ช่วยบรรเทาปัญหานี้ได้ เพราะระบบนิเวศชุมชนเมืองของเขามีสถาบันการศึกษาอยู่ด้วย เช่น วิทยาเขตต่างประเทศของ Monash University จากออสเตรเลีย และ Sunway University ซึ่งสร้างพยาบาลมาป้อนให้ธุรกิจดูแลสุขภาพได้ “เราพยายามดึงดูดนักเรียนพยาบาลเข้ามาอย่างดีที่สุด และสงวนพยาบาลที่มีอยู่เอาไว้ด้วยการให้ทุนการศึกษา เบี้ยเลี้ยง และโบนัสจูงใจ กระทั่งช่วยออกค่าที่พักอาศัย” Cheah อธิบาย “ระบบนิเวศนี้สุดยอดมาก”

    การผนึกกำลังพลังเช่นนี้ไม่ได้จบแค่เรื่องบุคลากร Chong จาก CGS International กล่าวว่ากลุ่ม Sunway ยังสามารถนำบริการดูแลสุขภาพไปผสมผสานกับธุรกิจอื่นๆ อย่างร้านค้าปลีก โรงแรม และสวนสนุกได้ด้วย ตัวอย่างเช่น Sunway เสนอแพ็กเกจท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ได้ในราคาที่น่าสนใจโดยจัดรถรับ-ส่งถึงสนามบิน ห้องพักในโรงแรม 2 คืน บริการตรวจสุขภาพ และนำเที่ยวห้างสรรพสินค้าในช่วงกลางวัน “[ความคุ้มค่า] แบบนี้แหละที่จะดึงดูดลูกค้าได้” Chong กล่าว

    Cheah กับภรรยาชื่อ Susan มีลูก 3 คน และทุกคนร่วมกันดูแลกิจการของตระกูล ลูกสาวคนโต Sarena วัย 49 ปี เป็นกรรมการบริษัทและขับเคลื่อนหน่วยธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ รวมถึงดูแลโครงการ Iskandar Puteri ลูกชายคนเล็ก Adrian วัย 30 ปี ดูแลการพัฒนาธุรกิจของ Sunway REIT ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ส่วนลูกชายคนกลาง Evan วัย 44 ปี เป็นซีอีโอของกลุ่มซึ่งดูแลงานด้านดิจิทัลและการลงทุนเชิงกลยุทธ์ และจะเข้ามารับตำแหน่งแทน Cheah ในที่สุด โดย Cheah กล่าวผ่าน WhatsApp ว่า “ผมเตรียมการให้ Evan มารับตำแหน่งประธานกรรมการของ Sunway Group แทนผม เมื่อผมลงจากตำแหน่งในอนาคตอันใกล้นี้”

    สมัยลูกๆ ยังเด็ก Cheah ลากพวกเขาไปทั่วไซต์งานก่อสร้างเพื่อให้พวกเขาได้เห็นด้วยตนเองว่าการสร้างระบบนิเวศนั้นต้องมีหัวหน้าซึ่งพร้อมจะคุมงานทุกที่ในเวลาเดียวกัน “ผมพาไปดูทุกตารางนิ้วเลย” เขาเล่า “เดินกลางแดดร้อนๆ มันไม่ง่ายหรอก” แต่ก็จำเป็น เพราะในอนาคตพวกเด็กๆ จะต้องเจริญรอยตามเขา “จะฝนตกหรือแดดออก” Cheah กล่าว “ถ้าอยากได้งานคุณก็ต้องไปดูเอง”


เรื่อง: JESSICA TAN เรียบเรียง: ธรรดร โสตถิอำรุง ภาพ: IAN TEH




เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 'Emad Mostaque' บริหารยูนิคอร์นอย่างไรให้เจ๊ง

คลิกอ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกันยายน 2567 ในรูปแบบ e-magazine