COOP FRESH ร้านขายของชำน้องใหม่จากฟิลิปปินส์ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์สุดเก๋ที่จะทำให้คุณอยากแต่งตัวเต็มที่ออกไปซื้อผัก หรือน้ำอัดลมสักกระป๋อง
กาลครั้งหนึ่ง ภาพถ่ายแบบแฟชั่นชั้นสูงในร้านขายของชำไม่ใช่เป็นเพียงแค่ฝันของเหล่าบรรณาธิการ, ดีไซเนอร์, ช่างภาพ และหัวหน้าครีเอทีฟทั้งหลาย แต่มันเป็นสะพานเชื่อมโยงระหว่างรันเวย์ และทางเดินระหว่างชั้นสินค้า ที่เปลี่ยนกิจวัตรธรรมดาๆ เช่น การซื้อนมสักกล่องให้เป็นช่วงเวลาแห่งแฟชั่นได้ ซึ่ง COOP FRESH ก็พร้อมจะเปลี่ยนฝันนั้นให้เป็นจริงแล้ว
ในปี 2014 แม้กระทั่ง ดีไซเนอร์ชื่อก้องโลกอย่าง Karl Lagerfeld เห็นว่าทางเดินระหว่างชั้นสินค้าเป็นเวทีที่เหมาะเจาะสำหรับคอลเล็กชั่น Fall/Winter ของเขา ดังนั้น เขาจึงได้แปลงโฉม Grand Palais ให้กลายเป็น Chanel Shopping Center ที่เต็มไปด้วยผลิตภัณฑ์อาหารของ Chanel และแน่นอน เต็มไปด้วยเหล่านางแบบ/นักช็อปที่สวมใส่ผลงานล่าสุดของเขา
บางทีเหล่าผู้คลั่งสไตล์ทั้งหลาย (ไม่ว่าจะเป็น Rihanna, Angelina Jolie หรือ Chrissy Teigen) ก็ได้แรงบันดาลใจมากจากภาพจากเหล่าผู้นำแฟชั่นเหล่านี้ ทำให้พวกเขาเองก็เริ่มแต่งตัวเต็มที่มากขึ้นแม้ว่าจะไปแค่จ่ายตลาดก็ตาม จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่เรียกกันว่า ‘Grocery Fashion’ ขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในปี 2020 เราหลายคนต้องเปลี่ยนไปใช้ชีวิตในโลกออนไลน์มากขึ้น นั่นก็รวมไปถึงการซื้ออาหารด้วย และเป็นเวลาหลายเดือนที่หลายๆ คนนั่งรอโอกาสที่จะได้ออกนอกบ้านและแต่งตัวเป็นซื้ออาหารแบบเต็มที่อีกครั้ง
ในขณะเดียวกัน บทสนทนาและความสนใจที่เริ่มหันไปหาอี-คอมเมิร์ซมากกว่าก็มุ่งไปยังผลิตภัณฑ์สดใหม่ของพวกเขา, การขนส่งที่มีประสิทธิภาพ และราคาที่ดีที่สุดในตลาด แต่มีเพียงบางเจ้าเท่านั้นที่ทำตามที่สัญญาได้เมื่อพูดถึงเรื่องการขนส่ง
ส่วนใหญ่แล้ว หลายๆ เจ้าก็ยังคงดิ้นรนที่จะคงคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการเอาไว้ มีมากกว่า 1 ครั้งที่เราเคยได้รับพัสดุที่มีของน้อยกว่าจำนวนที่เราสั่งไปกว่าครึ่งที่เราสั่งและจ่ายเงินไป และจากมุมมองของผู้บริโภค ประสบการณ์แบบนี้ยิ่งเป็นตัวยืนยันว่าการจ่ายตลาดแบบไปหยิบเลือกของเอง ก็ยังดีกว่าการหยิบใส่ตะกร้าออนไลน์
ตัวอย่างของร้าน COOP FRESH ในรูปแบบ phygital (ไฮบริดระหว่างอี-คอมเมิร์ซ และร้านขายของชำ) ที่ Shangri-La ณ Bonifacio Global City ถือเป็นโอกาสที่เราจะได้แต่งตัวออกไปจ่ายตลาดกันอีกครั้ง นอกจากนี้การพรีวิวครั้งนี้ยังพาแขกที่ได้รับเชิญไปส่องอนาคตของการจ่ายตลาดอีกด้วย โดยในสถานที่ที่จับต้องได้แห่งนี้ จะพาคุณไปสัมผัสกับประสบการณ์การช็อปในร้านที่ผสานเข้ากับความสะดวกสบายของเทคโนโลยีอี-คอมเมิร์ซได้อย่างไร้รอยต่อ
คำมั่นสัญญาจากทางแบรนด์ก็ค่อนข้างตรงไปตรงมา และก็ดูจะถูกใจคนเมืองที่เคยจะเรื่องแย่ๆ ในการช็อปออนไลน์มาก่อน ทางทีมงานของ COOP FRESH กล่าวว่า “เรามุ่งที่จะมอบประสบการณ์ช็อปปิ้งที่ไร้รอยต่อให้แก่ลูกค้า โดยใช้เทคโนโลยีที่ทั้งอัจฉริยะและมีประสิทธิภาพเป็นตัวช่วย ”
พื้นที่ขนาดใหญ่ในสี Industrial Gray มีสี Boutique White เล็กน้อยแลดูชื่นตาชื่นใจเมื่อเทียบกับร้านขายของชำตัวไปที่มีของรกไปทั่ว อีกทั้งยังมี Tea Bar ยาวให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในร้านอาหารสุดชิคที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่ออาหารฟิวชั่นโดยเฉพาะ แต่สิ่งที่เปรียบเสมือนผลงานชิ้นเอกของที่นี้ก็คือสินค้าต่างๆ นั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นอาหารสด, ผักให้เลือกมากมาย, ของติดตู้สำหรับสาย plant-based และขนมเพื่อสุขภาพอีกมากมาย
ทีมงานผู้อยู่เบื้องหลังคอนเซ็ปต์ค้าปลีกสุดล้ำนี้ได้ระบุว่า “ร้านของเราที่ Shangri-La จะเป็นไปตามธีม plant-based เราจะไม่เพียงแสดงสินค้าสดที่มีชื่อเสียงของเราเท่านั้น แต่ยังจะเน้นไปที่ผลิตภัณฑ์แบรนด์ COOP ที่มีตั้งแต่ขนมปัง Pullman, เจลาโต้โฮมเมด จนไปถึงค็อกเทลสมุนไพรต่างๆ ผลิตภัณฑ์เอ็กคลูซีฟเหล่านี้จะถูกวางจำหน่ายในร้านและออนไลน์ผ่านรูปแบบ ‘drop-style’”
ผู้ที่ได้รับเชิญให้ได้เข้าไปแอบส่องร้าน COOP ก่อนที่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่แสดงให้เราเห็นว่ากลุ่มส่วนแบ่งตลาดที่เป็นไปตามทิศทางของแบรนด์คือใคร “ร้านขายของชำของเราถูกดีไซน์ขึ้นมาเพื่อชาวดิจิทัลโดยเฉพาะ พวกเขาคือกลุ่ม Millennials ที่ใช้ชีวิตในเมืองและเซียนเทคโนโลยี”
นอกจากนี้ พวกเขาหลายๆ คนยังเลือกบริโภคอย่างมีสติหรือใส่ใจเป็นพิเศษ ซึ่งทางบริษัทเองก็ใช้เทคโนโลยีในการตอบโจทย์นี้ “COOP ได้พัฒนาเทคโนโลยีช่วยในการคาดการณ์ของตัวเองขึ้นมา เป็นอัลกอริทึมแบบ A.I Machine Learning Demand ที่สามารถคาดการณ์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างแม่นยำ และจัดการระบบซัพพลายเชนได้” นี้ช่วยให้พวกเขาสามารถมั่นใจได้ว่าจะจัดส่งสินค้าจากฟาร์มสู่มือของลูกค้าได้อย่างรวมเร็ว และลดปริมาณขยะอาหารไปพร้อมๆ กัน
การซื้อข้าวของในนาทีสุดท้ายช่วงคริสต์มาสอีฟนี้เป็นช่วงที่เราจะมาพิสูจน์ว่า COOP ทำตามคำสัญญาขนาดไหน ในตะกร้าของเรามีทั้งน้ำผลไม้สด, กาแฟสกัดเย็นหลายขวด, น้ำแร่อัดลมที่ขาดไม่ได้ และไวน์แดง El Matsu ขวดหนึ่งสำหรับเป็นคลังอาหารช่วงวันหยุดที่เราจะหนีไปอยู่ที่บ้านท่ามกลางหุบเขา ไอเท็มอื่นๆ ในรายการจ่ายตลาดก็มีทั้งอาหารทะเลจากธรรมชาติ, ผักสีเขียวสดกรอบ และเครื่องเทศอีกมากมาย สำหรับการเฉลิมฉลองวันคริสต์มาสกับครอบครัวที่เริ่มต้นด้วยประสบการณ์การช็อปออนไลน์แบบไร้รอยต่อครั้งนี้ ในร้านอื่นๆ ของเหล่าเหล่านี้มีแต่คำว่า ‘สินค้าหมด’ แปะอยู่ไปทั่ว
นอกเหนือจากนั้น หน้าเพจ Curated Gifts ของทางเว็บไซต์ยังเป็นฟีเจอร์สุดหลักแหลมที่ทำให้การช็อปของขวัญง่ายขึ้น และหอมหวานขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย และในขณะที่พัสดุหลายๆ ชิ้นยังคงติดอยู่ที่ขนส่งสักแห่งในช่วงวันหยุดอันวุ่นวายนี้ ถุงกระดาษสีน้ำตาลที่มีคำว่า ‘Fresh for All Mankind’ ก็มาอยู่ที่หน้าประตูบ้านเราทันช่วงวันหยุดยาวนี้พอดีเลย
แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ A Fresher, Faster And More Fashionable Way To Go Food Shopping At Coop Fresh เผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: Dior ยกทัพ 12 ศิลปินร่วมโปรเจ็กต์ Dior Lady Art ครั้งที่ 6ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine