Yaakoub Hijazi หยุดเรียนมหาวิทยาลัยกลางคัน เพื่อมากอบกู้ธุรกิจซักรีดของพ่อที่กำลังย่ำแย่ 9 ปีให้หลังเขาได้เรียนรู้ว่า ยังมีช่องทางทำเงินอีกมากจากธุรกิจบริการ “โลว์เทค” นี้
“ผมไม่ต้องการให้ชื่อของพ่อต้องแปดเปื้อน” Yaakoub Hijazi กล่าว เขาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของ Star Laundry บริษัทซึ่งตั้งอยู่ในเมือง Paterson รัฐ New Jersey เมื่อ Youssef บิดาของเขาเสียชีวิตในปี 2011 4 เดือนหลังจากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปอด Hijazi ซึ่งอายุได้ 19 ปีในขณะนั้น กำลังศึกษาอยู่ที่ Montclair State University ไม่นานเขาได้รู้ว่าธุรกิจซักรีดและซักแห้งที่ทำรายได้ 4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ของบิดากำลังจะพังครืน “ถ้าคุณล้มละลาย ชื่อเสียงคุณป่นปี้แล้ว” เขาบอก ดังนั้น Hijazi ปัจจุบันอายุ 27 ปี จึงเลิกเรียนเพื่อมากอบกู้ Star Laundry “ผมโยนตำราเรียนทิ้ง ซึ่งมันก็ออกจะดราม่าไปหน่อย” เขาเล่า “ผมบอกแม่ว่า ไม่มีทางที่ผมจะกลับไปเรียนแล้ว” ตั้งแต่นั้นมา Hijazi ซึ่งติดทำเนียบ 30 Under 30 ของ Forbes ในกลุ่มการผลิตและอุตสาหกรรม ไม่เพียงปกป้องมรดกตกทอดของพ่อไว้ได้ แต่ยังสร้างกิจการจนกลายเป็นบริษัทที่ทรงอิทธิพลในธุรกิจซักรีดโรงแรมของ New York ทุกวันนี้ Star Laundry รับซักผ้าปูที่นอนและผ้าเช็ดตัวให้กับโรงแรมกว่า 100 แห่ง จากราว 800 แห่งใน New York รวมทั้ง Conrad New York และ W Times Square จากประมาณการของ Forbes คาดว่า Star Laundry มีส่วนแบ่งทางการตลาดซักรีดโรงแรมใน New York มากถึงร้อยละ 40 ทำรายได้ให้บริษัทปีละประมาณ 70 ล้านเหรียญ เมื่อรวมกับกองทุนต่างๆ ของ Hijazi อาทิ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใน New Jersey ธุรกิจผลิตผ้าปูที่นอนใน Benin แอฟริกา รายได้ต่อปีของบริษัทของเขาน่าจะใกล้เคียง 120 ล้านเหรียญเลยทีเดียว ซักรีดเป็นธุรกิจที่โหดร้าย ใน New York นั้นค่าบริการอยู่ที่ 30-45 เซนต์ต่อน้ำหนักผ้า 1 ปอนด์ (ราว 0.45 กิโลกรัม) มีการตัดราคากันอย่างกว้างขวาง และมีความผิดพลาดเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ในปี 2017 Prestige Industries ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของ Hijazi ยื่นขอล้มละลายภายใต้กฎหมายล้มละลาย Chapter 11 บริษัทไพรเวท อิควิตี้ซึ่งเป็นเจ้าของ PureTex Solutions ที่ดำเนินกิจการซักรีดเข้าซื้อในเวลาต่อมา “ทั้งตลาดต้องแย่งลูกค้ากลุ่มเดียวกันคือ โรงแรม 200 แห่ง” Sang Cho ที่เคยเป็นซีอีโอของ Prestige จนถึงปี 2012 กล่าว เขาก่อตั้ง Cooperative Laundry ในปี 2018 “เราได้ยินว่ามีคู่แข่งบางรายที่เสนอราคาต่ำกว่า 27 หรือ 28 เซนต์ต่อปอนด์ ซึ่งบ้ามาก” Hijazi ผู้ถือหุ้น 100% ของ Star ซื้อใจลูกค้าด้วยการตื่นมารอให้บริการด้วยตัวเองตั้งแต่ตี 3 ครึ่ง รวมทั้งตั้งราคาที่ระดับกลางถึงสูงเพื่อดึงดูดโรงแรม แต่ก็ยังคงความสามารถในการทำกำไรได้ “จุดขายของเราคือคุณภาพ” เขากล่าว “เพราะเหตุนี้เราจึงไม่จำเป็นต้องมีพนักงานขาย” เมื่อครั้งที่พาลูกค้าไปเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ที่ Paterson ในโอกาสนี้ Hijazi ได้อวดอุโมงค์ซักผ้าขนาดยักษ์ของเขาที่ใช้รับมือกับผ้าจำนวนมหาศาล เมื่อผ้าที่ใช้แล้วถูกส่งมาถึงโรงงานในถังจุขนาด 800 ปอนด์ ที่ติดป้ายระลึกถึงพ่อของเขาว่า “Star Laundry Baba Joe 1948-2011” ผ้าน้ำหนัก 135 ปอนด์จะถูกส่งเข้าเครื่องเพื่อทำความสะอาดด้วยน้ำในอุณหภูมิ 180 องศาฟาเรนไฮต์ (ประมาณ 82.22 องศาเซลเซียส) ใช้ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ รวมทั้งสารเคมีอื่นๆ อีก 6-11 ชนิด เพื่อทำให้สีผ้าไม่หมอง อุโมงค์ซักที่แยกส่วน และโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ช่วยให้สามารถซักผ้าจากโรงแรมหลายแห่งได้พร้อมกัน เมื่อ Hijazi มารับช่วงต่อ เขาเจออุปสรรคมากมาย “และถ้าคุณอายุ 19 ก็ไม่มีใครอยากฟังที่คุณพูด” เขาย้อนอดีตให้ฟัง บริษัทประสบปัญหาเงินสดตึงตัว ปัญหาเรื่องสิทธิยึดหน่วงภาษี สิทธิยึดหน่วงท่อระบายน้ำ และค่าปรับจากคณะกรรมการบริหารความปลอดภัยและสุขอนามัยการประกอบอาชีพ (Occupational Safety and Health Administration: OSHA) Hijazi ยืมเงิน 300,000 เหรียญเพื่อชำระทุกสิ่งอย่าง กำจัดธุรกิจซักแห้งคนกลาง และจ้างที่ปรึกษา OSHA เพื่อแก้ปัญหาด้านความปลอดภัย ในการติดต่อกับโรงแรม เขาใช้ความเยาว์วัยเป็นจุดขาย ปี 2012 เขาได้งานจากโรงแรม DoubleTree บนถนน Lexington จากนั้นก็ใช้คารมเจรจาจนได้งานจากโรงแรมอื่นๆ อีก รวมทั้ง Westin Times Square “โรงแรมต่างก็ตระหนักว่า พวกเขาลดค่าใช้จ่ายเพื่อแลกกับบริการห่วยๆ” Don Fraser ผู้บริหารโรงแรมมือฉมัง ซึ่งในเวลานั้นคุมงานที่โรงแรม Park Central และ WestHouse ตกลงว่าจ้าง Star ในปี 2016 ให้ดูแลงานซักรีดผ้าปริมาณเกือบ 5 ล้านปอนด์ต่อปี “เขา...ผมไม่อยากใช้คำว่าเลือกมากแต่เขาค่อนข้างคัดสรรโรงแรมที่เขาจะให้บริการ” Fraser กล่าว แม้ว่าบริษัทของเขาจะอยู่ที่ New Jersey แต่ Hijazi ต้องการพุ่งเป้าไปที่โรงแรมระดับบนขนาดใหญ่ใน Manhattan ที่มีอัตราการเข้าพักสูงและมั่นคง นั่นช่วยปกป้องเขาจากแรงกดดันด้านราคา และยังสามารถช่วยจัดการเส้นทางขนส่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การต้องทุ่มเทเวลาทำงานมากก็ไม่เป็นผลดี Hijazi กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาขาย Star Laundry เขาปฏิเสธที่จะเปิดเผยรายละเอียด แต่ Forbes ประมาณว่า ธุรกิจของเขาคงจะมีมูลค่าอย่างน้อย 150 ล้านเหรียญ “ที่ผมกลัวที่สุดก็คือ” เขาบอก “การขายสิ่งที่พ่อผมสร้างมามันสร้างความกลัวและกระเทือนอารมณ์ให้กับผม”คลิกอ่าน “กลยุทธ์แหกคอกของนักธุรกิจซักรีด” ฉบับเต็มได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมิถุนายน 2563 ในรูปแบบ e-magazine