Tracy Maitland กับกลยุทธ์ลงทุน "มีแต่ได้ ไม่มีเสีย" ท่ามกลางโควิด-19 - Forbes Thailand

Tracy Maitland กับกลยุทธ์ลงทุน "มีแต่ได้ ไม่มีเสีย" ท่ามกลางโควิด-19

FORBES THAILAND / ADMIN
16 Dec 2020 | 07:28 AM
READ 1740

Tracy Maitland แห่ง Advent Capital เตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์เลวร้ายมาตั้งแต่ก่อนจะเกิดโรคระบาดที่ฉุดให้ตลาดหุ้นดิ่งเหวแล้ว ช่วงที่ตลาดดี พอร์ตการลงทุนของเขาจะเดินตามตลาด แต่ช่วงตลาดขาลง พอร์ตของเขากลายเป็นที่พักพิงอย่างดีของนักลงทุนในช่วงที่ตลาดถูกกระหน่ำด้วยพายุ

ในเช้าวันพุธที่ตลาดหุ้น Wall Street อยู่ในขาลงท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา Tracy Maitland ชายวัย 59 ปี บริหารบริษัทด้านการลงทุนของเขาซึ่งมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารถึง 9 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยอาศัยอีเมลและการประชุมทางไกลด้วยระบบของ Cisco ภารกิจของเขาในวันนี้คือ การติดตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้น ซึ่งเมื่อเปิดตลาดมาดัชนี Dow Jones Industrial Average ก็ตกทันที 5% แล้วหลังจากนั้นก็ดิ่งลงต่อจนถึงจุดที่ต้องหยุดการซื้อขายชั่วคราว และในที่สุดก็ปิดตลาดที่ระดับต่ำกว่า 20,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี จนกระทั่งเมื่อโควิด-19 ระบาด ทีมงานประมาณ 20 ชีวิตในสังกัดของ Maitland ได้ทำการวิเคราะห์พอร์ตการลงทุนของบริษัทด้วยวิธีวิเคราะห์แนวโน้มบริษัทต่างๆ อย่างละเอียด เพื่อคัดกรองบริษัทที่ไม่มีกระแสเงินสดมากพอที่จะอยู่รอดได้หากสถานการณ์โรคระบาดฉุดให้ยอดขายลดลง 10-60% และจากนั้นพวกเขาก็รีบตัดขายหุ้นร้านขายปลีกเฟอร์นิเจอร์อย่าง Restoration Hardware, หุ้น Guess, หุ้นกิจการเรือสำราญ Carnival และหุ้นสวนสนุก Six Flags และหันมาเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ หลังจากผ่านชั่วโมงแรกของการซื้อขายเมื่อวันที่ 18 มีนาคม ซึ่งเป็นหนึ่งในวันที่เลวร้ายที่สุดในเดือนที่ตลาดหุ้นดิ่งหนักตลอดเดือน แต่ Maitland ก็ยังไม่มีทีท่าวิตกทุกข์ร้อนอะไรกับการที่หุ้นตกหนัก “เมื่อตลาดเป็นแบบที่เป็นมาตั้งแต่ปี 2008 คือ วิ่งขึ้นไม่หยุด ผู้คนจึงไม่คิดถึงการลงทุนแบบการตั้งรับ” ในฐานะที่เป็นนักค้าหุ้นผู้มากประสบการณ์เขาพูดเร็วปรื๋อตามสไตล์ชาว New York ว่า “มันคล้ายๆ กับว่าคุณมีบ้านหลังหนึ่ง และก็ไม่เคยเกิดเรื่องไม่ดีอะไรขึ้นสักอย่างเลยตลอด 20 ปี คุณจึงหยุดซื้อประกันนั่นแหละ” ที่จุดต่ำสุดของเดือนมีนาคมกองทุนที่ใหญ่ที่สุดของ Advent ตกเพียงแค่ 14-20% ในรอบปีนี้ เพราะกองทุนของ Advent เชี่ยวชาญด้านการลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพ ซึ่งเป็นตราสารกึ่งหนี้กึ่งทุนที่เป็นคล้ายๆ กับประกันที่นักลงทุนทำท่าจะลืมไปแล้ว แม้ว่าการที่มีมูลค่ากองทุนลดลงจะไม่ใช่เรื่องน่ายินดีจนต้องฉลอง แต่ก็ถือว่ายังดีกว่าดัชนี S&P 500 ที่ลดลงถึง 30% ในขณะที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์บางกองของ Maitland ที่เน้นลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพกลับมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 8-10% เลยทีเดียว ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติ หุ้นกู้แปลงสภาพมีความคล้ายกับพันธบัตรในแง่ที่มันจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว และชำระคืนเงินต้นทั้งก้อนเมื่อครบกำหนดอายุ ซึ่งตามปกติแล้วจะอยู่ระหว่าง 5-7 ปี เมื่อหุ้นของบริษัทที่ออกหุ้นกู้แปลงสภาพวิ่งขึ้นแรง ผู้ถือสามารถเลือกได้ว่าจะใช้สิทธิ์แปลงเป็นหุ้นของบริษัทโดยมีราคาใช้สิทธิ์แปลงสภาพที่กำหนดเอาไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ตอนที่ออก ทั้งนี้ ในช่วงที่เศรษฐกิจดีหุ้นกู้แปลงสภาพจะทำหน้าที่เหมือนกับออปชัน ซึ่งมูลค่าจะเพิ่มขึ้นตามราคาหุ้น แต่ในช่วงเศรษฐกิจซบเซาหรือหดตัวนักลงทุนจะได้ผลตอบแทนที่มั่นคงจากการจ่ายดอกเบี้ยตามอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋ว และได้รับเงินลงทุนคืนในมูลค่าที่แน่นอนเมื่อครบกำหนดไถ่ถอน “ตราสารพวกนี้เป็นเหมือนกับกิ้งก่า” Maitland พูดถึงหุ้นกู้แปลงสภาพ “วันหนึ่งเป็นสีเขียว อีกวันหนึ่งกลายเป็นสีฟ้า” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่กลยุทธ์การลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพของ Advent ถูกทดสอบ เพราะทีมงานของ Maitland ได้ทำการทบทวนพอร์ตการลงทุนด้วยแนวคิดคัดกรองจากในช่วงสถานการณ์ 9-11 และช่วงที่เกิดวิกฤตการเงินปี 2008 ซึ่งเขาบอกว่า การซ้อมใหญ่ใน 2 วิกฤตข้างต้นทำให้บริษัทของเขารอดจากความเสียหายที่เกิดจากการล่มสลายของธุรกิจดอทคอม ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อหุ้นกู้แปลงสภาพของบริษัทอย่าง JDS Uniphase และ DoubleClick โดยในวิกฤตทั้งสองรอบนั้น กองทุนของ Advent ตกน้อยกว่าดัชนีตลาดหุ้นอย่างมาก และก็ฟื้นตัวเร็วกว่าตลาดมากด้วย “แนวคิดของเราก็คือ มีแต่ได้ ไม่มีเสีย” Maitland บอก ซึ่งจากผลงานตลอด 25 ปีของ Advent การถือหุ้นกู้แปลงสภาพยังไม่เคยทำให้บริษัทต้องประสบความสูญเสียเลย “ในขณะนี้” เขาคุยเสียงดัง “พอร์ตการลงทุนแบบที่มีหุ้นแข็งแรงของเราให้ผลตอบแทนประมาณ 5% โดยบริษัทที่เราได้ทำการวิเคราะห์แบบคัดกรองมีกำหนดไถ่ถอนในอีก 4 ปี ซึ่งถือได้ว่าดีมากๆ ในสภาวะตลาดเช่นนี้”
Tracy Maitland
Tracy Maitland
Maitland ได้จับงานใหญ่ในปี 1985 เมื่อ Merrill คิดค้นตราสาร zero coupon bond แบบกึ่งหนี้กึ่งทุนที่สามารถแปลงเป็นเงินสดหรือหุ้นก็ได้ โดยใช้ชื่อว่า “liquid yield option notes” หรือ LYON โดยในแง่ของผู้ออกตราสารสามารถนำดอกเบี้ยจ่ายไปหักภาษีได้ แม้ว่าจะไม่ต้องจ่ายเงินสดออกไปจนกว่าจะครบกำหนดไถ่ถอน ในกรณีที่ตลาดหุ้นวิ่งขึ้นและนักลงทุนเลือกใช้สิทธิ์แปลง LYON เป็นหุ้น ผู้ออกก็ไม่จำเป็นต้องคืนเงินต้นของหุ้นกู้เลยทั้งนี้ LYON ของ Merrill ขายดีจัด และ Maitland กลายมาเป็นนักปั้นดีลตัวเอ้ โดยเขาขายตราสารประเภทนี้ให้กับนักลงทุนขาใหญ่อย่าง Howard Marks ซึ่งตอนนั้นทำงานให้กับ Trust Company of the West โดย Marks พูดถึง LYON ว่า “ผมบอกได้เลยว่า คุณมีแต่จะทำเงินได้โดยไม่มีทางเสียเงินเลย” หลังจากนั้น Maitland กลับเข้ามาทำงานในสำนักงานของ Merrill ที่ New York ในปี1987 และได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้าทีมขายหุ้นกู้แปลงสภาพของบริษัทหน่วยงานที่แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลง “ถึงแม้ว่าเราจะเป็นหน่วยงานที่ทำกำไรให้กับบริษัทมากที่สุดมาหลายปี แต่เราก็ยังคงเป็นแค่ตัวรองเท่านั้น” เขาบอก ดังนั้น ในปี 1995 เขาจึงแยกตัวออกมาตั้งบริษัทของตัวเองโดยใช้ชื่อว่า Advent และเริ่มสร้างชื่อเสียงจากการทำเงิน ในภาวะตลาดที่ยากลำบาก โดยกลยุทธ์การลงทุนของเขามีตั้งแต่หุ้นกู้แปลงสภาพแบบปลอดภัยไปจนถึงพันธบัตรที่ให้อัตราผลตอบแทนสูงและมีความเสี่ยงมากกว่า ไปจนถึงกองทุนแบบปลอดภัย ซึ่งกองทุนแต่ละประเภทให้อัตราผลตอบแทนตั้งแต่เริ่มตั้งกองทุนอยู่ที่ปีละ 7-8% แต่ก็ไม่ใช่ทุกกองทุนของบริษัทที่จะให้ผลตอบแทนดีหมด ยกตัวอย่างเช่น  Advent Convertibleand and Income ซึ่งเป็นกองทุนปิดขนาดเล็กให้ผลตอบแทนแย่กว่าเพื่อน ซึ่งตั้งแต่ต้นปีมาถึงตอนนี้ปรับลดลงมาแล้ว 27% เกินกว่าที่ปรับขึ้นมาในปีที่แล้วทั้งปี ในขณะที่ราคาซื้อขายได้ลดลงจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ 10% มีการประเมินว่า มูลค่าสินทรัพย์สุทธิของ Maitland อยู่ที่ 250 ล้านเหรียญ ว่ากันว่าเขาเป็นมือการเงินที่คอยช่วยกระตุ้นตลาดหุ้น Wall Street ให้กับอดีตประธานาธิบดี Obama เขาวิพากษ์ Alexandria Ocasio -Cortez สมาชิกสภาคองเกรสจาก Queens ว่าเป็นพวก “ไม่ประสีประสาทางการเงิน” จากการที่เธอออกมาพูดโจมตี Amazon โดยเขาบอกว่า “การพยายามทำให้คนที่ประสบความสำเร็จเป็นปิศาจร้ายไม่เป็นผลดีกับประเทศชาติเลย” ในปัจจุบัน Maitland ได้เข้าไปซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพของกิจการด้านเทคโนโลยีและการดูแลสุขภาพที่ไม่มีหนี้ โดยตราสารที่ Advent แนะนำให้ซื้ออย่างมั่นใจมากๆ ได้แก่ หุ้นกู้แปลงสภาพของ Akamai Technologies ซึ่งเป็นบริษัทใน Massachusetts ซึ่งทำโครงสร้างพื้นฐานของคลาวด์ให้กับเว็บไซต์ และธุรกิจสตรีมมิ่ง Workday ซึ่งเป็นบริษัทใน Pleasanton รัฐ California ที่ให้บริการด้านการบริหารจัดการเงินเดือนพนักงานและ Twitter ธุรกิจของ Akamai จะได้อานิสงส์จากการใช้งานเว็บไซต์ที่เพิ่มขึ้นจากการที่พนักงานต้องทำงานที่บ้านมากขึ้น ในขณะที่บริษัทมีหนี้น้อยมาก Maitland บอกว่า “สำหรับบริษัทเทคโนโลยีหลายๆ แห่งแล้ว หุ้นกู้แปลงสภาพเป็นหนี้เพียงประเภทเดียวเท่านั้นในงบดุล” แต่ Workday อาจจะเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยยิ่งกว่าเพราะบริษัทซอฟต์แวร์แห่งนี้มีสถานะเงินสดสุทธิสูงถึง 1 พันล้านเหรียญ ในขณะที่รายได้ในปีที่แล้วโตถึง 30% ซึ่งจะช่วยรองรับกรณีที่ผู้ใช้งานที่เป็นธุรกิจขนาดเล็กประสบปัญหาทางการเงิน ทั้งนี้ การที่ตลาดหุ้นร่วงแรงในช่วงที่ผ่านมาทำให้หุ้นกู้แปลงสภาพทั้งหมดที่ Maitland ถืออยู่ในพอร์ตลงทุนมี conversion premiums (ราคาตลาดของหุ้นต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ์แปลงสภาพ) อย่างมีนัยสำคัญ ถึงแม้ว่าราคาตลาดของหุ้นกู้แปลงสภาพของ Twitter ที่ออกมาเมื่อเดือนมิถุนายน 2018 จะอยู่ที่แค่ 87 เซ็นต์เท่านั้น แต่ Maitland มองว่า มีความเสี่ยงต่ำ เพราะ “Twitter มีงบดุลแข็งแกร่งราวป้อมปราการ” เนื่องจากมีสถานะเงินสดสุทธิถึง 3.8 พันล้านเหรียญ ซึ่งการใช้สิทธิ์แปลงสภาพจะคุ้นก็ต่อเมื่อราคาหุ้น Twitter วิ่งขึ้นไปเกิน 57 เหรียญ จากปัจจุบันที่ 25 เหรียญ Maitland บอกว่า “ถ้าคุณมีวินัยและสามารถประเมินเครดิตของบริษัทได้ นี่ถือเป็นโอกาสอย่างแท้จริง”   อ่านบทความอื่นเพิ่มเติม: Roshni Nadar Malhotra นักธุรกิจหญิงแกร่งแห่งเอเชีย
คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2563 ในรูปแบบ e-magazine