เช่นเดียวกับวัยรุ่นมิลเลนเนียลคนอื่นๆ Brianna Keefe ตกหลุมรักการทำขนมปังอะโวคาโดตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งเธออธิบายว่าไม่ใช่แค่รสชาติที่ดึงดูดใจเธอเท่านั้น แต่ยังรวมถึงหน้าตาอาหารเช่นกัน
ดังนั้นในปี 2018 เธอจึงตัดสินใจแบ่งปันสูตรขนมปังที่โด่งดังของเธอให้กับคนทั่วโลก ด้วยการเปิดร้านบูติกขนมปังรสเลิศและบาร์น้ำผลไม้
Toastique ในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี
ตั้งแต่นั้นมา Keefe ได้เพิ่มรายได้ให้กับร้านเป็นมูลค่ากว่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ด้วยทำเลที่ตั้งในอาคารสำนักงาน 4 แห่ง ร้านอาหารในเครือ 1 แห่ง (ร้านสลัด Chopsmith) และร้านแฟรนไชส์อีก 37 แห่งที่คาดว่าจะเปิดในอีก 2 ปีข้างหน้า
“การแพร่ระบาดครั้งใหญ่ได้เป็นตัวเร่งให้อุตสาหกรรมร้านอาหารเติบโตอย่างรวดเร็ว และเข้าถึงผู้คนได้มากขึ้น โดยเฉพาะผู้ที่สนใจรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ” Keefe วัย 27 ปีกล่าว
“เรากำลังจะกำหนดนิยามอาหารจานด่วนรูปแบบใหม่ในสหรัฐฯ”
ขณะที่
Ben Richter หนึ่งใน 4 ผู้ก่อตั้งเชนร้านอาหาร ซึ่งมีรายชื่อปรากฎในทำเนียบ
Forbes’ 30 Under 30 ประจำปี 2022 ในหมวดอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม คือ ผู้อยู่เบื้องหลังการก่อตั้งร้านเบอร์ริโตสำหรับมื้อเช้าในแคลิฟอร์เนียที่ชื่อ
Wake & Late
ด้าน
Ali Jawad มีร้านเบอร์เกอร์ฮาลาล
Taystee’s Burgers ซึ่งมี 2 สาขาในมิชิแกนและกำลังเดินหน้าขยายแฟรนไชส์อย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับ
Haibin Yang และ
David Zhao ผู้ร่วมก่อตั้งร้านหม้อไฟจีน
Chubby Cattle ที่ปัจจุบันมีสาขา 5 แห่งทั่วสหรัฐฯ
ทั้งนี้ จากการจัดอันดับทำเนียบนี้ในปีที่ผ่านมาๆ ได้สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจเชนร้านอาหารที่ให้บริการรวดเร็วและดีต่อสุขภาพมีแนวโน้มที่จะได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดเป็นอย่างมาก อาทิ เชนร้านสลัด
Sweetgreen ที่ก่อตั้งในปี 2012 โดย
Jonathan Neman, Nicolas Jammet และ
Nathaniel Ru ‘สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่ง ประจำปี 2012’ ซึ่งเพิ่งนำธุรกิจเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในเดือนพฤศจิกายน 2021 ที่ผ่านมา
ทว่าการระดมทุนอาจไม่ใช่นิยามของความสำเร็จเสมอไป เพราะนับตั้งแต่
Abby Taylor ผู้ร่วมก่อตั้งซุปเปอร์ฟรุคโบลว์
Playa Bowls ปรากฎตัวในทำเนียบ ‘สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่ง ประจำปี 2019’ เขาก็ได้นำธุรกิจขยายสาขากว่าเท่าตัวเป็น 135 แห่งทั่วประเทศ ขณะที่
Plant Power สตาร์ทอัพฟาสต์ฟู้ดมังสวิรัติ ซึ่งผู้ร่วมก่อตั้ง
Zach Vouga ติดโผ ‘สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่ง ประจำปี 2020’ รายงานว่าบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นจาก 1.1 ล้านเหรียญในปี 2016 เป็น 14.5 ล้านเหรียญในปี 2020
และล่าสุดสตาร์ทอัพ
Spyce ที่เปิดตัวในปี 2019 และขึ้นชื่อด้านการบริการที่ขับเคลื่อนด้วยหุ่นยนต์ ก็ได้ถูก Sweetgreen เข้าซื้อหุ้นที่มูลค่ามากกว่า 50 ล้านเหรียญในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
จากการเข้าซื้อกิจการในลักษณะนี้ Sean Dunlop นักวิเคราะห์จาก Morningstar มองว่า ผู้เล่นรายย่อยจำนวนมาก เช่น Toastique จะต้องดิ้นรนเพื่อแข่งขันกับยักษ์ใหญ่อย่าง Sweetgreen ที่มีทั้งเงินทุนและกำลังคนในการสร้างโซลูชันการสั่งซื้อที่สามารถปรับตามรายบุคคลได้อย่างรวดเร็ว
“เชนร้านอาหารเล็กๆ เหล่านี้มีช่องวางสำหรับโอกาสที่จะได้รับความสนใจจากลูกค้าที่ต้องการลองสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ”
“การปรับแต่ง” จึงเป็นสิ่งที่
Richter จาก
Wake & Late นำมาใช้เป็นจุดเริ่มต้นธุรกิจในปี 2018 เพื่อแก้ปัญหาที่เขาเรียกว่า “ภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกของอาหารเช้า" เนื่องจากผู้บริโภคที่ต้องการทานอาหารเช้านอกบ้านต้องเผชิญกับเมนูอาหารคุณภาพต่ำที่ไม่สามารถปรับเปลี่ยนให้ตรงตามความชอบของพวกเขาได้
“ผมสามารถพูดได้เลยว่าไม่เคยมีสตาร์ทอัพสำหรับอาหารเช้ามาก่อน” Richter กล่าวพร้อมเผยว่าปัจจุบัน Wake & Late มีมูลค่าเกือบ 6 ล้านเหรียญ หลังได้รับเงินทุน 2.2 ล้านเหรียญเมื่อไม่นานมานี้
“เราให้บริการเร็วมาก เรียกได้ว่าทำเบอร์ริโตกันถึง 150 ชิ้นต่อชั่วโมงเลยทีเดียว”
ทว่ามุมมองของ Richter นั้นต่างจาก Keefe ตรงที่เขาไม่ได้มุ่งหน้าที่จะขายแฟรนไชส์ โดยเขาวางแผนที่จะเปิดอีกอย่างน้อย 3 สาขาในแคลิฟอร์เนียในปี 2022 นี้ รวมเป็นทั้งสิ้นประมาณ 30 แห่งในอีก 5 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้เขายังไม่แน่ใจว่าการนำธุรกิจเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์จะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับสตาร์ทอัพแห่งนี้หรือไม่
“ผมไม่มีความคาดหวังแบบนั้นเลย แต่ถ้ามันเกิดขึ้นได้จริงก็นับเป็นเรื่องที่ดีมากๆ แต่ไม่ว่าอย่างไรผมจะพยายามผลักดันสิ่งต่างๆ ไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้”
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ From Gourmet Toast To Breakfast Burritos: These Are The Under 30 Food & Drink Listers Redefining Chain Restaurants เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม:
Joe Falter นำ Zapp ระดมทุน 200 ล้านเหรียญฯ เปิดแนวรบใหม่ในสงครามเดลิเวอรี่