[The Just 100] สุดยอดบริษัทอเมริกันใน 7 หมวด - Forbes Thailand

[The Just 100] สุดยอดบริษัทอเมริกันใน 7 หมวด

FORBES THAILAND / ADMIN
17 May 2018 | 02:21 PM
READ 11369

Just Capital ร่วมกับ FORBES สำรวจความคิดเห็นคนอเมริกัน 7.2 หมื่นราย เพื่อรวบรวมสถิติใน “The Just 100” ว่าบริษัทใดที่ถือเป็นบริษัทชั้นนำในแต่ละด้าน

ตัวเลขผลประกอบการไม่ใช่ทั้งหมดของการเป็นบริษัทที่ดี Just Capital พบว่าคนอเมริกันให้คุณค่ากับบริษัทเอกชนใน 7 ด้านหลัก คือ การปฏิบัติต่อพนักงาน, การปฏิบัติต่อลูกค้า, คุณภาพของผลิตภัณฑ์, ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม, การให้การสนับสนุนชุมชนในสหรัฐฯ และสิทธิมนุษยชนทั่วโลก, จำนวนตำแหน่งงานในสหรัฐฯ และการปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้น และ 7 บริษัทเหล่านี้คือผู้ที่ได้คะแนนโหวตสูงสุดในแต่ละด้าน การปฏิบัติต่อพนักงาน Nvidia “หากคุณต้องการทำสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตให้เลือกทำงานที่ Nvidia บริษัทนี้ให้คำมั่นสัญญาที่จะมอบสวัสดิการที่ดีที่สุดให้กับพนักงาน” Beau Davidson รองประธานฝ่ายทรัพยากรบุคคลกล่าว กล่าวโดยละเอียดก็คือ Nvidia จะช่วยพนักงานผ่อนชำระคืนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาในวงเงินไม่เกิน 30,000 เหรียญ และคุณแม่มือใหม่จะได้รับสิทธิลาหยุด 22 สัปดาห์โดยที่ได้รับค่าจ้าง พนักงานจะได้รับเงินชดเชยสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการทำเด็กหลอดแก้วและการรับบุตรบุญธรรม และสิ่งที่ยอดเยี่ยมกว่านั้นก็คือพนักงานสามารถจัดสรรเงินเดือนจำนวนไม่เกิน 10% ของตนมาซื้อหุ้น Nvidia ที่มีผลตอบแทนเร้าใจได้ในราคาที่มีส่วนลด 15% การปฏิบัติต่อลูกค้า Teradata เมื่อคุณอยู่ในธุรกิจการเก็บข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูล ไม่มีอะไรสำคัญมากไปกว่าการเก็บรักษาข้อมูลของลูกค้าให้ปลอดภัย จนถึงขณะนี้ลูกค้าของ Teradata ซึ่งรวมถึง eBay และ Hertz ต่างก็มีสถิติที่ขาวสะอาด บริการสนับสนุนทางโทรศัพท์ของบริษัทให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันโดยไม่มีวันหยุด และผู้เชี่ยวชาญของ Teradata จะเดินทางไปให้บริการถึงบริษัทของลูกค้าภายในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง  “เรายังมีแนวคิดแบบธุรกิจสตาร์ทอัพ ซึ่งหมายความว่าลูกค้าทุกคนเป็นลูกค้าคนที่สำคัญที่สุดของเรา” Imad Birouty ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดผลิตภัณฑ์กล่าว คุณภาพของผลิตภัณฑ์ Texas Instruments ไม่ว่าจะเป็นเครื่องคิดเลข โทรทัศน์ แปรงสีฟันไฟฟ้า ตู้เย็น บริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในยุคบุกเบิกซึ่งก่อตั้งขึ้นในปี 1930 นี้กำลังพัฒนาเทคโนโลยีอัจฉริยะเพื่อให้ลูกค้าสามารถชาร์จไฟอุปกรณ์ของตนได้รวดเร็วขึ้น ทำให้ที่พักอาศัยประหยัดพลังงานมากขึ้น และผู้ขับขี่ได้รับความช่วยเหลือในขณะขับขี่ยวดยาน  เพื่อเป็นการเพิ่มพลังแห่งนวัตกรรม บริษัทซึ่งตั้งอยู่ใน Dallas แห่งนี้ได้แบ่งกำไรของบริษัท 10% ไปใช้ในการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ จนทำให้มีสิทธิบัตรในความครอบครองมากถึง 44,000 ฉบับ ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม Accenture บริษัทที่ปรึกษาแห่งนี้เป็นอำนาจอันทรงพลังที่มองไม่เห็นในการดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการผลักดันลูกค้า หุ้นส่วน และคู่ค้าของบริษัทให้ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน บริษัทแห่งนี้ไม่ได้มีดีแต่พูด Accenture ได้ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ของบริษัทลง 47% นับตั้งแต่ปี 2006 โดยการทำให้อาคารสำนักงานมีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น จำกัดการเดินทางด้วยเครื่องบินและเลือกใช้การประชุมเสมือนจริงแทน ในปีงบประมาณ 2016 บริษัทได้รีไซเคิลคอมพิวเตอร์เก่าของตนถึง 99% (หรือประมาณ 76,000 เครื่อง) โดยไม่ใช้การฝังกลบ การให้การสนับสนุนชุมชนในสหรัฐฯ และสิทธิมนุษยชนทั่วโลก Intel เพื่อส่งเสริมให้พนักงานทั่วโลกจำนวน 106,000 คนของบริษัทเป็นผู้มีจิตอาสาบริษัทผู้ผลิตชิปแห่งนี้จะบริจาคเงิน 10 เหรียญต่อทุกๆ ชั่วโมง (หลังชั่วโมงที่ 20 เป็นต้นไป) ที่พนักงานของตนร่วมเป็นอาสาสมัครในองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรต่างๆ รวมถึงโรงเรียน  ปีที่แล้วพนักงานจำนวน 38% ได้ร่วมกันเป็นอาสาสมัครในองค์กรต่างๆ รวมแล้วเป็นเวลามากกว่า 1 ล้านชั่วโมง นอกจากนี้ Intel ยังได้เชื่อมโยงพนักงานเกษียณอายุกว่า 1,000 คนเข้ากับองค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรอย่าง Habitat for Humanity และ Boys & Girls Clubs of America เพื่อให้คนกลุ่มนี้มีโอกาสได้อุทิศตนทำสิ่งที่มีคุณค่าหลังจากเกษียณอายุแล้ว จำนวนตำแหน่งงานในสหรัฐฯ Amazon สาเหตุที่เมืองต่างๆ เรียกร้องให้ Amazon มาตั้งสำนักงานใหญ่แห่งที่ 2 ในเมืองของตน นั่นก็คือการสร้างงาน  ยักษ์ใหญ่ทรงพลังในธุรกิจอี-คอมเมิร์ซแห่งนี้ได้ปรับเพิ่มตำแหน่งงานในสหรัฐฯ ของบริษัทอีก 6 เท่าเป็น 180,000 ตำแหน่งตั้งแต่ปี 2011-2016 และยังสัญญาว่าจะว่าจ้างพนักงานทำงานเต็มเวลาอีก 100,000 คนภายในช่วงกลางปี 2018 โดยตำแหน่งงานส่วนใหญ่เป็นงานที่คลังสินค้า (ซึ่งบางครั้งพนักงานทำงานร่วมกับหุ่นยนต์) แต่บริษัทก็ยังจะปรับเพิ่มตำแหน่งงานด้านเทคโนโลยีโลจิสติกส์ และบริการลูกค้าอีกด้วย การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้น Microsoft นับตั้งแต่ Satya Nadella เข้าครอบครองกิจการของ Microsoft ในปี 2014 หุ้นของบริษัทก็ตื่นจากการหลับใหลนาน 1 ทศวรรษโดยมีราคาเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่า  บริษัทเริ่มลงมือสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ อีกครั้ง ธุรกิจคลาวด์ของบริษัทประสบความสำเร็จอย่างมาก และการซื้อกิจการของ LinkedIn ซึ่งมีมูลค่า 2.62 หมื่นล้านเหรียญก็มีอนาคตที่สดใส “ที่ Microsoft เราเคยพูดถึงการหยั่งรู้ทุกสิ่ง แต่ในปัจจุบันเราพูดถึงการเรียนรู้ทุกอย่าง” Kristen Dimlow รองประธานฝ่ายทรัพยากรบุคคลขององค์กรกล่าว   อ่านเพิ่มเติมบริษัทที่ได้คะแนนรวม 7 ด้านสูงสุด 15 อันดับแรกที่นี่  
คลิกอ่าน 100 อันดับแรกในตารางบริษัทชั้นนำแห่งสหรัฐอเมริกาจาก " The Just 100" ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ เมษายน 2561 ในรูปแบบ e-Magazine