"The Just 100" การจัดอันดับสุดยอดองค์กรแห่งอเมริกา - Forbes Thailand

"The Just 100" การจัดอันดับสุดยอดองค์กรแห่งอเมริกา

FORBES THAILAND / ADMIN
30 May 2019 | 11:50 AM
READ 5435

จงทำกำไรไปพร้อมๆ กับการทำความดี ตารางด้านล่างเป็นการจัดอันดับบริษัทที่มีผลงานยอดเยี่ยมที่สุด 100 อันดับแรกประจำปี 2018 ซึ่งจัดทำขึ้นเป็นปีที่ 2 แล้ว (อ่านเพิ่มเติมได้ที่ e-Magazine)

การจัดอันดับนี้ใช้การปฏิบัติต่อพนักงาน ลูกค้า และชุมชน ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การสร้างงาน คุณภาพของผลิตภัณฑ์ และความเป็นผู้นำเป็นเกณฑ์ในการให้คะแนน นอกจากนี้เรายังนำเสนอบริษัทอันดับ 1 ของแต่ละหมวดด้วย

องค์กรอันดับแรกของแต่ละหมวด

หมวดการปฏิบัติต่อพนักงาน

Nvidia “อัตราการลาออกของพนักงานทั่วโลกของเราอยู่ที่ราว 5% ในขณะที่บริษัทด้านเทคโนโลยีส่วนใหญ่จะมีอัตราการลาออกของพนักงานอยู่ที่ 8-15%” Beau Davidson รองกรรมการฝ่ายประสบการณ์พนักงานของบริษัทผู้ผลิตชิปอย่าง Nvidia กล่าว Nvidia ตั้งมาตรฐานอันสูงค่าในเรื่องสวัสดิการสำหรับพ่อแม่มือใหม่และว่าที่พ่อแม่ในอนาคต (ซึ่งรวมถึงความคุ้มครองแบบครบวงจรสำหรับการรับบุตรบุญธรรมและการรักษาภาวะเจริญพันธุ์) เพื่อให้การเข้าถึงสวัสดิการด้านสุขภาพทำได้ง่ายขึ้น Nvidia จับมือกับ Crossover Health สร้างคลินิกส่วนตัวใกล้กับสำนักงานใหญ่ของบริษัท และให้บริการทางการแพทย์ซึ่งดำเนินงานโดยบุคลากรจาก Stanford ทำให้พนักงานมีโอกาสได้พบปะผู้เชี่ยวชาญและได้รับการรักษาแบบแพทย์ทางเลือก นักศึกษาจบใหม่ยังได้รับเงินเพื่อชำระคืนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาในมูลค่าไม่เกิน 30,000 เหรียญ  

หมวดการปฏิบัติต่อลูกค้า

Intel ในขณะที่ Facebook กำลังพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งานว่าข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้แต่ละคนจะไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด บริษัทด้านเทคโนโลยีอื่นๆ กลับกำลังดำเนินนโยบายเชิงรุก ในปี 2018 Intel นำเสนอพอร์ทัลซึ่งเปิดโอกาสให้ลูกค้ากำหนดได้ว่าข้อมูลส่วนตัวใดบ้างที่บริษัทสามารถนำมาใช้เพื่อประโยชน์ทางการตลาดได้ หากจะมีการนำข้อมูลลูกค้ามาใช้งาน “ความเป็นส่วนตัวที่ออกแบบได้เองนี้มีความสำคัญมากกว่าที่เคยเป็นมา ดังนั้น Intel จึงไม่หยุดที่จะสร้างความเข้าใจให้กับลูกค้าในเรื่องคุณสมบัติเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวซึ่งมีอยู่ในผลิตภัณฑ์และบริการของบริษัท” David Hoffman เจ้าหน้าที่ฝ่ายความเป็นส่วนตัวสากลกล่าว  

หมวดผลิตภัณฑ์

Humana “ยิ่งประชากรของเรามีสุขภาพแข็งแรงมากเท่าไหร่ ตัวเลขผลประกอบการของเราก็ยิ่งดีมากขึ้นเท่านั้น” Dr. Roy Beveridge ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่าย การแพทย์ของ Humana กล่าว นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมบริษัทประกันแห่งนี้จึงพยายามทำทุกวิถีทาง ไม่ว่าจะเป็น การขึ้นทะเบียนผู้ป่วยสูงอายุกับธนาคารอาหาร และ Meals on Wheels เพื่อจัดให้มีอาสาสมัครไปเยี่ยมผู้สูงอายุตามบ้าน นี่อาจฟังดูเหมือนหลักการสังคมสงเคราะห์ แต่ความพยายามของ Humana ในฐานะผู้เข้าร่วมโครงการ Medicare Advantage (Medicare ที่ผู้รับประกันได้รับค่าธรรมเนียมโดยคิดตามจำนวนเงินที่กำหนดไว้ต่อผู้สูงอายุ 1 คน) นั้นขับเคลื่อนโดยใช้ข้อมูล และอยู่บนพื้นฐานของผลการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าโภชนาการที่ไม่ดี การแยกตัวอย่างโดดเดี่ยวและ “ปัจจัยทางสังคมที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ” มีความเกี่ยวข้องกับการมีสุขภาพไม่แข็งแรงและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น  

หมวดสิ่งแวดล้อม

Microsoft เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ยักษ์ใหญ่ในวงการเทคโนโลยีรายนี้กำลังทดลองแนวความคิดแบบใหม่ (เช่น ศูนย์ข้อมูลที่ใช้พลังงานจากเซลล์เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ) และแนวความคิดแบบดั้งเดิมอย่างเช่น การปรับปรุงโรงอาหารของบริษัท Microsoft ที่สำนักงานใหญ่ใน Redmond, Washington ซึ่งมีการนำจาน ถ้วย และช้อนส้อมแบบใช้งานซ้ำได้ รวมถึงเครื่องล้างจานแบบประหยัดพลังงานและน้ำมาใช้แทนภาชนะแบบใช้แล้วทิ้ง และใช้ที่กรองชาทดแทนชาถุงสำเร็จรูป (ภายหลังการศึกษาค้นคว้า Microsoft ตกลงใช้กระดาษเช็ดปากแบบใช้แล้วทิ้งตามเดิม) หากพูดถึงผลผลิตที่มาจากแหล่งผลิตภายในท้องถิ่นแล้วละก็ Microsoft เลือกใช้ผักกาดผักโขม และผักสลัด ที่ปลูกแบบไม่ใช้ดินในโรงเรือนที่อยู่ภายในโรงอาหารนั่นเอง  

หมวดชุมชน

Freeport-McMoran นับตั้งแต่ปี 2010 ยักษ์ใหญ่ผู้ผลิตทองแดงรายนี้ได้ทุ่มเงิน 500 ล้านเหรียญไปกับการสร้างโรงผลิตน้ำประปาและโรงงานบำบัดน้ำเสียใกล้กับเหมืองของตนใน Arequipa ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากร 860,000 คนในประเทศเปรู ทดแทนการปล่อยน้ำเสียทิ้งลงแม่น้ำสายหนึ่งซึ่งอยู่บริเวณใกล้เคียง ในปี 2016 Freeport สามารถเพิ่มกำลังการผลิตจากเหมืองแห่งนั้นได้มากขึ้นสามเท่า Bill Cobb หัวหน้าฝ่ายกิจการสิ่งแวดล้อมของบริษัทได้ให้คำนิยามอย่างตรงไปตรงมาว่าการสร้างโรงงานผลิตน้ำประปาและโรงงานบำบัดน้ำเสียเป็นหนึ่งในวิธีการเพื่อให้ได้มาซึ่ง “ใบอนุญาตจากสังคมในการประกอบกิจการ” เหมืองแร่ และเสริมว่าการขยายกิจการไม่มีการประท้วงซึ่งมักเป็นปัญหาที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น และโครงการเหมืองทั่วโลกจำต้องเผชิญ มาเป็นอุปสรรคขัดขวางแม้แต่น้อย  

หมวดการสร้างงาน

Nutanix นับตั้งแต่ที่ผู้ให้บริการคลาวด์รายนี้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในปี 2016 จำนวนพนักงานของบริษัทเพิ่มขึ้นจากไม่ถึง 2,000 คน เป็น 4,400 คน Nutanix ซึ่งเริ่มก่อตั้งและมีสำนักงานใหญ่อยู่ใน San Jose, California ยังประกอบธุรกิจใน Durham, North Carolina รวมถึงใน Seattle, Beijing และ Brisbane (พนักงานราว 40% อยู่ในต่างประเทศ) Rukmini Sivaraman รองกรรมการฝ่ายปฏิบัติการทางธุรกิจกล่าวว่า ความหลากหลายของพนักงานเป็นองค์ประกอบที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการขยายกิจการอย่างต่อเนื่องของบริษัท ซึ่งมีรายได้ 1.2 พันล้านเหรียญ ณ วันที่ 31 กรกฎาคม 2018 “เราตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ที่ 3 พันล้านเหรียญภายในปี 2021 ฉันคิดว่าเป็นเรื่องดีที่จะกล่าวว่าฝ่ายสรรหาว่าจ้างของเราจะทำทุกอย่างที่ต้องทำเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว และจะลงมือทำด้วยวิธีที่ผ่านการไตร่ตรองมาแล้วเป็นอย่างดี” Sivaraman กล่าว  

หมวดความเป็นผู้นำ

Xylem นับตั้งแต่ที่ Patrick Decker นั่งแท่นบริหารบริษัทเทคโนโลยีเกี่ยวกับน้ำในปี 2014 บรรดาผู้ถือหุ้นต่างก็พอใจกับผลตอบแทน 16% ต่อปี เปรียบเทียบกับผลตอบแทน 11% ของดัชนี S&P 500 Decker ยกความดีความชอบส่วนหนึ่งให้กับโครงการพัฒนาผู้บริหารที่จัดทำขึ้นอย่างเป็นทางการและการจัดการความหลากหลายภายในองค์กรซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวเขาให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก 1 ใน 4 ของผู้บริหารระดับสูงในบริษัทเป็นผู้หญิงและ Xylem ก็เติมเต็มท่อน้ำเลี้ยงด้วยการให้การสนับสนุนเครือข่ายของผู้หญิงที่อยู่ภายในองค์กร “เรารู้ดีว่าการจะก้าวไปข้างหน้านั้น ผู้บริหารระดับสูงของเราต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดี”   ระเบียบวิธีวิจัย: Forbes ร่วมกับ Just Capital ทำการประเมินบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่ที่สุด 890 แห่งในอเมริกาอย่างเข้มข้น (Russell 1000 ไม่นับรวมบริษัทที่มีข้อมูลไม่ครบถ้วน เช่น REITs หรือการควบรวมกิจการที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์) Just Capital ดึงข้อมูลจากรายงานที่เปิดเผยต่อสาธารณะ ผู้ค้าบุคคลที่ 3 และคลังข้อมูลจากผู้ใช้งานเครือข่ายออนไลน์จากนั้นให้นักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลและนักสถิติศาสตร์ทำการถ่วงน้ำหนักข้อมูลที่รวบรวมได้ โดยใช้เกณฑ์ 7 ข้อที่คนอเมริกันเห็นว่าเป็นพฤติกรรมขององค์กรธุรกิจที่มีความสำคัญมากที่สุด ได้แก่ การปฏิบัติต่อพนักงาน (ค่าถ่วงน้ำหนัก25%) การปฏิบัติต่อลูกค้า (18%) คุณภาพของผลิตภัณฑ์ (14%) ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (13%) การสนับสนุนชุมชนในสหรัฐฯ และประวัติด้านสิทธิมนุษยชนในต่างประเทศ (11%) ผลกระทบที่มีต่อตลาดแรงงานในอเมริกา (12%) และพฤติกรรมความเป็นผู้นำ (8%)
คลิกเพื่ออ่านบทความฉบับเต็มได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ เมษายน 2562 ในรูปแบบ e-Magazine