ความฝันของ ‘SNOOP Dogg’ ตำนานฮิปฮอปจาก California ในวัย 52 ปี - Forbes Thailand

ความฝันของ ‘SNOOP Dogg’ ตำนานฮิปฮอปจาก California ในวัย 52 ปี

FORBES THAILAND / ADMIN
26 Feb 2025 | 09:00 AM
READ 454

หลังจากการแสดงอันยอดเยี่ยมในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกที่ Paris ตำนานฮิปฮอปผู้นี้ก็กลับมาสู่ยุคทองอีกครั้ง ในฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา เขาเข้าร่วมรายการ The Voice และออกอัลบั้มใหม่ที่โปรดิวซ์โดย Dr. Dre ขณะเดียวกันก็มองหาการร่วมทุนใหม่ๆ ซึ่งรวมถึงธุรกิจที่คุณม้วนสูบได้ด้วย เพื่อให้หลานๆ ของเขามีกินมีใช้ไปตลอด แต่อย่าขอให้เขากินหอยทากละ


    Snoop Dogg เดินผ่านถนนสายใต้ของ Paris พร้อมกับชูคบเพลิงโอลิมปิกเหนือศีรษะ แน่นอนว่าเขาถือเป็นผู้ถือคบเพลิงคนแรกที่ถูกขอจากแฟนคลับให้เดินท่า Crip Walk ซึ่งเป็นการเดินสไตล์ฮิปฮอปอันโด่งดังจากวิดีโอเพลง “Drop It Like It’s Hot” ของเขา ตำนานแร็ปวัย 52 ปีผู้นี้ก็ยินดีทำและผู้ชมชาวฝรั่งเศสก็ชื่นชอบ

    ช่วงเวลาเช่นนี้ทำให้ผู้คนทุกวัย ทุกเพศ และทุกเชื้อชาติรู้สึกราวกับว่าพวกเขารู้จัก Snoop Dogg จริงๆ เหมือนเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมา 30 ปี “ผมไม่ใช่คนไกลตัว” เขาบอกกับ Forbes ขณะนั่งผ่อนคลายในกาสิโนส่วนตัวของเขา มันเป็นทั้งพื้นที่ทำงานและพักผ่อนขนาด 25,000 ตารางฟุตในเมือง Inglewood รัฐ California ซึ่งเขาเรียกว่า The Compound “ผมเป็นคนที่จับต้องได้”

    ความคุ้นหน้าคุ้นตาประกอบกับรูปร่างอันเป็นเอกลักษณ์จากรูปร่างที่เพรียวบาง สูง 6 ฟุต 4 นิ้ว และผมเปียยาว จึงเป็นเรื่องยากที่แร็ปเปอร์ผู้มีชื่อตอนเกิดว่า Calvin Broadus Jr. จะปรากฏตัวในที่สาธารณะโดยไม่มีใครสนใจ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงหมกตัวอยู่ที่ The Compound ได้นานๆ เพราะมันมีสตูดิโออัดเสียง อาเขต และสนามบาสเกตบอล เขาถือบ้องกัญชาใหม่และที่เขี่ยบุหรี่อันใหญ่จนน่าขันและพยายามอธิบายว่า ทำไมทุกวันนี้ทุกคนถึงอยากร่วมงานกับ D-O-G-G

    “ผมแค่คิดว่าเมื่อคุณเป็นตัวของตัวเองและจริงใจกับสิ่งที่ตัวเองเป็น โลกก็จะเข้าใจคุณในที่สุด” เขากล่าว “สิ่งที่ผมไม่ได้ทำคือ พยายามตามแฟชั่นหรือกระแสต่างๆ ผมแค่เป็นตัวของตัวเองมาโดยตลอด”

    ภาพที่สาธารณชนมอง Snoop เปลี่ยนแปลงไปมากเทียบกับช่วงปีแรกๆ ที่เขาเข้าๆ ออกๆ คุก และก้าวขึ้นมาเป็นผู้บุกเบิกเพลงแร็ปในอเมริกาฝั่งตะวันตกโดยเริ่มจากอัลบั้ม Doggystyle ในปี 1993 ในขณะที่ความรู้สึกของผู้คนที่มีต่อฮิปฮอปและกัญชาเปลี่ยนไปในช่วงหลายสิบปีหลังจากนั้น Snoop เองก็พยายามอย่างมากในการปรับภาพลักษณ์ตัวเองและซื่อสัตย์กับตัวตนที่เขาเป็น ไม่ว่าเขาจะออกอัลบั้มแนวเร็กเก้หรือกอสเปล ปรากฏตัวในภาพยนตร์อย่าง Old School และ Training Day หรือผลิตรายการแอนิเมชั่นสำหรับเด็ก ภาพลักษณ์ของแบรนด์ Snoop ได้เปลี่ยนจากเรต ‘ผู้ปกครองควรให้คำแนะนำ’ ไปเป็น ‘เหมาะสำหรับครอบครัว’

    หลังจากงานที่ทำกับ NBC ช่วงโอลิมปิกประสบความสำเร็จ Snoop ก็ได้รับความนิยมและมีคนต้องการตัวยิ่งขึ้นกว่าเคย ในฤดูใบไม้ร่วงปี 2024 เขาเปิดตัวในฐานะโค้ชคนใหม่ของรายการ The Voice และในเดือนธันวาคมปีเดียวกันเขาออกอัลบั้ม Missionary ซึ่งเป็นผลงานการผลิตของ Dr. Dre ผู้ให้คำปรึกษาเขามาอย่างยาวนาน

    นอกจากนี้เขายังลงทุนในธุรกิจอีกหลายอย่างซึ่งเขาหวังว่าจะได้อานิสงส์จากฉายาใหม่ของเขา นั่นคือ คุณลุงขี้ยาคนโปรดของอเมริกา

    “แน่นอนว่าเขาก็อันตรายประมาณหนึ่ง แต่ที่สำคัญคือ เขาเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วสนุก” Dr. Dre วัย 59 ปี ผู้ร่วมก่อตั้งค่าย Death Row Records ในปี 1991 และบริษัทผลิตหูฟัง Beats Electronics ใน 15 ปีต่อมากล่าว “และเราไม่คิดจะเปลี่ยนตัวตนของเรา” 

    “แต่” เขาพูดเสริม “ความจริงที่ว่ากัญชาถูกกฎหมายแล้วนั่นช่วยได้เยอะ” บทบาทล่าสุดของ Snoop ในฐานะ “ผู้ส่งสารสันติภาพ” ซึ่งเป็นฉายาของผู้ถือคบเพลิงโอลิมปิกทุกคนเป็นสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากขณะอยู่ Paris ไม่ว่าเขาจะว่ายน้ำกับ Michael Phelps เต้นรำกับ Simone Biles หรือชมการแข่งขันการบังคับม้ากับ Martha Stewart เพื่อนเก่าแก่ของเขา เขาจะแผ่รังสีแห่งความคิดบวกและความขี้เล่นที่ทำให้ผู้พบเห็นต่างประทับใจ

    “มันเป็นไปตามที่เราหวังทุกอย่างและมากกว่านั้นด้วย” Molly Solomon ผู้อำนวยการบริหารการผลิตและประธานโปรแกรมของ NBC Olympics กล่าว “เขาเป็นคนที่ดังที่สุดของงานที่ Paris ในบรรดาคนที่ไม่ใช่นักกีฬา”

    Solomon หวังว่า Snoop จะไม่ได้กลับมาแค่ในโอลิมปิกฤดูร้อนปี 2028 ที่ Los Angeles บ้านเกิดของเขา แต่รวมถึงโอลิมปิกฤดูหนาวปี 2026 ที่อิตาลีด้วย อย่างน้อยอยู่ที่นั่นเขาจะไม่ถูกขอให้กินหอยทากต่อหน้ากล้องเหมือนตอนที่อยู่ Le Cinq ร้านอาหารมิชลิน 3 ดาวใน Paris “คุณจะเรียกมันด้วยชื่อหรูๆ พยายามทำให้มันดูน่ารักจะทอดจะปรุงมันยังไงก็ช่าง” เขากล่าวถึงอาหารอันโอชะของฝรั่งเศส “แต่ผมไม่กินหอยทาก”

    แม้ว่าความนิยมของ Snoop จะพุ่งสูงขึ้น และเขาจะเคยเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้บริษัทมากมาย เช่น Petco, Tostitos และ Corona แต่ระยะหลังเขาได้เปลี่ยนจากการสนับสนุนสินค้าไปลงทุนแทน ซึ่งเขาจะมีส่วนในผลกำไรหรือได้หุ้นส่วนของเจ้าของ ในปี 2020 เขาได้ทำสัญญาลิขสิทธิ์กับ 19 Crimes เพื่อเปิดตัวไวน์แดงที่มีรูปหน้าเขาบนฉลากซึ่งบริษัทบอกว่า สามารถบรรลุเป้ายอดขาย 12 เดือนได้ภายใน 6 สัปดาห์แรก ส่วน Dr. Bombay Ice Cream ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนแบบ 50/50 กับ Happi Foodi รายงานยอดขาย 10 ล้านเหรียญนับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 2023

    ในโลกของกัญชาซึ่ง Snoop คุ้นเคยตั้งแต่มีรายงานว่า เขาขายกัญชาให้กับเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลายอย่าง Cameron Diaz เขามีอิทธิพลมากจนถึงขั้นที่ว่าช่วงปลายปี 2023 ตอนเขาออกมาประกาศเรียกเสียงฮือฮาว่าจะ “เลิกอมควัน” ทำให้หุ้นของบริษัทกัญชาในตลาดหลักทรัพย์ร่วงกราว ซึ่งในเวลาต่อมามีการเปิดเผยว่า เป็นแค่การโปรโมตเตาไร้ควัน แม้ว่าเขาจะยุติการมีส่วนร่วมกับ Casa Verde กองทุน VC ที่เน้นลงทุนในกัญชามูลค่า 350 ล้านเหรียญ (สินทรัพย์ภายใต้การจัดการในปี 2024) ซึ่งเขาร่วมก่อตั้งในปี 2015 แต่แบรนด์ Death Row Cannabis ของเขาเพิ่งเปิดตัวเมื่อปี 2023 โดยมีร้านค้าหลายแห่งใน Los Angeles และ Amsterdam

    ศูนย์กลางของอาณาจักรธุรกิจที่กำลังเบ่งบานนี้คือ Death Row Records ซึ่งเป็นค่ายเพลงเดียวกับที่เซ็นสัญญากับ Snoop ในช่วงต้นทศวรรษ 1990 แต่ก็ตกต่ำลงและสุดท้ายก็ยื่นล้มละลายในปี 2006 ต่อมาในปี 2022 Snoop ซื้อ Death Row มาในราคาประมาณ 10 ล้านเหรียญจาก MNRK Music Group ซึ่ง Blackstone เป็นเจ้าของ “ผมเป็นเจ้าของค่ายและอยากเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆ ที่ผมโปรโมตและทำการตลาดให้ เพราะผมรู้ว่าผมเก่งเรื่องนี้” เขาบอก “มันไม่สมเหตุสมผลเลยที่ผมจะรับเช็ค 10 ล้านเหรียญเพื่อโปรโมตบริษัทคนอื่นแล้วเขาก็ได้ 500 ล้านเหรียญ”

    มันคือหลักการเดียวกันกับ Gin and Juice บริษัทสตาร์ทอัพใน L.A. ของเขาที่ผลิตค็อกเทลพร้อมดื่มที่มีชื่อตามซิงเกิ้ลฮิตในปี 1993 ของเขา โดยเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2024 ร่วมกับ Dr. Dre และ Jimmy Iovine ผู้บริหารค่ายเพลง Snoop บอกว่า ตอนเขาเอ่ยชื่อแบรนด์จินอย่าง Seagram’s และ Tanqueray ในเนื้อเพลง เขาไม่รู้เลยว่าจะได้ทำเงินให้แบรนด์เหล่านั้นได้มากขนาดนี้

    นอกจากนี้ เขายังปลื้มสุดๆ กับ Missionary อัลบั้มเต็มชุดแรกที่ Dr. Dre กลับมาโปรดิวซ์ให้กับ Snoop หลังจาก Doggystyle “ผมรู้สึกว่านี่เป็นเพลงที่ดีที่สุดอัลบั้มหนึ่งที่เคยทำมา” Dr. Dre บอก “มันทำให้เขามีอะไรใหม่ๆ แสดงบนเวที”

    Snoop เสริมว่า “ดนตรีคือรากฐานของผม นั่นคือรากเหง้าของผม ผมจึงไม่มีทางหนีจากมันได้ และสิ่งหนึ่งที่ผมรู้สึกเกี่ยวกับดนตรีและนักดนตรีที่ยอดเยี่ยมก็คือ พวกเขาไม่มีวันตกยุค”

    แม้จะมีข่าวลือว่า Snoop จะออกทัวร์ในปี 2025 แต่ยังไม่มีทีท่าว่า Snoop จะชะลอความเร็วลงเลย ด้วยอาชีพการงาน ณ ปัจจุบัน เขาบอกว่า เขาได้แรงกระตุ้นให้ทำงานต่อไปจากหลานๆ ทั้ง 12 คน และเด็กๆ ที่เข้าร่วม Snoop Youth Football League ที่เขาให้การสนับสนุนทางการเงิน

    “ถ้าให้เปรียบเทียบกับโอลิมปิก ผมคิดถึงการวิ่งแข่ง” เขาพูดถึงเส้นทางอาชีพของตัวเอง “ตอนที่ผมเพิ่งได้รับไม้ต่อ คนส่วนใหญ่วิ่งไปแล้ว 4 หรือ 5 รอบ แต่ด้วยความเร็วเท่าที่ผมวิ่งมาจนถึงวันนี้ผมนำพวกเขาไปแล้ว 4 หรือ 5 รอบ ดังนั้น ผมควรจะส่งไม้ต่อให้หลานๆ ยังไงเพื่อพวกเขาจะได้วิ่งนำต่อไป ไม่ใช่ตามหลัง”



เรื่อง: MATT CRAIG, เรียบเรียง: พินน์นรา วงศ์วิริยะ, ภาพ: RAMONA ROSALES



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Yo Gotti นักธุรกิจฮอตในคราบฮิปฮอป

อ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ในรูปแบบ e-magazine