ขอเชิญพบกับ Mayvenn สตาร์ทอัพ ที่ระดมทุนจาก การต่อด้วยเส้นผมจริงแห่งแรกของโลกที่ได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุน พวกเขาใฝ่ฝันที่จะเป็น Airbnb แห่งร้านเสริมสวย
Moe’s Hair Hut ใน Harlem นั้น Raven Johnson สาววัย 24 ปีอยากจะสวยต้อนรับงานเลี้ยงฉลองทารกใกล้คลอดที่กำลังจะมาถึง แต่ก่อนเธอต้องลงทุนถึง 500 เหรียญสหรัฐฯ เพื่อต่อผม โดย 250 เหรียญเป็นค่าต่อผมยาวด้วยเส้นผมจริงเงาสลวย ส่วนอีก 250 เหรียญเป็นค่าช่างทำผมสำหรับบริการต่อผมเข้ากับเส้นผมแท้ของเธอที่ถักเป็นเปียแน่น ต้องขอบคุณธุรกิจสตาร์ทอัพ Mayvenn ครั้งนี้เธอจ่ายเพียง 250 เหรียญ Diishan Imira ผู้ประกอบการชาวแอฟริกันอเมริกันวัย 38 ปีก่อตั้ง Mayvenn ขึ้นมาในปี 2013 และเป็นธุรกิจสตาร์ทอัพเพียงแห่งเดียวในตลาดต่อผมด้วยเส้นผมจริงและมูลค่า 6 พันล้านเหรียญในสหรัฐฯ ที่ได้รับเงินสนับสนุนจากนักลงทุน Mayvenn ระดมทุนได้ 36 ล้านเหรียญจากบรรดานักลงทุนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Serena Williams หรือ Andreessen Horowitz ยักษ์ใหญ่แห่ง Silicon Valley ปัจจุบันมีมูลค่า 100 ล้านเหรียญ แล้วคำถามที่ตามมาคือว่า บริษัทจะจ่ายผลตอบแทนในรูปแบบการร่วมลงทุนได้อย่างไร “Mayvenn มีอัตราการเติบโตสูง เป็นร้านที่มีลูกค้า 2 กลุ่มด้วยกัน กลุ่มหนึ่งคือผู้เชี่ยวชาญด้านความงามนับร้อยนับพันรายอีกกลุ่มหนึ่งคือ ลูกค้านับล้านๆ คน” Ben Horowitz แห่ง Andreessen Horowitz กล่าว “สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่า นี่ไม่ใช่ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซหรือธุรกิจเส้นผม” ในปี 2012 เขาเดินทางไปยังประเทศจีนและพบว่า เส้นผมเป็นสินค้าส่งออกสำคัญ ด้วยน้ำหนักที่เบาและมีขนาดกะทัดรัดทำให้ค่าส่งมีราคาถูก อีกทั้งยังสามารถตั้งราคาปลีกได้สูงถึงร้อยละ 400 เขาตรวจสอบตัวเลขศุลกากรสหรัฐฯ และประเมินว่า ตลาดในสหรัฐฯ น่าจะมีมูลค่าระหว่าง 5-6 พันล้านเหรียญ “ผมเริ่มคิดถึงธุรกิจระดับร่วมลงทุนที่น่าจะสร้างรายได้หลักร้อยล้าน” เมื่อได้ทุนพอที่จะเริ่มธุรกิจสตาร์ทอัพเขาสามารถเปิดธุรกิจออนไลน์และจำหน่ายสินค้าผ่านช่างทำผมผิวสีที่เขาจะว่าจ้างมาเป็นตัวแทนจำหน่ายโดยให้ส่วนลดร้อยละ 15-20 “ตอนนั้นผมสามารถขายของเพื่อทำเงินจำนวนมากก็ได้ และยังสร้างอิทธิพลในทางบวกให้กับชุมชนช่างทำผมผิวสีได้อีกด้วย” ที่ Silicon Valley ซึ่งอยู่ห่างจาก Oakland 35 ไมล์ เขารู้ว่า บรรดานักร่วมลงทุน “เขียนเช็คมูลค่านับล้านๆ เหรียญให้ผู้ก่อตั้งธุรกิจสตาร์ทอัพที่สวมเสื้อฮู้ดกับรองเท้าแตะ แต่ผมไม่รู้จักใครที่นั่นแม้สักคนเดียวไม่รู้ด้วยว่าไปอย่างไร” ช่วงปลายปี 2012 Imira จึงเริ่มเข้าร่วมงานสัมมนาต่างๆ ที่บริษัทร่วมลงทุนทั้งหลายจัดขึ้น ตลอดจนงานชุมนุมของกลุ่ม Black Founders ที่มีขึ้นในคืนวันพุธที่บาร์แห่งหนึ่งใน San Francisco เขาเริ่มประชาสัมพันธ์ Mayvenn (ได้ชื่อมาจากคำในภาษายิดดิชที่แปลว่า ผู้เชี่ยวชาญ) ตามเวทีแข่งขันพิชชิ่งต่างๆ แต่ทั้งนักลงทุนผิวขาวและนักลงทุนชาวเอเชียไม่ค่อยให้ความสนใจตลาดผลิตภัณฑ์เส้นผมของคนผิวสี ในที่สุดเขาก็ได้รับการตอบรับจาก 500 Startups ซึ่งเป็นองค์กรบ่มเพาะนักธุรกิจหน้าใหม่ที่ Menlo Park องค์กรแห่งนี้ไม่เพียงแต่จะร่วมลงทุน 50,000 เหรียญ แต่ยังแนะนำบริษัทให้บรรดานักลงทุนกลุ่ม Angel ได้รู้จักอีกด้วย ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ David Shen ซึ่งเป็นหุ้นส่วนบริษัทผู้สนับสนุนเงินลงทุนอย่าง Launch Capital เขาพา Shen ไปยังร้านเสริมสวยแห่งหนึ่งใน Oakland และร้านขายสินค้าเสริมความงามของชาวเกาหลีอีก 2 แห่ง “ผมแทบไม่อยากจะเชื่อเลยผมชอบที่ Diishan รู้จักธุรกิจนี้เป็นอย่างดี และพร้อมที่จะทุ่มเททั้งเวลา ความรู้ความเข้าใจ และพยายามที่จะเปลี่ยนแปลง” Shen กล่าว ปลายปี 2017 Mayvenn ว่าจ้างช่างทำผม 5 หมื่นคนมาเป็นผู้จัดจำหน่ายเส้นผม แต่ Imira ไม่ทันคาดการณ์ถึงการเติบโตแบบก้าวกระโดดของธุรกิจอี-คอมเมิร์ซบรรดาคู่แข่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง AliExpress ซึ่งเป็นเว็บไซต์ค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของจีนที่มี Alibaba Group ของอภิมหาเศรษฐี Jack Ma เป็นเจ้าของนั้นขายตัดราคา Mayvenn ไปถึงร้อยละ 80 “เรากำลังเติบโตแต่ผมเห็นสัญญาณไม่ดีชัดเจน” ช่วงปลายปีที่ผ่านมา เขานำเสนอวิธีการใหม่ต่อนักลงทุนจนสามารถระดมทุนได้ 23 ล้านเหรียญ Mayvenn ไม่ได้แค่อาศัยช่างทำผมจัดจำหน่ายเส้นผมอีกต่อไป แต่จ่ายค่านัดหมายเพื่อให้บริการต่อผมในราคา 100 เหรียญ จากนั้นจะเสนอบริการต่อผมฟรีให้กับลูกค้าที่ซื้อเส้นผมของ Mayvenn ในเวลาไม่ถึง 6 เดือนมีช่างทำผมเข้าร่วมโครงการผ่านเว็บไซต์ Zip Code แล้ว 3,000 คน แม้ว่าช่างทำผมต้องยอมรับส่วนลดค่าบริการ แต่ก็ได้ประโยชน์ที่ไม่ต้องลงแรงหาลูกค้ามากนัก Ariahnn Turner ช่างทำผมวัย 25 ปีจาก Oakland ได้ลูกค้าใหม่ 26 คนนับตั้งแต่เข้าร่วมโครงการของ Mayvenn เมื่อเดือนมกราคม เธอบอกว่า “ดีสำหรับฉัน” แม้ว่าบริษัทจะต้องแบ่งเงินของตัวเองไปจ่ายค่านัดหมายบริการช่างทำผมและจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่สามารถทำกำไรคืนมาได้ แต่ราคาเส้นผม (Imira ไม่เปิดเผยราคาของ Mayvenn) ก็แข็งแกร่งพอที่จะทำให้รายการซื้อแต่ละครั้งมีกำไร เขาคาดว่าในปี 2019 จะมีรายได้สูงกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งอยู่ที่ 30 ล้านเหรียญ Imira ไม่เปิดเผยแหล่งที่มาของเส้นผมของ Mayvenn บอกเพียงว่า มาจากเอเชีย และเขาเลือกใช้ผู้จัดจำหน่ายที่ไว้ใจได้ และรับประกันได้ว่าผิวชั้นนอกของเส้นผมทุกเส้นวางเรียงไปทางเดียวกัน เพื่อป้องกันเส้นผมยุ่งพันกัน Imira บอกว่า คนที่ซื้อเส้นผมราคาถูกผ่าน AliExpress ไม่รู้ว่าของที่ได้รับจะเป็นอย่างไร แต่สำหรับเส้นผมของ Mayvenn นั้นมีการรับประกันคืนเงินภายใน 30 วัน Imira ตั้งเป้าหมายไว้สูง เขาเชื่อว่าจะสามารถขยายสินค้าของ Mayvenn ให้ครอบคลุมสินค้าราคาสูงได้ด้วยเช่น แชมพู ครีมนวดผม และหมวกคลุมผมสำหรับสตรีผิวสีสวมคลุมผมเวลากลางคืนเพื่อปกป้องเส้นผมอีกทั้งยังยินดีต้อนรับเส้นผมทุกประเภทและลูกค้าจากพื้นเพทุกรูปแบบ ซึ่งปัจจุบันนิยมหันมาต่อผมกันมากขึ้น (ปอยผมของ Kim Kardashian ไม่ใช่ผมจริงของเธอทั้งหมดหรอก) “ผมอยากให้เป็นร้านทำผมขนาดใหญ่ที่สุดเหมือนกับที่ Airbnb เป็นโรงแรมขนาดใหญ่ที่สุด Airbnb เห็นศักยภาพด้านที่พักที่ยังไม่มีใครดึงมาใช้ และพวกเขาก็เข้าไปเติมเต็มตรงนั้น ผมก็กำลังดึงศักยภาพของร้านทำผมที่ยังไม่มีใครดึงมาใช้อยู่เช่นกัน” เรื่อง: Susan Adams เรียบเรียง: ปาริชาติ ชื่นชม ภาพ: Tim Pannellคลิกเพื่อติดตามบทความทางด้านเศรษฐกิจและธุรกิจอื่นๆ ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับกุมภาพันธ์ 2563 ในรูปแบบ e-Magazine