ย้อนกลับไปในเดือนกันยายน 2018 Jon Gray ในฐานะประธานบริษัท กล่าวกับนักลงทุนถึงความทะเยอทะยานอันยิ่งใหญ่ของ Blackstone ที่เขาและทีมงานตั้งเป้าจะมีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการราว 1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2026 และขึ้นแท่นเป็น ‘บริษัทไพรเวทอิควิตี้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก’
“คุณอาจจะอยากรู้ว่า … เรามีแนวโน้มจะปรับลดตัวเลขลงบ้างหรือไม่” คำตอบคือ
"'ไม่" อย่างแน่นอน" Jon Gray บอกกับผู้ถือหุ้นของเขา
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาได้พิสูจน์แล้วว่าแผนการดังกล่าวเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้อง ซึ่งแม้แต่ผู้ที่ให้การสนับสนุนบริษัทที่สุดก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นไปได้
ล่าสุด Blackstone รายงานผลประกอบการสำหรับไตรมาสที่ 4 ของปี 2021 ในสัปดาห์นี้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงตัวเลขที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดอย่างน่าอัศจรรย์ ด้วยมูลค่าของฐานทรัพย์สินของบริษัทที่แตะ 1.5 แสนล้านเหรียญภายในระยะเวลาเพียง 3 เดือน ทำให้ตัวเลขมวลรวมทั้งหมดอยู่ที่ 8.81 แสนล้านเหรียญ และมีความเป็นไปได้ว่า Blackstone จะมีสินทรัพย์ถึง 1 ล้านล้านเหรียญภายในปีนี้ ซึ่งเร็วกว่าไทม์ไลน์เดิมถึง 4 ปี
“เรามีผลงานที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา และเรายังคงขยายแพลตฟอร์มของเราต่อไป ด้วยการลงทุนกับนักลงทุนรายย่อย ประกันภัย และธุรกิจอื่นๆ และนั่นทำให้เรามีโมเมนตัมอันทรงพลังและผลประกอบการที่ดีเยี่ยม” Gray ล่าวในการให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg
โดย Gray ชี้ว่า เหตุผลหนึ่งที่บริษัทเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นเพราะประมาณครึ่งหนึ่งของเงินสดที่ไหลเข้ามาในกองทุนช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี เกิดจากข้อตกลงประกันภัยที่จะเห็นว่า Blackstone เริ่มเข้าไปจัดการสินทรัพย์ในนามของ
Allstate และ
AIG เช่นเดียวกับที่คู่แข่งอย่าง
Apollo Global Management และ
KKR ต่างก็รุกเข้าสู่อุตสาหกรรมดังกล่าวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเช่นกัน
เนื่องจากบริษัทไพรเวทอิควิตี้หลายแห่งมองว่าการลงทุนประเภทนี้เป็นรูปแบบที่พวกเขาไม่ต้องคืนทุนจำนวนมากให้กับนักลงทุนภายนอก และในขณะเดียวกันก็มีอัตราค่าธรรมเนียมที่ไม่คงที่ ส่งผลให้ Blackstone สามารถจัดการเงินทุนถาวรได้ราว 3.13 แสนล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 132 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว
ทว่าการเติบโตอย่างรวดเร็วของสินทรัพย์ไม่ใช่เหตุผลเดียวที่นักลงทุน Blackstone จะเฉลิมฉลองในสัปดาห์นี้ เพราะในขณะเดียวกันบริษัทก็รายงานผลรวมของกำไรที่คาดว่าผู้ถือหุ้นจะได้รับที่ 2.3 พันล้านเหรียญ และอีก 1.8 พันล้านเหรียญจากผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 โดยตัวเลขข้างต้นนับว่าทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งนักวิเคราะห์ต่างคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ราว 1.71 เหรียญต่อหุ้น
ขณะที่กระแสเงินสดสำหรับปี 2021 อยู่ที่ 2.7 แสนล้านเหรียญ ซึ่งมากกว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของโปรตุเกสเสียอีก โดยได้รับอานิสงส์หลักมาจากการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ครองส่วนแบ่งราวร้อยละ 12 ในพอร์ตฟอลิโอ อาทิเช่น ดาต้าเซนเตอร์หรือตลาดให้เช่าที่อยู่อาศัย
ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา
Blackstone Real Estate Income Trust ได้ตกลงเข้าซื้อพอร์ตอพาร์ตเมนต์กว่า 12,600 ยูนิตจาก
Resource REIT ที่มูลค่า 3.6 พันล้านเหรียญ ขณะที่ในเดือนธันวาคม บริษัทใช้เงิน 3.7 พันล้านเหรียญเพื่อซื้อ
11,000 ยูนิตที่
Bluerock Residential เป็นเจ้าของ และเมื่อฤดูร้อนปีที่แล้ว บริษัทได้จ่ายเงินอีก 6 พันล้านเหรียญสำหรับ
Home Partners of America เพื่อเป็นเจ้าของบ้านเช่าทั้งหมด 17,000 หลัง
ด้านมูลค่าหุ้นของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 120 ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2021 และมีมูลค่า ณ ราคาตลาดทะลุ 1.5 แสนล้านเหรียญ ทว่าในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของปี หุ้นไพรเวทอิควิตี้ที่ร้อนแรงกลับได้รับผลกระทบอย่างหนักจากสภาวะตลาด ซึ่งส่งผลให้หุ้นของบริษัทลดลงมากกว่าร้อยละ 20 อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
แต่จากผลประกอบการที่สดใสในสัปดาห์นี้ก็พลิกสถานการณ์กลับมาอีกครั้ง ด้วยการปรับตัวสูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 11 จากที่ร่วงลงไปเกือบ 1 เดือนเต็ม
“วันนี้ Blackstone รายงานผลลัพธ์ที่น่าประทับใจที่สุดในประวัติศาสตร์ของเรา” Stephen Schwarzman ประธาน ผู้ร่วมก่อตั้ง และผู้บริหารระดับสูงของบริษัท ซึ่งใช้เวลากว่า 37 ปีที่ผ่านมาในการสร้าง Blackstone ให้กลายเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่างทุกวันนี้กล่าว
“ไม่เคยมีบริษัทใดในโลกที่เข้าใกล้ระดับการเติบโตอย่างสมบูรณ์นี้ได้ภายในปีเดียว”
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Blackstone Might Reach Its $1 Trillion Goal Four Years Ahead Of Schedule เผยแพร่บน Forbes.com
อ่านเพิ่มเติม:
Joe Falter นำ Zapp ระดมทุน 200 ล้านเหรียญฯ เปิดแนวรบใหม่ในสงครามเดลิเวอรี่