James Litinsky รวยด้วยแร่หายาก พร้อมกำลังหนุนจาก 2 ยักษ์ใหญ่ - Forbes Thailand

James Litinsky รวยด้วยแร่หายาก พร้อมกำลังหนุนจาก 2 ยักษ์ใหญ่

FORBES THAILAND / ADMIN
19 Mar 2025 | 09:00 AM
READ 104

เริ่มแรก James Litinsky ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์แค่อยากถอนทุนคืนจากการลงทุนในพันธบัตรบางตัวที่มีปัญหาเท่านั้น แต่กลับกลายเป็นว่าเขาสามารถทำเงินได้อย่างเป็นกอบเป็นกำจากแร่หายาก และยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างผลประโยชน์เชิงยุทธศาสตร์ให้กับประเทศสหรัฐฯ โดยได้รับความช่วยเหลือจากจีนอีกต่างหาก


    James Litinsky เดินทางไปดูเหมืองขุดแร่หายาก Mountain Pass เมื่อปี 2015 เพราะเป็นห่วงเงินลงทุน 40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่กองทุนเฮดจ์ฟันด์ของเขาเข้าไปซื้อพันธบัตรด้อยคุณภาพที่ออกโดย Molycorp ซึ่งเป็นเจ้าของเหมืองแห่งนี้เอาไว้ แต่พอได้เห็นสถานที่จริงเขาต้องทึ่งไปกับความใหญ่โตมโหฬารของเหมืองที่ตั้งอยู่บนภูเขาเหนือทะเลทราย Mojave ในรัฐ California และการเป็นแหล่งแร่โลหะสำคัญทางยุทธศาสตร์บางชนิดเพียงแห่งเดียวในสหรัฐฯ เช่น นีโอไดเมียมที่ใช้ผลิต “แม่เหล็กแรงสูง” ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เครื่อง MRI ฮาร์ดไดรฟ์ของคอมพิวเตอร์และเครื่องบินรบ ซึ่ง Litinsky บอกว่า “ผมติดใจเลย”

    หลังจากนั้น 2-3 เดือน Molycorp ได้ยื่นเรื่องเข้ากระบวนการล้มละลาย และ Litinsky ทุ่มเดิมพันลงไปด้วยการพยายามฟื้นธุรกิจเหมืองแห่งนี้ควบคู่กับการพลิกฟื้นสถานะการเงินลงทุนของนักลงทุนของเขา

    ถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีความรู้เรื่องการทำเหมืองหรือวิชาเคมีเกี่ยวกับแร่หายากที่ซับซ้อนแล้วยังไง?

    ถึงแม้คำว่าแร่ “หายาก” จะมีที่มาจากความยากในการสกัดแร่และทำให้บริสุทธิ์แล้วยังไง?

    ถึงแม้ตอนที่เขาได้เหมืองแห่งนี้มาในปี 2017 มันจะถูกลดขนาดลงจนเป็นเพียงหลุมลึก 600 ฟุตที่มีน้ำขังอยู่ 30 ล้านแกลลอนแล้วยังไง?

    เขามีวุฒิปริญญาตรี สาขาเศรษฐศาสตร์จาก Yale พ่วงด้วยปริญญาสาขากฎหมายและ MBA จาก Northwestern ซึ่งทำให้เขาเชื่อมั่นในตัวเอง และมั่นใจว่าตัวเลขของเหมืองแห่งนี้น่าสนใจมากพอ

    80% ของแร่หายากทั้งหมดในโลกนี้มาจากการขุดและทำให้บริสุทธิ์ในประเทศจีน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ทำให้รัฐบาลสหรัฐฯ เหงื่อตกเพราะโลหะที่ผลิตจากแร่หายากมีความสำคัญกับภาคอุตสาหกรรมและกองทัพอย่างมาก ดังนั้น Litinsky จึงคาดเอาไว้แต่แรกแล้วว่า ถ้าเขาเข้ามาทำธุรกิจแร่หายาก เขาน่าจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลกลางของสหรัฐฯ ซึ่งก็ปรากฏว่าเขาก็ได้รับการสนับสนุนตามคาดเป็นวงเงินสูงถึง 105 ล้านเหรียญจากทั้งรัฐบาลของ Trump และ Biden แต่สิ่งที่ทำให้เขาแปลกใจมากกว่านั้นก็คือ การได้รับการสนับสนุนจากทางฝั่งจีนด้วย ซึ่งนอกจากจะให้การสนับสนุนทางการเงินและช่วยสร้าง Mountain Pass ให้กลับมาเปิดดำเนินการได้อีกครั้งแล้ว ยังเป็นกลุ่มลูกค้าประเภทแฟนพันธุ์แท้อีกด้วย

    ถึงแม้หนทางจะไม่ได้ราบรื่นไปทั้งหมด แต่ก็นับได้ว่าเดิมพันของเขาให้ผลตอบแทนที่น่าพอใจ และทำให้สินทรัพย์สุทธิของ Litinsky ในวัย46 ปี มีมูลค่าอย่างน้อย 400 ล้านเหรียญจากการประเมินโดย Forbes ทั้งนี้เขาได้ลดขนาดของ JHL Capital Group กองทุนเฮดจ์ฟันด์ที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ ณ Chicago ซึ่งในช่วงจุดสูงสุดเคยมีมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารสูงถึง 2 พันล้านเหรียญ และใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการปฏิบัติหน้าที่ซีอีโอของ MP Materials ซึ่งกิจการของเหมือง Mountain Pass กำลังไปได้สวย ในขณะที่โรงงานใน Fort Worth รัฐ Texas ก็กำลังจะเสร็จ ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะแปรรูปแร่หายากให้เป็นโลหะชนิดประสิทธิภาพสูง

    หลังจากที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ผ่านการระดมทุนในรูปแบบ SPAC เมื่อปี 2020 ด้วยการขายราคาหุ้นละ 10 เหรียญ และระดมทุนมาได้ 545 ล้านเหรียญ โดยราคาหุ้น MP วิ่งขึ้นไปถึง 56 เหรียญเพราะราคาผงนีโอไดเมียมและเพรซีโอดิเมียมซึ่งเป็นผลผลิตที่มีมูลค่าสูงที่สุดของบริษัทพุ่งขึ้นไปถึง 150,000 เหรียญต่อตัน

    แต่หลังจากนั้นผลผลิตจากจีนก็ทะลักเข้ามาในตลาดและได้ฉุดให้ราคาในปัจจุบันกลับลงมาเหลือเพียง 1 ใน 3 ของระดับสูงสุด ส่งผลให้ราคาหุ้น MP กลับลงมาอยู่ที่ 15 เหรียญ แต่ถึงกระนั้นมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (market cap) ของ MP ยังอยู่ที่ 2.4 พันล้านเหรียญ ซึ่งทำให้หุ้น 11% ที่ Litinsky ถืออยู่มีมูลค่า 265 ล้านเหรียญ และยังทำให้กองทุนเฮดจ์ฟันด์ของเขามีกำไรมากขึ้นอีกด้วย


เรื่อง: Chris Helman

เรียบเรียง: พิษณุ พรหมจรรยา

ภาพ: Trevor Paul


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : สู่อาณาจักร Zyn แต่งกลิ่นนิโคตินบรรจุซอง ชิงส่วนแบ่งตลาดยาสูบสหรัฐฯ

อ่านบทความฉบับเต็มและเรื่องราวธุรกิจอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ในรูปแบบ e-magazine