Elijah Wood นักแสดงดังจาก The Lord of the Rings ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อต้านการปรับราคาที่นั่งของผู้ให้บริการโรงภาพยนตร์รายใหญ่ในสหรัฐอย่าง AMC ซึ่งกำลังตกเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันในช่วงนี้
AMC ภูมิใจนำเสนอบริการใหม่ซึ่งก็คือ Sightline ว่าเป็น “ก้าวใหม่ของการจ่ายเงินเพื่อรับชมภาพยนตร์” โดยราคาของตั๋วจะขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่นั่งและระยะห่างจากจอ
บริการนี้แบ่งราคาออกเป็นสามระดับ ได้แก่ แถวหน้าและที่นั่งสำหรับผู้พิการจะมีราคาถูกที่สุด ที่นั่งทั่วไปจะอยู่ที่ราคาปกติ และที่นั่งพิเศษที่ “เห็นจอชัดแจ๋ว” จะมีราคาสูงขึ้นเล็กน้อย
“โรงภาพยนตร์เป็นสถานที่ที่ทุกคนเท่าเทียมกันอย่างแท้จริงมาโดยตลอด แต่ก้าวใหม่ของ @AMCTheatres นี้แน่นอนว่าจะเป็นการเอาเปรียบคนที่มีรายได้น้อยกว่าและเอาอกเอาใจคนที่มีรายได้มากกว่า” Wood กล่าวใน Twitter
Wood ยังได้ตอบโต้เหล่าผู้ที่ออกมาปกป้องการตั้งราคาเป็นระดับแบบนี้โดยเน้นว่า ไม่เคยมีการตั้งราคาเป็นระดับต่างๆ ในโรงภาพยนตร์มาก่อน และบริการนี้ไม่เกี่ยวกับทางเลือก แต่เกี่ยวกับรายได้
Wood แสดงความคิดเห็นว่า “คนที่สามารถจ่ายเงินได้น้อย(หรือไม่เต็มใจจะจ่ายเงินเพิ่ม)จะได้ที่นั่งที่แย่กว่าคนที่จ่ายได้หรือเต็มใจจะจ่ายมากกว่า”
Eliot Hamslich รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาดของ AMC ได้ออกมาปกป้องบริการนี้ว่าการจัดราคาที่นั่งแบบนี้คล้ายกับสถานที่ให้ความบันเทิงอื่นๆ และยังเป็นการ “สร้างมูลค่า” แบบใหม่ในการรับชมภาพยนตร์ให้กับผู้ที่ชื่นชอบการมารับชมภาพยนตร์ที่โรง Hamslich อ้างว่าระดับราคาจะทำให้ลูกค้า “เลือกประสบการณ์ของตัวเองได้”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่โรงภาพยนตร์ AMC ทดลองเกี่ยวกับราคาตั๋วชมภาพยนตร์ ปีที่แล้วทาง AMC ได้ขึ้นราคาตั๋วในช่วงวันหยุดที่มีการเปิดตัว The Batman จาก 1 เป็น 2 เหรียญเมื่อเทียบกับราคาตั๋วชมภาพยนตร์เรื่องอื่นๆ ที่กำลังฉายในเวลานั้น
Wood ไม่ใช่ผู้ใช้ Twitter รายเดียวที่ออกมาวิจารณ์ต่อต้านการแบ่งระดับราคาตั๋ว ประกาศของ AMC ทำให้พวกเขาต้องเผชิญกับความไม่พอใจและความเหนื่อยหน่าย โดยการขึ้นราคา, paywall และ micro-transaction เหมือนจะกลายเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในช่วงเวลานี้
แม้กระทั่ง Twitter ภายใต้การบริหารของ Elon Musk ก็กำลังกลายเป็นพื้นที่ที่ต้องเสียเงินค่าบริการ โดย user ที่จ่ายเงินยืนยันตัวตนจะได้รับการเข้าถึงมากขึ้น เห็นโฆษณาลดลง และมีโอกาสทำเงินจากเนื้อหาที่เป็นไวรัล
สองสามปีมานี้ได้มีการถกเถียงกันอย่างร้อนแรงบนโลกออนไลน์ว่าด้วยเรื่องบทบาทของโรงภาพยนตร์ เนื่องด้วยอุตสาหกรรมนี้ต้องเผชิญกับความท้าทายโดยไม่คาดคิดจากโรคระบาดตลอดจนการแข่งขันกันอย่างดุเดือดของบริการ streaming และแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ
เหล่าคนรักภาพยนตร์ต่างก็พูดกันว่าโรงภาพยนตร์เป็นสถานที่พิเศษที่ผู้คนแปลกหน้ามากหลายมารวมตัวกันรับชมภาพยนตร์ในความมืดได้อย่างสบายใจ
โรงภาพยนตร์ต่างพากันดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด และการตั้งระดับราคาก็เป็นการหยั่งเชิงที่เสี่ยงต่อการแบ่งแยกกลุ่มผู้ชมและเอาเปรียบลูกค้าที่มีรายได้น้อย อย่างไรเสียการได้รับชมภาพยนตร์เรื่องดังก่อนใครก็ไม่ค่อยได้สำคัญนัก เพราะผู้ชมต่างรู้ว่าอีกไม่นานก็จะได้ดูกันผ่านทางช่องทางอื่นซึ่งอาจรวมถึงการจ่ายเงินรับชมแบบรายเดือน
โรงภาพยนตร์คือสถานที่ที่คนจำนวนมากมาสัมผัสประสบการณ์รับชมภาพยนตร์ร่วมกัน(ซึ่งบางครั้งก็อาจเสียงดัง น่ารำคาญ ทำลายบรรยากาศ)หรือไม่ก็เพื่อร่วมเป็นสักขีพยานต่อปรากฏการณ์ชวนให้อ้าปากค้างอย่าง Avatar: The Way of Water ดังที่ Wood กล่าวไว้ว่าโรงภาพยนตร์คือ “สถานที่ที่ทุกคนเท่าเทียมกันอย่างแท้จริง”
แปลและเรียบเรียงโดย พรรณราย ดวงดีเด่น จากบทความ Elijah Wood Calls Out AMC Cinemas For Changing The Price Of Movie Tickets ซึ่งเผยแพร่บน forbes.com
อ่านเพิ่มเติม: David Tran จากผู้อพยพสู่มหาเศรษฐีซอสพริกพันล้านชาวเวียดนามคนแรกของอเมริกา
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine