Buchinger Wilhelmi ตั้งท่ามกลางหุบเขาทอดมองไปยังทะเลสาบ Constance ใกล้กับเขตแดนสวิตเซอร์แลนด์ มีคลินิกสัญชาติเยอรมันอายุร้อยปีที่ดึงดูดเหล่าคน Top 1% บุคคล A-list และใครก็ตามที่สนใจโปรแกรมอดอาหารแบบมีคุณหมอช่วยดูแลของที่แห่งนี้
แขกมากมายตบเท้าเข้าคลินิก Buchinger Wilhelmi และอยู่ที่นี่เฉลี่ยเป็นระยะเวลา 10 ถึง 20 วัน โดยจุดประสงค์หลักคือการได้ดีท็อกซ์ร่างกายและจิตใจ รวมไปถึงรับคุณประโยชน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นลดอาหารอักเสบ ติดเชื้อ ตัวเลขบนตราชั่ง และฟื้นฟูเซลล์ซึ่งอาจช่วยทำให้อายุยืนยาวขึ้น การอดอาหารไม่ได้เป็นเทรนด์ที่ฮิตกันชั่วครู่ แต่มีคนจำนวนมากขึ้นที่หันไปหา Intermittent Fasting (โดยปกติแล้วจะอดอาหารกัน 16 ชั่วโมง และทานอาหาร 8 ชั่วโมง) หรือการอดอาหารที่ยาวนานกว่านั้น และทานเพียง 250 แคลอรี่ต่อวัน หลักการนี้ได้รับความนิยมมากเนื่องจากทั้งง่ายและเห็นผล ปัจจุบันมีคลินิกอดอาหารอื่นๆ โผล่ขึ้นมาในยุโรปเรื่อยๆ แต่วิธีการของ Buchinger เป็นหนึ่งในวิธีแรกๆ ที่ถูกนำมาใช้ โดยวิธีนี้ถูกพัฒนาขึ้นมาในปี 1919 เมื่อ Dr. Otto Buchinger ได้ทดลองอดอาหารเพื่อรักษาโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ที่ทำให้เข้าต้องตัวติดอยู่กับวีลแชร์ หลังจากดื่มน้ำเพียงอย่างเดียวมาตลอด 3 อาทิตย์ เขาก็กล่าวว่าเขาสามารถกลับมาเดินได้อีกครั้ง Buchinger ได้นำวิธีการบำบัดโดยจำกัดแคลอรี่นี้ไปใช้ในคลินิกของเขา และได้สร้างสิ่งที่เราเห็นอยู่ทุกวันนี้ขึ้นมากับ Maria ลูกสาวของเขาและลูกเขย Helmut Wilhelmi ในปี 1953 21 ปีต่อมา Maria และ Helmut Wilhelmi เปิดประตูคลินิกแห่งที่ 2 ใน Marbella และมอบอำนาจบริหารให้กับลูกชายของเขา Raimund Wilhelmi และ Francoise ลูกสะใภ้ที่เรียนแพทย์ศาสตร์มา เมื่อเร็วๆ นี้ พวกเขาทั้งสองได้ส่งต่อธุรกิจให้กับ Leonard ลูกชายของทั้งคู่ โดย Leonard นับว่าเป็นรุ่นที่ 4 อย่างไรก็ตาม ตัวพวกเขาก็ยังคงมีส่วนในการบริหารธุรกิจนี้อยู่บ้าง นอกจากนี้ Dr. Wilhelmi de Toledo ยังได้เป็นหัวหอกในการวิจัยทางการแพทย์เกี่ยวกับผลของการอดอาหารอีกด้วย มักจะถูกพูดต่อๆ กันว่าคนรุ่นแรกเป็นผู้สร้าง รุ่นสองเป็นคนที่ใช้จ่ายเงินตรงนั้น และรุ่นสามเป็นรุ่นที่สูญเสียทุกอย่างไป แต่ในกรณีนี้นั้น คงต้องให้เครดิตกับ Raimund Wilhelmi ในการปรับธุรกิจ ทำให้ยังคลินิกแห่งนี้เป็นที่พูดถึงแม้ว่าจะผ่านมาหลายศตวรรษก็ตาม หลังจากที่ตัวเลขดิ่งลงในช่วงที่ทั่วโลกมีการล็อคดาวน์ ธุรกิจนี้ก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง โดยมีผู้ที่มาเยือนที่นี้เป็นครั้งแรกมากขึ้นกว่าเดิม แถมยังอยู่พักที่คลินิกนานขึ้นอีกด้วย สถานการณ์โรคระบาดก็ทำให้ต้องมีอะไรใหม่ๆ กันบ้าง Raimund กล่าว “เราตระหนักได้ว่าเราสามารถเป็นตัวต้านโรคระบาดได้ เราเป็นสถานที่ที่คนจะสสามารถเข้ามาแล้วมีสุขภาพที่ดีขึ้น กลับมาสุขภาพดีเหมือนเดิม และลดการอักเสบ เรายังคงปรับให้โปรแกรมมีความสงบมากขึ้น ให้ได้ลองมองสะท้อนตัวเองบ้าง เหมือนกับเข้าวัด” 20 ปีก่อน Raimund ได้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องใช้วิธีแบบ Holistic มากขึ้นและไม่ละเลยเรื่องสุขภาพจิต Raimund กล่าวว่าเขาจึงได้จ้างนักจิตบำบัดมา ถึงแม้หลายๆ คนจะไม่เห็นชอบเท่าไร “คนจำนวนมากร้องไห้เสียน้ำตา และมีปัญหาเรื่องโดนสามีหรือภรรยาทิ้ง ไม่ก็ตกงาน หรือไม่ก็ปัญหาเรื่องการปรับตัว ตาของผมเองก็เชื่อในผลด้านจิตใจของการอดหารนี้มาก มันเป็นอะไรที่แปลกใหม่ในตอนนั้น และหมอหลายๆ คนก็มองว่าไม่จำเป็นเลย” แม้เหล่าคู่แข่งจะมีสนามกอล์ฟ และบาร์ให้บริการ Raimund ก็ยังคงให้ความสนใจกับการคาดการณ์ และการตอบสนองความต้องการของลูกค้ารับฟังลูกค้า
ที่ Buchinger แขกทั้งหลายต้องการความหรูหรา Raimund กล่าวว่า “พวกเขารู้สึกว่าพวกเขาทำงานหนักมาทั้งปีแล้ว พวกเขาอยากได้ห้องดีๆ สระว่ายน้ำ แล้วก็ยังต้องการยิมอีกด้วย ที่นี้ไม่มีเครื่องออกกำลังกายหรอก ผมเลยพูดไปว่า ‘Buchinger เน้นการเคลื่อนไหวของอากาศอันสดชื่น ไม่ใช่การเคลื่อนไหวภายใน’ แต่ก็มีหลายคนที่ท้าทายผมนะ พวกเขายังอยากออกำลังกายกับเทรนเนอร์ส่วนตัวอีกต่างหาก สุดท้ายผมยอมแพ้ แล้วก็บอกไปว่า ‘โอเค ผมจะสร้างห้องฟิตเนสที่เยี่ยมที่สุดในภูมิภาคนี้เลย' อีกอย่างที่แปลกใหม่คือ ห้องสาธิตการทำอาหาร หลายคนอยากได้การดูแลต่อหลังจากก้าวออกจากที่นี้ พวกเขาอยากจะดู และเรียนรู้ว่าเขาจะเอากลับไปทำที่บ้านได้อย่างไร”ขยายฐานลูกค้าแบบไม่สูญเสียแขกประจำ
แขกของ Buchinger ไม่ต้องการความเปลี่ยนแปลงแบบฟ้าแลบ นั้นก็หมายถึงได้ค่อยๆผ่อนกฎการห้ามใช้โทรศัพท์ในที่สาธารณะที่มีมานมนาน และมีโปรแกรมต่างๆ ที่ไม่ได้อิงภาษาใดภาษาหนึ่งให้บริการ เช่น ศิลปะ เต้น แม้กระทั่งดนตรี และในความพยายามที่จะดึงดูดลูกค้าที่หลากหลาย ก็ได้มีแผนที่จะสร้าง Inspiration Lab ที่จะมีทั้งการผ่อนคลลายกล้ามเนื้อ เวิร์คช็อปลดความเครียด จนไปถึงคลาสสอนออกกำลังกายแบบนั่งสำหรับแขกที่ได้สามารถเดินเหินได้ดีนักเป็นที่พูดถึง แต่คงไว้ซึ่งหัวใจหลักของธุรกิจเรา
“สิ่งที่คนมองหาในปี 2019 กับตอนนี้มันต่างกันมาก” Leonard กล่าว “ก่อนหน้านี้ โลกมันหมุนเร็วไปหมด คนเลยเข้าพักที่คลิกนิกอยู่ 10 ถึง 11 วัน ส่วนตอนนี้พักกันถึง 3 ไม่ก็ 4 อาทิตย์เลย พ่อของผม (Raimund) บอกว่าเราเป็นการผสมผสานระหว่างโรงแรม คลินิก อาราม และก็สมาคม เราสังเกตว่าผู้คนต้องการที่ที่เขาจะได้ค่อยๆ เข้าใจความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลก” อาหารเจ็บป่วยของลูกค้าก็เปลี่ยนไปเช่นกัน Buchinger พบว่ามีแขกจำนวนมากที่มาพักที่นี้เพื่อรักษาอาการอักเสบหลังจากติดเชื้อโควิด ทำให้ทีมงานต้องคอยติดตามงานวิจัยทางการแพทย์อย่างไม่คลาดสายตามากขึ้นไปอีกโตในแบบของเรา
ทางครอบครัวเองก็ทนต่อกระแสการขยายธุรกิจที่เร็วดุจจรวด และธุรกิจเฟรนไชส์ได้เป็นอย่างดี Leonard กล่าวว่าพวกเขาเมินคำแนะนำที่บอกให้ลดพนักงานเหลือ 300 คนในแต่ละคลินิกซะ “นี้คือสิ่งสุดท้ายที่เราควรทำ นี่คือสิ่งที่ทำให้เราแตกต่าง” กลับกัน พวกเขากลับจ้างทีมดิจิทัลมาช่วยถ่ายทำวิดีโอลงใน YouTube และสร้างแอปสำหรับผู้ที่อยากจะอดอาหารเองที่บ้าน โดยแอปนี้จะเปิดตัวในปีหน้า แต่สิ่งที่ทำให้ Buchinger Wilhelmi ไม่เหมือนใครมากที่สุดคงจะหนีไม่พ้นความจริงที่ว่า แขกหลายๆ คนเคยมาที่นี้เมื่อมีอาการป่วย แต่ตอนนี้ทุกคนเน้นป้องกันไว้ก่อนมากกว่าแล้ว *การอดอาหารอาจไม่เหมาะกับบุคคลที่มีข้อจำกัดทางการแพทย์บางอย่าง* แปลและเรียบเรียงโดย ทัตชญา บุษยากิตติกร จากบทความ A Family That Pioneered One Of The Hottest Growing Trends Shares Their Secrets To Success เผยแพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม: SuperOrdinary มุ่งบุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine