แม้ Lynsi Snyder เดินหน้าขยายธุรกิจร้านแฮมเบอร์เกอร์ In-N-Out อย่างไรก็ตาม เธอยังคงไว้ซึ่งส่วนผสมที่สืบทอดมาอย่างยาวนาน เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ที่ผ่านมา Lynsi Snyder ทายาทเครือข่ายร้าน แฮมเบอร์เกอร์ In-N-Out ได้รับของขวัญชิ้นโตฉลองวันเกิดปีที่ 35 นั่นคือ มรดกชิ้นสุดท้ายที่ทำให้เธอมีหุ้นในอาณาจักรร้านอาหารย่าน West Coast แห่งนี้เพิ่มเป็น 97% พร้อมขยับสถานะขึ้นเป็นเศรษฐินีมูลค่าทรัพย์สินแตะหลักพันล้านในที่สุด อันที่จริงแล้ว ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา Snyder ได้รับส่วนแบ่งการเป็นเจ้าของร้านเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะเป็นขั้นตอนการลงทุนที่ออกจะช้าอยู่สักหน่อย ตามกระบวนการจัดการทรัพย์สินแบบซับซ้อนของคุณปู่คุณย่าของเธอ ซึ่งก็คือ Harry กับ Esther Snyder ผู้ก่อตั้งบริษัทนั่นเอง
ย้อนกลับไปเมื่อปี 1948 Harry กับ Esther เปิดร้านขายแฮมเบอร์เกอร์แบบไดรฟ์ทรูขึ้นเป็นแห่งแรกใน California โดยใช้ชื่อว่า In-N-Out โดยมีลูกชายทั้ง 2 คนคือ Richard กับ Guy ผลัดกันบริหารร้าน แต่น่าเสียดายที่ทั้งคู่เสียชีวิตตั้งแต่อายุยังไม่มากนัก โดย Richard ประสบอุบัติเหตุเครื่องบินตกในวัย 41 ปีขณะที่ Guy วัย 48 ปี เผลอรับประทานยาเกินขนาด หลังจากที่ Guy เสียชีวิตลงเมื่อปี 1999 Esther จึงรับหน้าที่ดูแลธุรกิจก่อนที่ Lynsi จะเข้ารับช่วงต่อในปี 2010 นับแต่นั้นเป็นต้นมา Lynsi ได้อาศัยมรดกตกทอดชิ้นนี้ในการบริหารร้าน In-N-Out อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยมีการเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 29% จนในปัจจุบันมีมากกว่า 320 สาขา มีรายได้เข้าร้านโดยประมาณต่อปีเพิ่มขึ้น 57% มาอยู่ที่ 870 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กระนั้นก็ดี In-N-Out กลับไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากสมัยคุณย่าของเธอมากนัก คือไม่มีการเปิดขายแฟรนไชส์รวมถึงอุปกรณ์เครื่องใช้อย่างโคมทำความร้อน เตาไมโครเวฟ และตู้แช่แข็งก็ยังคงเป็นสิ่งต้องห้ามในร้านโดยเด็ดขาดคลิกเพื่ออ่านบทความอื่นๆ จาก Forbes Thailand ฉบับเดือนสิงหาคมได้ในรูปแบบ e-Magazine