เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ทำการบัญญัติ CHIPS Act หรือชื่อเต็ม “Creating Helpful Incentives to Produce Semiconductors for America Act” กฎหมายใหม่ที่สำรองเงินจำนวนถึง 5.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการค้นคว้าและการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ
เซมิคอนดักเตอร์ หรือ “สารกึ่งตัวนำ” เป็นเสมือนตัวสั่งการในสารพัดสิ่งที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ รถยนต์ สมาร์ทโฟน ไปจนถึง โทรทัศน์ เครื่องซักผ้า หรือแม้กระทั่ง ผ้าอ้อม ดังนั้น สิ่งของเหล่านี้จะไม่สามารถใช้งานได้เลย หากปราศจากตัวเซมิคอนดักเตอร์
เป็นที่ปรากฏว่าความต้องการของตัวเซมิคอนดักเตอร์จากทั่วโลกนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีแววว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเครื่องมือหรืออุปกรณ์ในยุคปัจจุบัน ล้วนถูกออกแบบมาเพื่อให้มีความ “สมาร์ท” และสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ จากรายงานของ ASML บริษัทซัพพลายเออร์ชั้นนำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ปัจจุบัน จำนวนอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมอินเทอร์เน็ตมีอยู่ราวๆ 4 หมื่นล้านเครื่อง และจะเพิ่มขึ้นมากถึง 3.5 แสนล้านเครื่อง ในปี 2023 กล่าวคือ ตลาดโลกของเซมิคอนดักเตอร์นั้นคาดว่าจะเติบโตถึงร้อยละ 16.3 ภายในปีนี้ ซึ่งนับเป็นปีที่สองแล้วที่เปอร์เซ็นต์การเติบโตของตลาดอยู่ที่สองหลัก จากรายงานสถิติโดย World Semiconductor Trade Statistics ในปี 2023 ที่จะถึงนี้ มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตอีกร้อยละ 5.1 กรณีนี้ การออกนโยบายของภาครัฐในสหรัฐอเมริกาจึงอาจทำให้ส่วนแบ่งตลาดโลกของสหรัฐฯ ในเซมิคอนดักเตอร์ชิปเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ปริมาณเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ในรถยนต์
รายงานของ Goldman Sachs พบว่าในปี 2021 รถยนต์ที่ผลิตออกมาใหม่แต่ละคันมีจำนวนเซมิคอนดักเตอร์เกือบถึง 300 ตัว ซึ่งนับเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากสองปีก่อน
บทบาทของ CHIPS Act ในการแก้ปัญหาความขาดแคลนของซัพพลายเชน
การล็อกดาวน์วิกฤตโรคระบาดในปี 2020 ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนของสินค้าหลายประเภทที่จะนำเข้ามายังสหรัฐฯ และหนึ่งในนั้นรวมเซมิคอนดักเตอร์ด้วย เมื่อตัวชิปขาดแคลน ผู้ผลิตรถยนต์จึงต้องลดปริมาณการผลิตลงอย่างช่วยไม่ได้ จากการรายงานของ Automotive News รถยนต์ผลิตใหม่ขาดตลาดมากถึง 100,000 คัน ในแถบอเมริกาเหนือ ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา เนื่องมาจากปัญหาความขาดแคลนอย่างต่อเนื่องของตัวชิป เมื่อรถยนต์ผลิตใหม่ขาดตลาด ส่งผลให้ราคาและปริมาณความต้องการของรถยนต์และรถกระบะมือสองเพิ่มสูงขึ้น ดัชนีราคารถยนต์มือสองที่จัดทำโดยบริษัทประมูลยานยนต์อย่าง Manheim ชี้ว่า ราคารถยนต์มือสองในสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 12.5 จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว กฎหมายฉบับใหม่ที่ลงนามโดยประธานาธิบดี Joe Biden เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น จึงถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาซัพพลายเชน เพิ่มแรงจูงใจในการสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ อีกทั้งเพื่อการร่วมแข่งขันกับนานาประเทศ ในบรรดาอุตสาหกรรมที่ได้รับเงินอุดหนุนจากหลายภาคส่วน ปัจจุบัน อันดับการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ อยู่ในอันดับ 5 ของประเทศ นอกจากนี้ ใน 10 บริษัทที่เป็นผู้ผลิตชิปและมีมูลค่าหลักทรัพย์มากที่สุดในโลก ยังเป็นของสหรัฐฯ ถึง 7 แห่งอีกด้วย อย่างไรก็ตาม Keith Jackson ประธานบริษัทและซีอีโอของ Semiconductor Industry Association หรือ SIA กล่าวว่า แต่กำลังการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ ในระดับสากลนั้น นับเป็นจำนวนเพียงร้อยละ 12 เท่านั้น ทั้งที่เทคโนโลยีนี้มีต้นกำเนิดมาจากสหรัฐอเมริกา
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine