สหรัฐฯ ออก CHIPS Act ทุ่มเงินผลิตเซมิคอนดักเตอร์ - Forbes Thailand

สหรัฐฯ ออก CHIPS Act ทุ่มเงินผลิตเซมิคอนดักเตอร์

FORBES THAILAND / ADMIN
17 Aug 2022 | 09:00 PM
READ 2827

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา สหรัฐฯ ได้ทำการบัญญัติ CHIPS Act หรือชื่อเต็ม “Creating Helpful Incentives to Produce Semiconductors for America Act” กฎหมายใหม่ที่สำรองเงินจำนวนถึง 5.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสนับสนุนการค้นคว้าและการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ

เซมิคอนดักเตอร์ หรือสารกึ่งตัวนำเป็นเสมือนตัวสั่งการในสารพัดสิ่งที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ รถยนต์ สมาร์ทโฟน ไปจนถึง โทรทัศน์ เครื่องซักผ้า หรือแม้กระทั่ง ผ้าอ้อม ดังนั้น สิ่งของเหล่านี้จะไม่สามารถใช้งานได้เลย หากปราศจากตัวเซมิคอนดักเตอร์

เป็นที่ปรากฏว่าความต้องการของตัวเซมิคอนดักเตอร์จากทั่วโลกนั้นเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีแววว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเครื่องมือหรืออุปกรณ์ในยุคปัจจุบัน ล้วนถูกออกแบบมาเพื่อให้มีความ “สมาร์ท” และสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ จากรายงานของ ASML บริษัทซัพพลายเออร์ชั้นนำในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ปัจจุบัน จำนวนอุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมอินเทอร์เน็ตมีอยู่ราวๆ 4 หมื่นล้านเครื่อง และจะเพิ่มขึ้นมากถึง 3.5 แสนล้านเครื่อง ในปี 2023 กล่าวคือ ตลาดโลกของเซมิคอนดักเตอร์นั้นคาดว่าจะเติบโตถึงร้อยละ 16.3 ภายในปีนี้ ซึ่งนับเป็นปีที่สองแล้วที่เปอร์เซ็นต์การเติบโตของตลาดอยู่ที่สองหลัก จากรายงานสถิติโดย World Semiconductor Trade Statistics ในปี 2023 ที่จะถึงนี้ มีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตอีกร้อยละ 5.1 กรณีนี้ การออกนโยบายของภาครัฐในสหรัฐอเมริกาจึงอาจทำให้ส่วนแบ่งตลาดโลกของสหรัฐฯ ในเซมิคอนดักเตอร์ชิปเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่  semiconductor sales

ปริมาณเซมิคอนดักเตอร์ที่ใช้ในรถยนต์ 

รายงานของ Goldman Sachs พบว่าในปี 2021 รถยนต์ที่ผลิตออกมาใหม่แต่ละคันมีจำนวนเซมิคอนดักเตอร์เกือบถึง 300 ตัว ซึ่งนับเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากสองปีก่อน  semiconductors in vehicles ทั้งนี้ ปริมาณการใช้ที่เพิ่มขึ้นนั้นมีเหตุมาจากการพัฒนาของ รถยนต์ไฟฟ้า ระบบช่วยเหลือคนขับ และเทคโนโลยีอื่นๆ ดูจากกรณีของ Tesla ที่มีการใช้เซมิคอนดักเตอร์ใน Tesla Model 3 มากกว่าปกติถึง 2 เท่าของเครื่องยนต์สันดาปภายใน 

บทบาทของ CHIPS Act ในการแก้ปัญหาความขาดแคลนของซัพพลายเชน

การล็อกดาวน์วิกฤตโรคระบาดในปี 2020 ส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชนของสินค้าหลายประเภทที่จะนำเข้ามายังสหรัฐฯ และหนึ่งในนั้นรวมเซมิคอนดักเตอร์ด้วย เมื่อตัวชิปขาดแคลน ผู้ผลิตรถยนต์จึงต้องลดปริมาณการผลิตลงอย่างช่วยไม่ได้ จากการรายงานของ Automotive News รถยนต์ผลิตใหม่ขาดตลาดมากถึง 100,000 คัน ในแถบอเมริกาเหนือ ล่าสุดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม ที่ผ่านมา เนื่องมาจากปัญหาความขาดแคลนอย่างต่อเนื่องของตัวชิป เมื่อรถยนต์ผลิตใหม่ขาดตลาด ส่งผลให้ราคาและปริมาณความต้องการของรถยนต์และรถกระบะมือสองเพิ่มสูงขึ้น ดัชนีราคารถยนต์มือสองที่จัดทำโดยบริษัทประมูลยานยนต์อย่าง Manheim ชี้ว่า ราคารถยนต์มือสองในสหรัฐฯ ในเดือนกรกฎาคม เพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 12.5 จากเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว กฎหมายฉบับใหม่ที่ลงนามโดยประธานาธิบดี Joe Biden เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานั้น จึงถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาซัพพลายเชน เพิ่มแรงจูงใจในการสร้างโรงงานผลิตเซมิคอนดักเตอร์ อีกทั้งเพื่อการร่วมแข่งขันกับนานาประเทศ ในบรรดาอุตสาหกรรมที่ได้รับเงินอุดหนุนจากหลายภาคส่วน  ปัจจุบัน อันดับการส่งออกเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ อยู่ในอันดับ 5 ของประเทศ นอกจากนี้ ใน 10 บริษัทที่เป็นผู้ผลิตชิปและมีมูลค่าหลักทรัพย์มากที่สุดในโลก ยังเป็นของสหรัฐฯ ถึง 7 แห่งอีกด้วย อย่างไรก็ตาม Keith Jackson ประธานบริษัทและซีอีโอของ Semiconductor Industry Association หรือ SIA กล่าวว่า แต่กำลังการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของสหรัฐฯ ในระดับสากลนั้น นับเป็นจำนวนเพียงร้อยละ 12 เท่านั้น ทั้งที่เทคโนโลยีนี้มีต้นกำเนิดมาจากสหรัฐอเมริกา semiconductor makers Jackson ยังกล่าวเพิ่มอีกว่า เทคโนโลยีชิปถือว่ามีความสำคัญทางยุทธศาสตร์อย่างมากสำหรับเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ  นอกเหนือจาก CHIPS Act แล้ว ทางรัฐ New York ได้ออกกฎหมายลดหย่อนภาษีจำนวน 1 หมื่นล้านเหรียญให้แก่ผู้ผลิตชิปที่สร้างหรือขยายโรงงานประกอบเซมิคอนดักเตอร์ภายในรัฐ โดยคาดว่าเร็วๆ นี้ รัฐอื่นๆ อาจมีการออกนโยบายให้ประโยชน์ทางภาษีในลักษณะเดียวกัน จากดัชนีหุ้น Philadelphia Semiconductor Index (SOX) ปรากฏว่า หุ้นของ 30 บริษัทที่เป็นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของสหรัฐฯ มีการปรับตัวสูงขึ้นตลอดช่วงระยะเวลาที่มีการรอคอยกฎหมายฉบับใหม่ โดยสัปดาห์ที่แล้วนับเป็นสัปดาห์ที่หกที่ดัชนีหุ้น SOX มีการรายงานว่าผลตอบแทนเป็นไปในทิศทางที่ดี อย่างไรก็ตาม การบัญญัติกฎหมายในครั้งนี้ถือเป็นเพียงบันไดขั้นแรกที่จะนำไปสู่การทรานส์ฟอร์มความสามารถในการแข่งขันทางการค้าของสหรัฐฯ ท่ามกลางความท้าทายในการลงทุนสำหรับการค้นคว้าทางด้านวิทยาศาสตร์ การศึกษาวิจัย และการสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ปัจจุบัน สหรัฐฯ จัดอยู่ในอันดับ 10 เมื่อพิจารณาสัดส่วนจีดีพีที่ใช้ไปในการลงทุนด้านการวิจัยและการพัฒนา  ดังนั้น เงินทุนจึงเป็นองค์ประกอบสำคัญ หากสหรัฐฯ ต้องการแก้ปัญหาซัพพลายเชนและพลิกบทบาทขึ้นมาเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมท่ามกลางคู่แข่งจากนานาชาติ สำหรับอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ กฎหมายฉบับใหม่นี้กำหนดให้ค่าใช้จ่ายสำหรับทั้งระบบการผลิตและกระบวนการผลิตถือเป็นวาระฉุกเฉินเร่งด่วน ในส่วนหัวข้ออื่นๆ อย่างการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ในกระทรวงพาณิชย์ หรือ สถาบันมาตรฐานและเทคโนโลยีแห่งชาติ (National Institute of Standards and Technology) ต้องได้รับการอนุมัติจากสภาคองเกรสเสียก่อน  แปลและเรียบเรียงโดย สิรินนรี อ๋องสกุล จากบทความ What Is The Semiconductor CHIPS Act, And Why Does The U.S. Need It? และ CHIPS And Science Act Is Now Law. That Doesn’t Mean Policymakers’ Work Is Done. แพร่บน Forbes.com อ่านเพิ่มเติม:

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine