ผู้มีตาทิพย์ แห่งวงการน้ำมันดิบ - Forbes Thailand

ผู้มีตาทิพย์ แห่งวงการน้ำมันดิบ

FORBES THAILAND / ADMIN
18 Feb 2023 | 08:27 AM
READ 1294

CrownRock ของ Tim Dunn เร่งเครื่องการผลิตในช่วงเวลาระบาดของโรคโควิด-19 และสามารถผลิตน้ำมันได้มากกว่าเท่าตัว ทันเวลาที่ราคาน้ำมันพุ่งแตะหลัก 100 เหรียญสหรัฐฯ พอดี เศรษฐีพันล้านคนใหม่เลือกที่จะยก "ลาภลอย" ก้อนนี้ให้แก่โบสถ์และรัฐ แต่ไม่ใช่รัฐบาล


    เพียง 2 ปีหลังจากที่ราคาน้ำมันลดลงต่ำกว่าระดับ 0 เหรียญเป็นช่วงระยะเวลาสั้นๆ Midland เมืองที่เต็มไปด้วยฝุ่นคลุ้งอันร้อนระอุใน Texas ก็กลับมาคึกคักอีกครั้ง

    ภายในอาคารสำนักงานใหญ่ขนาด 60,000 ตารางฟุตของ CrownQuest Operating ใน Midland ซีอีโอ Tim Dunn กำลังอยู่ในอิริยาบถสบายๆ เขาสวมเสื้อกอล์ฟ กางเกงยีนส์ และรองเท้าผ้าใบ รายล้อมไปด้วยบุตรชาย 3 คนที่ทำงานในกิจการของครอบครัว 

    Wally วัย 35 ปี เป็นนักธรณีวิทยา Luke วัย 42 ปี เป็นหัวหน้าฝ่ายวิศวกรรมและปฏิบัติการ ขณะที่ลูกชายคนโต Lee วัย 43 ปี รับหน้าที่พัฒนาธุรกิจในธุรกิจครอบครัวอันแสนอบอุ่น 

    4 พ่อลูกทำงานอย่างคนรู้ใจ แต่หากพูดถึงการประเมินตลาดพลังงานขึ้นเมื่อไร Dunn ผู้เป็นพ่อกลับไม่ได้ให้ความหวังขึ้นมาเลย “ราคาน้ำมันจะแพงขึ้นเรื่อยๆ เรามาถึงจุดที่ไม่สามารถผลิตน้ำมันเพิ่มได้อีกแล้ว”

    ปัญหาขาดแคลนน้ำมันในเวลานี้จะโทษว่าเป็นความผิดของ Dunn ก็คงไม่ได้ ตลอดชีวิตชายวัย 66 ปี ผู้นี้ทำงานทั้งในแหล่งน้ำมันและบริเวณโดยรอบแหล่งน้ำมันใน Midland เขาไม่เคยหยุดขุดเจาะหรือหยุดสำรวจน้ำมันเลย นับตั้งแต่ปลายปี 2019 เป็นต้นมา 

    CrownRock LP เจ้าของบ่อน้ำมันที่บริหารโดย CrownQuest ผลิตน้ำมันได้วันละ 140,000 บาร์เรลหรือเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว นับว่าดีใช้ได้สำหรับบริษัทน้ำมันเอกชนอันดับ 12 ของสหรัฐฯ แต่ที่น่าเหลือเชื่อคือ แม้กระทั่งช่วงวิกฤตโรคระบาดที่เลวร้ายที่สุดแท่นขุดเจาะของ CrownRock ทั้ง 4 แท่นยังคงทำงานต่อไป

    “เมื่อ 2 ปีก่อน Wall Street บอกกับเราว่า เราไม่ต้องการคุณ เพราะเราจะขับเคลื่อนด้วยพลังงานลมและแสงอาทิตย์ ธุรกิจพวกม้ายูนิคอร์น กวางเรนเดียร์” Lee กล่าวประชดประชัน แต่ Tim Dunn อ่านเกมขาด เขาเชื่อมั่นโดยไม่หวั่นไหวเลยว่าราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับต่ำได้ไม่นานและรู้ด้วยว่า เมื่อความต้องการน้ำมันลดลง ราคาอุปกรณ์และค่าจ้างแรงงานจะลดลงตามไปด้วย เขาจึงลงทุนอย่างต่อเนื่อง 

    ความดันทุรังของผู้ผลิตอย่าง Dunn นี้เองที่ทำให้สหรัฐฯ มีปริมาณการผลิตน้ำมันเพิ่มขึ้น 3 เท่า อยู่ที่วันละ 11 ล้านบาร์เรลในรอบระยะเวลาเพียง 10 ปี “เราเข้าไปเจาะช่องว่างขนาดใหญ่ในงบขาดดุลการค้า ทำให้ราคาพลังงานลดลงทั่วโลก” Dunn กล่าว

    กระนั้นก็ดีพวกเขาไม่เคยได้เป็นคนโปรดของรัฐบาล แม้ราคาน้ำมันจะฟื้นตัวแล้ว (ราคาน้ำมันใน West Texas Intermediate เพิ่มขึ้น 40% ในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา) แต่กลับทำให้บริษัทผู้ผลิตพลังงานตกเป็นเป้านิ่งทางการเมือง 

    เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาประธานาธิบดี Biden บอกว่า น้ำมันที่บริษัทน้ำมันผลิตได้ใน “ภาวะสงคราม” เป็นเรื่องที่ “รับไม่ได้” วุฒิสมาชิก Elizabeth Warren (Democratic-Massachusetts) กำลังง่วนอยู่กับการเรียกเก็บภาษีจากผลกำไรที่สูงเกินกว่าปกติ 

    Dunn ไม่ชอบใจทั้งสองความคิดเห็น ธุรกิจพลังงานโลกก็เหมือนกับก้อนหินมหึมาที่มีหลายด้าน ซึ่งคาดว่าจะทำกำไรได้ 4 ล้านล้านเหรียญในปี 2022 บรรดาผู้เล่นรายย่อยเป็นเพียง “ผู้รับราคาตลาด” จึงไม่สามารถขุนอัตรากำไรให้อ้วนพีได้อย่าง Apple หรือ Microsoft

    แต่ Dunn เองทำได้ดีกว่านั้นมาก ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นมีแนวโน้มว่าจะทำให้ CrownRock มีรายได้เกิน 3.5 พันล้านเหรียญไปอีก 1.5 พันล้านเหรียญในปี 2022 หากเป็นบริษัทมหาชน CrownRock จะมีมูลค่าประเมินของกิจการ 8.3 พันล้านเหรียญเข้าไปแล้ว 

    สำหรับตระกูล Dunn ซึ่งถือหุ้นอยู่ประมาณ 20% นั้น หลังจากหักลบหนี้สินแล้วจะคิดเป็นมูลค่าหุ้นที่ถืออยู่ประมาณ 1.2 พันล้านเหรียญ สูงกว่าเมื่อ 18 เดือนที่แล้วถึงเท่าตัว

    Dunn ใช้ชีวิตในวัยเด็กที่ Big Spring ใน Texas ห่างจาก Midland ราว 1 ชั่วโมง เขาเติบโตขึ้นใจกลางพื้นที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นดินแดนของชนพื้นเมือง Comanche พ่อแม่ของเขาเรียนไม่จบชั้นมัธยม เพราะต้องออกมาทำงานเกษตรกรรมและทำงานโรงงานที่ California ในช่วงภาวะเศรษฐกิจตกต่ำาครั้งใหญ่ (Great Depression) และสงครามโลกครั้งที่ 1

    เมื่อสงครามสงบพ่อของ Dunn ย้ายมาขายประกันที่ Texas ด้วยความที่ Tim เป็นน้องเล็กจากลูกชายทั้งหมด 4 คน เขาจึงปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว จากลูกเสือระดับ Eagle Scout เขาเข้าศึกษาต่อสาขาวิศวกรรมเคมีที่ Texas Tech 

    เขาแต่งงานและมีลูกคนแรกตั้งแต่ยังไม่ทันจบการศึกษาในปี 1978 ต่อมา Dunn เข้าทำงานที่ Exxon เป็นระยะเวลาสั้นๆ ก่อนจะย้ายมาทำงานด้านสัญญาน้ำมันที่ First City Bancorp ใน Midland เมื่อน้ำมันประสบภาวะวิกฤตในยุค 1980 Dunn ได้รับมอบหมายให้ตรวจสอบสมุดบัญชีของบริษัทน้ำมันขนาดเล็กที่ล้มละลาย เรียกได้ว่าเป็นวิชาบริหารจัดการความเสี่ยงหลักสูตรเร่งรัดนั่นเอง

    ในปี 1987 Dunn ลาออกจากงานธนาคารและหันมาร่วมงานกับ Parker & Parsley ซึ่งเป็นบริษัทผลิตน้ำมันใน Midland จนกระทั่งก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินในที่สุด 

    ขณะปฏิบัติงานกำลังจะครบ 8 ปี Dunn ร่วมมือกับ Bobby Floyd เจ้าของกิจการน้ำมันรุ่นที่ 4 ใน West Texas และเป็นผู้มากประสบการณ์ด้านการซื้อขายสัญญาเช่าแท่นขุดเจาะ 

    ในปี 1995 Dunn ลาออกจาก Parker & Parsley เพื่อจัดตั้ง CrownQuest Operating ร่วมกับ Floyd โดยมีพันธกิจหลักคือ การเช่าที่ดินและแท่นขุดเจาะที่ Permian Basin ใน West Texas ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ปัจจุบันมีกำลังการผลิตวันละ 5 ล้านบาร์เรล หรือราวครึ่งหนึ่งของปริมาณการผลิตทั้งหมดของสหรัฐฯ เลยทีเดียว

Tim Dunn เล่นแมนโดลินราคาแพงของ Gibson ในบ้านที่ Midland รัฐ Texas 
"ผมมองว่าการสรรเสริญพระเจ้าเป็นวิถีชีวิตอย่างหนึ่ง"

    โรคระบาดโควิด-19 ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Dunn วางเดิมพันครั้งใหญ่ในช่วงเวลาวิกฤต เพราะช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในทวีปเอเชียเมื่อปี 1998 ราคาน้ำมันลดลงเหลือเพียง 12 เหรียญต่อบาร์เรล 

    Dunn ตัดสินใจขายฟาร์มม้าของครอบครัวและนำเงินที่ได้มาเพิ่มหุ้นใน CrownQuest อีกเท่าตัว ลูกชายของเขาเล่าย้อนให้ฟังว่า Dunn เรียกครอบครัวมารวมกันและบอกว่า น้ำมันราคาถูกขนาดนี้ยิ่งเป็นโอกาสที่พลาดไม่ได้เลย

    “จังหวะเข้าซื้อที่ดีที่สุดมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลามืดมิดที่สุด” Lee ถ่ายทอดคำพูดของพ่อ “ผมเสียใจนะที่จะไม่ได้ขี่ม้าอีกแล้ว” แต่มันก็คุ้มค่า รายได้จากการขายฟาร์มม้า “นั่นเป็นการลงทุนด้วยเงินสดจริงๆ ครั้งเดียวของเรา” Dunn กล่าว 

    แต่จุดเปลี่ยนครั้งใหญ่เกิดขึ้นในปี 2007 พวกเขาได้เงินมา 97 ล้านเหรียญจาก Lime Rock Partners บริษัทใน Houston ที่ดำเนินกิจการลงทุนในหุ้นนอกตลาด เงินจำนวนนี้นำมาก่อตั้ง CrownRock LP เพื่อขุดเจาะบ่อน้ำมันธรรมดาๆ ให้กลายเป็นอ่างเก็บน้ำมันมาตรฐาน 

    การดำเนินงานของ Dunn สร้างผลตอบแทนมหาศาล พวกเขาขายแหล่งน้ำมัน 7 แห่งไปให้กับ Linn Energy และ BreitBurn Energy ในช่วงปี 2010-2013 หากนับเฉพาะสัญญากับ BreitBurn ก็มีมูลค่าถึง 280 ล้านเหรียญ

    ลูกของ Dunn จำนวน 5 จาก 6 คน และหลานที่ยังมีชีวิตอยู่อีก 17 คน (จาก 19 คน) ต่างอาศัยอยู่ในบ้านสร้างใหม่หลายหลังในพื้นที่เดียวกันตามกระแส “บ้านฟาร์มเฮาส์ยุคใหม่” ที่ Midland 

    เมื่อ 25 ปีที่แล้ว Dunn ซื้อที่ดินผืนนี้หลังจากครอบครัวได้รับแรงบันดาลใจจากการเรียนรูปแบบโฮมสกูล จนทำให้ได้มาพบกับ Midland Classical Academy โรงเรียนคริสต์ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามรั้วบ้านและมีการศึกษาจนจบระดับชั้นมัธยม ปัจจุบันโรงเรียนแห่งนี้มีนักเรียน 655 คน และมีรายชื่อนักเรียนต่อคิวรออีกยาวเหยียด

    ศาสนาคริสต์คือแนวคิดสำคัญของ CrownQuest พนักงานใหม่ทุกคนรวมถึงพนักงานขุดเจาะจะได้รับหนังสือ Servant Leadership ซึ่งเป็นระบบบริหารจัดการองค์กรที่อ้างอิงหลักคำสอนจากคัมภีร์ไบเบิล 

    “หลายคนมักจะถามว่า เราจะทำให้พวกเขาอ่านหนังสือเล่มนี้ได้มากแค่ไหนกันเชียว” Dunn กล่าว ผู้แต่งหนังสือเล่มนี้คือ David Kuhnert อดีตจ่าสิบประจำกองทัพสหรัฐฯ ที่เกษียณราชการแล้วและรับหน้าที่หัวหน้าฝึกอบรมประจำ CrownQuest เขาสรุปหลักปรัชญาของหนังสือเล่มนี้ไว้ว่า “จงรักผู้อื่นเหมือนอย่างที่อยากให้ผู้อื่นรักท่าน หากไม่ทำเช่นนี้แล้วท่านจะถูกเอารัดเอาเปรียบ”

    ข้อมูลจาก Federal Elections Commission ระบุว่า นับตั้งแต่ปี 2008 เป็นต้นมา Dunn บริจาคเงินให้กับการเมืองกว่า 300 รายการ “ผมมองว่าการลงทุนในการเมืองเป็นการทำบุญ ผมจ่ายเงินให้ล็อบบี้ยิสต์เพื่อไม่ให้มีการออกกฎระเบียบแย่ๆ” เขากล่าว

    คนนอกมักจะสนใจเรื่องความเชื่อทางศาสนากับการทำบุญแบบขวาจัดของ Dunn แต่ในบริษักลับไม่ใช่เรื่องที่พูดถึงกันเท่าไรนัก Dunn กับฝ่ายบริหารของเขามัวแต่ง่วนอยู่กับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า เป็นวัฒนธรรมแห่งการ “เพิ่มประสิทธิภาพอย่างไม่หยุดยั้ง” หรือแปลว่า “ขุดต่อไม่รอแล้วจ้า”

    ปัจจุบันทั่วโลกมีความต้องการปิโตรเลียมวันละเกือบ 100 ล้านบาร์เรล และ Dunn ก็ต้องการผลิตน้ำมันสีดำวาวนี้สุดกำลังความสามารถของพื้นที่ใน Permian ขนาด 90,000 เอเคอร์ ที่บริษัทของเขามีอำนาจควบคุม

    CrownQuest เว้นระยะห่างของบ่อน้ำมันแต่ละบ่อให้น้อยที่สุดเท่าที่สามารถทำได้ แม้จะเสี่ยงว่าบ่อน้ำมันที่อยู่ติดกันอาจไหลมา “เชื่อมโยง” ถึงกัน ซึ่งจะก่อให้เกิดปัญหาเรื่องแรงดันและทำให้ปริมาณการผลิตลดลง

    “แรงจูงใจของเราคือสร้างมูลค่าสูงสุด เพราะโอกาสที่จะได้อะไรแบบนี้คงไม่มีอีกแล้ว” Lee Dunn กล่าว เขาหมายถึงที่ดินผืนใหญ่ที่ได้มาในราคาเพียงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับมูลค่าปัจจุบัน

    Dunn ยังครองความได้เปรียบ ขณะที่คนอื่นๆ ต้องปลดพนักงานและปิดบ่อน้ำมันลงแล้ว Dunn ยังคงดำเนินกิจการต่อไปโดยปรับลดค่าจ้าง ทำให้เขาซื้อใจคนได้ไม่น้อย

    ช่วงเวลาดีๆ ของธุรกิจน้ำมันในครั้งนี้จะยืนยาวแค่ไหนคงไม่มีใครบอกได้ Vladimir Putin จะทำสงครามอันโหดร้ายในยูเครนต่อไปอีกนานเท่าไร ยุโรปจะสลัดตัวเองให้พ้นจากการพึ่งพาพลังงานจากรัสเซียได้จริงจังเพียงใด

    ประเทศจีนจะต้องล็อกดาวน์จากการระบาดของโรคโควิด-19 อีกหรือไม่ หรือไวรัสโคโรนาจะกลายเป็นพันธุ์ที่อันตรายกว่าเดิม แต่ Dunn ไม่ได้กังวลเลย “โลกของเราเคยหยุดเปลี่ยนผ่านพลังงานกันเสียเมื่อไร” นอกจากนี้ เขายังมีที่ดินมากพอที่จะสกัดน้ำมันอีกนานนับสิบปี


เรื่อง: CHRIS HELMAN เรียบเรียง: รัน-รัน ภาพ: GUERIN BLASK


คลิกอ่านเพิ่มเติมได้ที่:

- ไฮไลต์ 4 มหาเศรษฐี "ผู้ร่ำรวยที่สุดของจีน" ประจำปี 2022 ตอนที่ 1
- ไฮไลต์ 4 มหาเศรษฐี "ผู้ร่ำรวยที่สุดของจีน" ประจำปี 2022 ตอนที่ 2


คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนมกราคม 2566 ในรูปแบบ e-magazine