มัลดีฟส์ น่านน้ำใหม่การลงทุนของ Pontiac Land และตระกูล Kwee - Forbes Thailand

มัลดีฟส์ น่านน้ำใหม่การลงทุนของ Pontiac Land และตระกูล Kwee

FORBES THAILAND / ADMIN
22 Jan 2022 | 09:26 AM
READ 1638

Pontiac Land ของ Evan Kwee กำลังก้าวข้ามโรคระบาดด้วยโครงการรีสอร์ตแห่งใหม่ในมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขยายธุรกิจครอบครัวตระกูล Kwee ออกจากสิงคโปร์ไปสู่ตลาดบริการระดับบนของโลก

Evan Kwee มีความรักให้กับโรงแรมมานานแล้ว เขาเคยกล่าวในการให้สัมภาษณ์ครั้งหนึ่ง “ผมยังจำได้ว่าทุกคืน ตอนเป็นเด็ก ผมชอบนั่งที่ระเบียง (ที่บ้านในสิงคโปร์) เฝ้าดูพวกเขาก่อสร้างโรงแรม Regent โรงแรมอยู่ในสายเลือดของผมเลย” มันเป็นความรักจากการเป็นส่วนหนึ่งของตระกูล Kwee ซึ่งเป็นเจ้าของ Pontiac Land กลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ รวมถึง The Regent ที่มี Kwee Liong Tek พ่อของเขารับตำแหน่งประธานกรรมการ ตอนนี้ Kwee ผู้เป็นลูกกำลังรับหน้าที่คุมหนึ่งในโครงการที่ใหญ่ที่สุดที่ Pontiac Land เคยทำมา นั่นคือโครงการ Fari Islands บนหมู่เกาะมัลดีฟส์ ถ้าพิจารณาขนาดที่ดินที่ 88 เฮกตาร์ (หรือราว 550 ไร่) นี่ถือเป็นโครงการใหญ่ที่สุดภายใต้การดำเนินการของพวกเขาจนถึงปัจจุบัน การพัฒนาในระยะแรกคิดเป็นเงินแล้ว 400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ มากกว่ารายได้ที่บริษัททำได้ในปีที่แล้ว ซึ่งอยู่ที่ 345 ล้านเหรียญ และโครงการทั้งหมดต้องใช้เวลาอีก 2 ปีจึงจะเสร็จสมบูรณ์ Fari Islands จึงเป็นการเดิมพันสำคัญของตระกูล ซึ่งรั้งอันดับที่ 11 ใน 50 ทำเนียบบุคคลร่ำรวยที่สุดของสิงคโปร์ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 5.4 พันล้านเหรียญ
Pontiac Land Ritz-Carlton Maldives
Ritz-Carlton Maldives
Capella Hotel Group และหัวหน้าฝ่ายบริการและออกแบบของ Pontiac Land ทำให้เขายืนอยู่ในจุดที่สำคัญอย่างยิ่ง เขามองสถานการณ์อย่างมีความหวัง “เราได้รับเสียงสะท้อนที่ยอดเยี่ยมและความสนใจอย่างกว้างขวางตั้งแต่เปิดโรงแรม” โรงแรม 2 แห่งของกลุ่มที่เพิ่งเปิดให้บริการมีอัตราการเข้าพักโดยเฉลี่ยที่ร้อยละ 30 ซึ่งเป็นอัตราปกติในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยวที่มัลดีฟส์ โรงแรมแห่งที่ 1 คือ Ritz-Carlton ซึ่งเป็นโรงแรมแห่งแรกของเชนแห่งนี้ที่หมู่เกาะมัลดีฟส์ ส่วนแห่งที่ 2 คือ Patina ซึ่งเป็นโรงแรมในเครือของแบรนด์ Capella โรงแรมแห่งที่ 3 คือ Capella Maldives ที่วางแผนจะเปิดให้บริการในปี 2023 โรงแรมทั้งสามแห่งนี้มีเกาะที่มนุษย์สร้างขึ้นเอง โดยทุกแห่งตั้งอยู่ในแนวปะการังวงแหวนใจกลางทะเลสาบน้ำเค็ม Kwee นักธุรกิจหนุ่มวัย 44 ปี มีความเห็นเหมือนกับคนอื่นๆ ว่า “ผมคิดว่ามาตรการล็อกดาวน์ในช่วงสถานการณ์โควิดทำให้ความจริงที่ว่า คนเรารักการท่องเที่ยวเป็นจริงอยู่ต่อไป พวกเขารักการสำรวจ พวกเขาอยากพบเจอสิ่งใหม่ๆ ได้เห็นวัฒนธรรมใหม่ๆ” เขากล่าวในการให้สัมภาษณ์ที่ปรากฏไม่บ่อยนักผ่านวิดีโอคอล “เราเห็นแล้วว่าตลาดท่องเที่ยวพักผ่อนแบบหรูหราจะกลับมาก่อนแน่ๆ (ก่อนการเดินทางเพื่อติดต่อธุรกิจ) ถ้ามองในบางแง่มันกลับมาแล้ว โชคดีที่เราวางตำแหน่งแบรนด์และโรงแรมของเราในตลาดกลุ่มนั้น” ความกดดันที่คาดหมายได้ในการสร้างผลตอบแทนอาจหมายถึงว่า Pontiac Land จะต้องเดินหน้าต่อกับ Fari Islands ถึงแม้จะมีโรคระบาด “Pontiac ลงทุนไปกับโครงการที่มัลดีฟส์มากเกินกว่าจะไม่เปิดให้บริการถ้าทำได้ และก็ปรากฏว่ามัลดีฟส์น่าจะเป็นตลาดแห่งเดียวนอกจากประเทศจีนที่กำลังเริ่มฟื้นตัวในทางใดทางหนึ่ง” Robert Hecker กรรมการผู้จัดการของ Horwath HTL Pacific Asia บริษัทที่ปรึกษาธุรกิจโรงแรมระบุในอีเมลที่ส่งจากสิงคโปร์ Capella ซึ่งเปิดดำเนินงานในเอเชียมาแล้ว 12 ปี ถือเป็นสะพานให้ Pontiac Land เปิดตลาดไปทั่วโลก ด้วยแผนธุรกิจที่จะขยายแบรนด์ไปทั่วเอเชียแปซิฟิกและตะวันออกกลางภายใน 4 ปี แต่โควิด-19 ทำให้หนทางข้างหน้าเต็มไปด้วยความท้าทาย
Pontiac Land Capella Maldives
Capella Maldives
เช่นเดียวกับทุกที่ อัตราการจองห้องลดลงในโรงแรมส่วนใหญ่ที่ Pontiac เป็นเจ้าของเองหรือเข้าบริหารงาน และหลายคนเชื่อว่าการเดินทางทั่วโลกจะยังไม่ฟื้นตัวกลับไปในระดับเดียวกับในช่วงก่อนเกิดโรคระบาดก่อนปี 2023 Kwee เผยว่า ท่ามกลางมาตรการจำกัดการเดินทางและล็อกดาวน์ โรงแรม Capella ในบาหลี กรุงเทพฯ และฮานอย ต่างก็ประสบปัญหาในการหาแขกมาเข้าพัก ส่วนโรงแรมที่ทางกลุ่มบริหาร ณ เซี่ยงไฮ้ และซานย่าในประเทศจีนนั้นได้เห็นธุรกิจกระเตื้องขึ้น โดยมีอัตราการเข้าพักมากถึงร้อยละ 80 ซึ่งเป็นผลจากการท่องเที่ยวในประเทศที่กำลังเฟื่องฟู ก่อนโควิด-19 โรงแรมเหล่านี้มีอัตราเข้าพักอยู่ที่ราวร้อยละ 60 นอกจากนี้ Pontiac Land ก็ยังหันเหจากตลาดต่างประเทศไปหาการท่องเที่ยวในประเทศด้วย “เมื่อชัดเจนว่าจะมีข้อห้ามมากมายในการเดินทางระหว่างประเทศ ทีมของเราได้จัดทำแผนด้านกิจกรรมสร้างรายได้ขึ้นใหม่เพื่อดูแลตลาดในประเทศ กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้เราได้เห็นความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ในอสังหาริมทรัพย์ของเราในสิงคโปร์และจีน” Kwee กล่าว ครอบครัวของเขายังได้ใช้โอกาสนี้ในการซ่อมแซมและตกแต่งโรงแรมบางส่วน เช่น การปรับปรุงห้องบอลรูมของ Ritz-Carlton, Millenia

ครอบครัวหัวธุรกิจ

ปีนี้เป็นปีครบรอบ 6 ศตวรรษของบริษัทซึ่งเป็นบริษัทเอกชนนอกตลาดหลักทรัพย์ ก่อตั้งโดย Henry Kwee ปู่ของ Evan เมื่อปี 1961 ปู่ของเขาเป็นพ่อค้าสิ่งทอชาวอินโดนีเซียผู้มั่งคั่งที่ได้ย้ายถิ่นฐานมายังสิงคโปร์เมื่อปี 1958 (เขาเสียชีวิตในปี 1988) คนตระกูล Kwee 3 รุ่นได้ช่วยกันปลุกปั้น Pontiac Land ให้กลายเป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทอสังหาริมทรัพย์เอกชนนอกตลาดฯ และธุรกิจครอบครัวที่ใหญ่ที่สุดของสิงคโปร์ด้วยสินทรัพย์มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสิงคโปร์ (7.4 ล้านเหรียญ) ธุรกิจของกลุ่มประกอบไปด้วยอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ โรงแรม ที่พักอาศัย และพื้นที่ค้าปลีก และเป็นที่รู้จักในโครงการอเนกประสงค์ที่เป็นสัญลักษณ์อย่าง Millenia Singapore ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรม Ritz-Carlton และ Conrad Centennial ที่เป็นของกลุ่มด้วย อีกหนึ่งโครงการที่เป็นไอคอนก็คือ Capella Singapore ซึ่งเป็นอสังหาริมทรัพย์เรือธงของแบรนด์ รีสอร์ตมีชื่อเสียงโด่งดังจากการเป็นสถานที่จัดการประชุมสุดยอดครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างประธานาธิบดี Donald Trump ของสหรัฐฯ และผู้นำเกาหลีเหนือ Kim Jong-Un เมื่อปี 2018 การดูแลงานก่อสร้างของรีสอร์ตและงานสนับสนุนในการเปิดโรงแรมเมื่อปี 2009 ยังเป็นงานใหญ่ชิ้นแรกที่ Kwee ได้รับมอบหมายหลังเรียนจบจาก Babson College ในปี 2002 อีกด้วย
Ritz-Carlton, Millnia Singapore
ถึงกระนั้นในอดีตที่ผ่านมา Pontiac Land ก็ไม่ได้เป็นที่รู้จักในต่างประเทศมากนัก แต่นั่นเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อ Kwee หันไปดำเนินการสำคัญที่มุ่งสู่โลกาภิวัตน์ในการจับมือเป็นพันธมิตรกับ Horst Schulze นักธุรกิจโรงแรมระดับตำนานในปี 2006 โดยถือหุ้นร้อยละ 50 ในธุรกิจร่วมทุน เพื่อนำ Capella ของ Schulze และ Solis แบรนด์ในเครือมาสู่ตลาดเอเชีย หลังจากความร่วมมือ 12 ปี ตระกูล Kwee ได้ซื้อหุ้นทั้งหมดของ Schulze ในจำนวนเงินที่ไม่เปิดเผยและเข้าควบคุมธุรกิจเพียงผู้เดียว Pontiac Land มีโครงการอยู่นอกสิงคโปร์จำนวนหนึ่ง อาทิ 53 West 53 ในนิวยอร์ก และในซิดนีย์ บริษัทได้รับสัญญาเช่าซื้อระยะเวลา 103 ปี เมื่อได้เข้าซื้อ Capella แล้ว ตอนนี้ครอบครัวก็มีแบรนด์ที่จะช่วยหนุนให้พวกเขาสามารถสยายปีกออกนอกสิงคโปร์ไปสู่ตลาดบริการระดับบนของโลก หลังการเข้าซื้อ ตระกูล Kwee ได้ย้ายสำนักงานใหญ่ของ Capella จากสหรัฐฯ มาสู่สิงคโปร์ และสลัดแบรนด์ในตลาดล่างคือ Solis ทิ้งไป ตระกูล Kwee ยังได้เพิ่มแบรนด์ Patina Hotels & Resorts ซึ่งเป็นแบรนด์ที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมเข้ามาด้วย ภายใน Capella เองนั้น Kwee มีทีมที่แข็งแกร่งซึ่งล้วนเป็นคนดังในแวดวงงานบริการ เช่น Nicholas Matthew Clayton ซีอีโอ และ Cristiano Rinaldi หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ ทั้งคู่มีประสบการณ์หลายทศวรรษในงานบริการระดับโลกสำหรับแบรนด์อย่าง Bulgari, Four Seasons และ Jumeirah “มันไม่ใช่งานแบบที่ใครจะฉายเดี่ยว ไม่ว่าจะในแง่การลงมือทำ รวมทั้งในแง่กลยุทธ์หรือทิศทางโดยรวม” Kwee กล่าว “มีคนเก่งๆ มากมายที่พร้อมจะแนะนำผมกับทีมบริหาร แต่ในแง่ของวิสัยทัศน์โดยรวมของผมว่าผมอยากจะให้ธุรกิจไปทางไหน ผมคิดว่าพวกเขาสนับสนุนมัน และพ่อผมก็สนับสนุนแน่นอน” โรงแรม 2 จาก 5 แห่งที่ Capella ดำเนินงานได้เปิดให้บริการในปีที่ผ่านมาท่ามกลางสถานการณ์โรคระบาด ได้แก่ โรงแรมริมฝั่งแม่น้ำในไทยเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และในเวียดนามเมื่อเดือนเมษายน
Capella Singapore
ตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา Capella ได้สร้างพอร์ตในภูมิภาคกับโรงแรม 2 แห่งในจีน และ 1 แห่งในอินโดนีเซีย โดยมีจำนวนห้องภายใต้การบริหารงาน 1,058 ห้อง “กรุงเทพฯ เปิดเมื่อปลายปีที่แล้ว จากนั้นก็ที่ Hanoi ซึ่งเปิดเมื่อต้นปีนี้ ทั้งหมดนั้นในช่วงที่โควิดยังระบาด แต่เราต้องเปิด เราจ้างคนไว้แล้วและเราไม่อยากต้องให้พวกเขาออกไป” Kwee กล่าว โรงแรมอีก 10 แห่งภายใต้การดำเนินงานของ Capella มีกำหนดเปิดตามแผนงานในช่วง 4 ปีข้างหน้าทั้งในจีน ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมไปถึงโครงการบูรณะใหม่ในซิดนีย์ของ Pontiac Land มูลค่า 300 ล้านเหรียญออสเตรเลีย (223 ล้านเหรียญ) “สำหรับตลาดส่วนใหญ่แล้วกำหนดเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2023 เป็นต้นไปน่าจะเป็นช่วงที่เหมาะสมเมื่อพิจารณาจังหวะการฟื้นตัวจากโรคระบาด” Hecker จาก Horwath HTL กล่าว “Pontiac Land คงต้องการเห็น Capella เติบโตอย่างต่อเนื่องในตลาดโลกอย่างไม่ต้องสงสัย”

น่านน้ำใหม่ของตระกูล Kwee

ตระกูล Kwee หมายตาการลงทุนในหมู่เกาะมัลดีฟส์ ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางของการพักผ่อนของครอบครัว โดยใช้เวลาถึงสิบปีหาที่เหมาะๆ ก่อนที่จะลงเอยในปี 2016 “เราเข้าร่วมการประมูลบางรายการและได้เจรจากับคนมากมาย แต่ไม่มีอะไรเข้าทางเราเลย เกาะบางแห่งใหญ่ไป บางแห่งเล็กไป หรือไม่ก็แพงเกินไป” Kwee เล่า เกาะที่ได้มามีทะเลสาบที่ลึกตามธรรมชาติ “มันสมบูรณ์แบบสำหรับเป็นท่าจอดเรือส่วนตัวและรับเรือยอช์ตขนาดใหญ่” Kwee บอก ที่สำคัญคือ สามารถเดินทางจากสนามบินนานาชาติที่กรุง Male ของมัลดีฟส์ด้วยเรือสปีดโบ๊ตในเวลาเพียง 45 นาที พวกเขาใช้เวลา 1 ปีในการศึกษาผลกระทบทางสิ่งแวดล้อมก่อนจะเริ่มงานถมดินเพื่อสร้างเกาะ 4 แห่ง ในเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน Kwee เปิดตัวโครงการรีสอร์ตเฟสแรกภายใต้การพัฒนารีสอร์ตแบบครบวงจร ซึ่งประกอบด้วยโรงแรม 2 แห่ง บริเวณจอดเรือ และเกาะที่ใช้เป็นพื้นที่ของพนักงาน
Patina Maldives
Govinda Singh กรรมการบริหารและผู้เชี่ยวชาญด้านโรงแรมของ Colliers ธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์กล่าวว่า การเข้าตลาดมัลดีฟส์มีความสมเหตุสมผลสำหรับ Pontiac Land “ถ้าคุณคิดถึงในแง่ของกลยุทธ์การเติบโต...คุณต้องมองไปที่จุดหมายปลายทางที่แขกของ Capella หรือ Patina อยากจะไปพักในอนาคต” เขากล่าว มีเจ้าสัวในอุตสาหกรรมบริการชาวสิงคโปร์อีกจำนวนไม่มากนักที่เข้าไปลงทุนในมัลดีฟส์ เมื่อเดือนเมษายน Ong Beng Seng นักธุรกิจโรงแรมได้ซื้อ Kanuhura รีสอร์ตขนาด 80 วิลล่าผ่านบริษัท Hotel Properties Limited ของเขา HPL เองยังเป็นเจ้าของ Gili Lankanfushi รีสอร์ตหรูบนเกาะ ขณะที่ Christina ภรรยาของ Ong ก็มีรีสอร์ตหรู 2 แห่งที่นั่นในนามบริษัท COMO Hotels & Resorts นอกจากนี้ ก็มี Ho Kwon Ping ผู้ก่อตั้ง Banyan Tree Holdings และ Kwek Leng Beng ประธานกรรมการบริหารของ City Developments มีสัญญาณการฟื้นตัวในตลาดท่องเที่ยวของมัลดีฟส์ Shreya Sharma นักวิเคราะห์งานวิจัยของ Euromonitor จากเมือง Bangalore คาดหมายว่า ผู้มาเยือนมัลดีฟส์จะเพิ่มขึ้น 2 เท่าในปีนี้เป็น 1.2 ล้านคน หลังจากจำนวนนักท่องเที่ยวหดตัวร้อยละ 65 ในปี 2020 เธอกล่าวว่า แม้หนทางจะยัง “อีกยาวไกล” กว่าที่มัลดีฟส์จะกลับไปสู่การเติบโตแบบยุคก่อนหน้าโควิด แต่ก็ถือว่ามาถูกทางแล้ว Kwee ตื่นเต้นกับความเติบโตในอนาคตพร้อมทั้งกล่าวว่า Capella กำลังประเมินอสังหาริมทรัพย์ที่โด่งดังระดับไอคอนหลายแห่งในทวีปยุโรปและอเมริกา อย่างไรก็ตาม Singh เตือนว่า Capella จำเป็นต้องแสดงคุณค่าของแบรนด์ให้เจ้าของอสังหาริมทรัพย์ได้เห็นเมื่อเป็นการแข่งขันกับโรงแรมที่มีชื่อเสียงกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งนอกภูมิภาคเอเชีย Kwee มีไอเดียบ้างแล้วกับการสร้างคุณค่าของแบรนด์ Capella ที่เขาอยากลองนำไปใช้กับ Fari Islands “เราจะมีดีเจ ศิลปิน และนักดนตรีรับเชิญที่จะมาเปิดแสดงบนชายหาด” Kwee กล่าว “นั่นเป็นทิศทางในอนาคตของอุตสาหกรรมการบริการ มันจะเป็นเรื่องของเนื้อหา เรื่องของการจัดโปรแกรม” เขาเสริม “มันจะไม่ใช่แค่ห้องพักที่สวยงามหรือบริการที่ดีเลิศอีกต่อไป”   เรื่อง: JESSICA TAN เรียบเรียง: เอมวลี อัศวเปรม ภาพ: DARREN GABRIEL LEOW อ่านเพิ่มเติม:
คลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนธันวาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine