Chris Lehane เผยแนวคิด Sharing Economy ผ่านเทรนด์นักท่องเที่ยวเปลี่ยนบ้านส่วนตัวเป็นพื้นที่แบ่งปันเชื่อมนักเดินทางด้วยเทคโนโลยี ที่พร้อมสร้างโลกในอุดมคติลดคาร์บอนไดออกไซด์
Airbnb เชิญสื่อมวลชนไทยเป็นส่วนหนึ่งในการสัมภาษณ์
Chris Lehane อดีตที่ปรึกษาทางด้านการเมืองและผู้เชี่ยวชาญด้านภาวะการเปลี่ยนแปลงของสิ่งแวดล้อม ซึ่งปัจจุบันรับตำแหน่ง Global Policy and Public Affairs แห่ง Airbnb ในหัวข้อแนวคิด Sharing Economy ณ บ้านพักที่เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับ Airbnb ย่านพระราม 1
Chris Lehane เผยถึงการเริ่มต้น ธุรกิจ Airbnb จากกลุ่มสตาร์ทอัพ 3 คน ได้แก่ Nathan Blecharczyk (ตำแหน่ง CTO), Brian Chesky (ตำแหน่ง CEO) และ Joe Gebbia (ตำแหน่ง CPO) ที่เกิดไอเดียแบ่งที่พักให้คนมาเช่าฟูกนอนเป่าลมสามหลังพร้อมเลี้ยงมื้อเช้า ด้วยการประกาศลงเว็บไซต์พร้อมระบุแผนที่อย่างง่ายปรากฏว่ามีคนมาเช่าจริงจากเหตุการณ์ดังกล่าว จึงเกิดเป็นโมเดล Airbnb ขึ้นในปี 2008 และประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง โดยมีเทคโนโลยีเป็นองค์ประกอบสำคัญ
เขาอธิบายเพิ่มเติมว่าหากย้อนไปเมื่อปี2001 5 บริษัทที่ติดอันดับโลกมีเพียงบริษัททางด้านเทคโนโลยีแห่งเดียวที่ติดเข้าสู่อันดับ แต่ในปัจจุบัน 5 บริษัทอันดับแรกของโลกคือกลุ่มบริษัททางด้านเทคโนโลยีทั้งสิ้น สอดคล้องกับรายงานจาก World Bank ที่เปิดเผยด้วยว่า 75% ของประชากรโลกมีโทรศัพท์มือเป็นของตนเอง และคาดการณ์ด้วยว่าภายในปี 2025 ผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตจะพุ่งสูงขึ้น 4.7 พันล้านคน
แรงเคลื่อน Sharing Economy
Chris ได้ทบทวนตัวเลขสถิติของ Airbnb ในเราฟังว่า ระหว่างปี 2009 ถึง 2016 มีผู้ใช้บริการราว 300 ล้านคน กระจายอยู่ใน 81,000 เมือง 196 ประเทศ หากคิดเป็นนาที ทุกๆ 2 นาทีจะมีคนเช็คอิน 400 คน จากตัวเลขที่เกิดขึ้น
"Sharing Economy" ได้สร้างแรงขันเคลื่อนสำคัญ และยังสอดคล้องกับ
“ประเด็นการเปลี่ยนแปลงของโลก” โดยเฉพาะภาวะโลกร้อนที่เป็นส่วนสำคัญให้อากาศเปลี่ยนแปลงและทารุณมากยิ่งขึ้น Chris กล่าวเพิ่มเติมว่าการสร้างโรงแรมหรือที่พักขึ้นใหม่จะทำให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ทำลายอากาศเป็นจำนวนหลายล้านตัน ในขณะเดียวกันกลับมีอาคารบ้านเรือนที่ถูกทิ้งร้างเพิ่มมากเนื่องจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ อย่างประเทศไทยเองติดอันดับสามของโลกที่มีแนวโน้มการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ
โดยสภาวะการเปลี่ยนบรรยากาศโลกกับแนวคิด Sharing Economy เกี่ยวข้องกันอย่างไร Chris เผยให้ฟังถึงเทรนด์ที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวยุคมิลเลเนียม เพราะนักท่องเที่ยวในกลุ่มนี้เป็นสัดส่วนกว่า 60 % ของนักเดินทางทั่วโลกทั้งหมด ซึ่งเทรนด์การท่องเที่ยวของคนกลุ่มนี้คือการใส่ใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศมากกว่าคนในยุคก่อน อะไรที่ลดภาระให้กับโลกคือสิ่งที่เขาเลือก รวมการเดินทางแบบที่เราเรียกว่า Healthy คือดีต่อสุขภาพใจ เน้นหนักที่คุณภาพ ได้ใกล้ชิดกับวิถีชุมชน
“อย่างโอลิมปิกที่บราซิล จำนวนคนเดินทางเพื่อร่วมมหกรรมนี้เกินกว่าครึ่งของขีดความสามารถของการบริการโดยรวม ทำให้ แอร์บีเอ็นบี มีผู้ใช้บริการเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับโอลิมปิกเกาหลีใต้คนเลือกใช้แอร์บีเอ็นบีมากถึง 15,000 คน จึงถือเป็นการลดภาระที่จะเกิดกับโลกค่อนข้างมาก สิ่งหนึ่งที่พวกเขาชอบก็คือการได้ใกล้ชิดกับวิถีชุมชนของท้องถิ่นนั้นๆ อย่างมากทำให้ต่อยอดไปสู่อีกหนึ่งจุดมุ่งหมายหลักคือการกระจายรายได้” Chris Lehane กล่าว
รายได้กระจายตัว
สิ่งที่เรียกว่า Sharing Economy ยังได้ก่อให้เกิดการกระจายรายได้ที่หลากหลายมากขึ้นกว่าเดิมไม่ได้กระจุกตัวแค่ในเมืองใหญ่แต่กระจายตัวไปถึงชานเมืองทำให้ชุมชนได้รับผลประโยชน์
Chris เปิดเผยว่าหน้าที่ของ Airbnb คือการเป็นแพลตฟอร์มที่เชื่อมโลกออนไลน์เข้ากับสังคม แต่สิ่งที่เทคโนโลยีไม่สามารถทดแทนได้คือการบริการ แล้วสิ่งที่จะเชื่อมคนต่างถิ่นเข้าหากันคือ “ความสุข” และนั่นคือภารกิจของธุรกิจเรา โดย Airbnb ได้พัฒนาระบบการคะแนนซึ่งกันและกันระหว่างผู้ใช้บริการและเจ้าของบ้านคือต้องให้คะแนนกันและกัน เป็นการบีบบังคับให้ทั้งสองฝ่ายทำตัวให้ดี ซึ่งมันต่างจากการให้คะแนนโรงแรมที่เป็นการให้คะแนนส่วนอื่น หรือองค์กร
“มันเหมือนเป็นการเปิดใจ เมื่อแขกมาอยู่ในบ้าน ต่างฝ่ายต่างทำตัวให้ดี อย่างตัวผมเอง ไปพักที่โรงแรมไม่เคยพับที่นอนเลยนะ แต่พอใช้บริการแอร์บีเอ็นบี จะพับตลอด เพราะในขณะที่เราให้ดาวเขาเยอะๆ เพราะพอใจมาก เราก็อยากได้ดาวกลับเป็นการการันตีว่าเราก็เป็นแขกที่ดี” Chris กล่าว
สำหรับประเทศไทย Chris เปิดเผยข้อมูลสำคัญว่าที่พัก Airbnb ในประเทศไทย มีมากกว่า 61,400 แห่ง โดยระหว่างกุมภาพันธ์ ปี 2560 – 2561 สร้างรายได้รวมกันเป็นจำนวน 119 ล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ปี 2560 มีนักท่องเที่ยวเดินทางพักราว 1.2 ล้านรายในประเทศไทย เพิ่มขึ้นกว่า 66%
“โดยเฉลี่ยแล้วนักท่องเที่ยวจะเข้าพักเป็นเวลา 4.2 คืน และโดยเฉลี่ยจะมีผู้เข้าพัก 2.7 คนต่อการเข้าพักหนึ่งครั้ง โดยจุดหมายของเดินทางทางยังประเทศไทยคือเยี่ยมชมแหล่งท่องเที่ยวของกรุงเทพฯ เป็นหลักรวมไปถึงภูเก็ต” Chris เผยและเสริมว่าเจ้าของที่พัก Airbnb ในกรุงเทพมหานครแชร์บ้านเขาตัวเองให้กับผู้เข้าพักถึง 485,000 คน สร้างรายได้รวมเป็นจำนวน 34.2 ล้านเหรียญสหรัฐ
ภายหลังการสัมภาษณ์ Chris ได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “เป้าหมายของเราอีกประการคือการทำให้โลกกลายเป็นโลกที่เปิดไปด้วยกัน และทำให้การเดินทางเป็นการเดินทางเสรีมากขึ้น เราพร้อมเปิดรับคนแปลกหน้ามากขึ้น ไว้ใจกันและกันมากกว่าเดิม และเมื่อจบการเดินทางเราจะไม่ใช่คนแปลกหน้าอีกต่อไป เราจะกลายเป็นเพื่อนกันผ่านเทคโนโลยีเพื่อสร้างสังคมการแบ่งปันที่ยั่งยืน”