องค์การท่องเที่ยวโลก (World Tourism Organization : WTO) เปิดเผยว่า จำนวนนักท่องเที่ยวทั่วโลกเพิ่มขึ้นเป็น 1.4 พันล้านคน ในปี 2018 โดยเพิ่มขึ้น 6% จากปี 2017 ด้วยการเดินทางท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในบริเวณตอนใต้ของทวีปยุโรป ตะวันออกกลางและทวีปแอฟริกา จากปัจจัยเเรงขับเคลื่อนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีเเละการขนส่งทางอากาศที่ครอบคลุมมากขึ้น
ขณะเดียวกันนักท่องเที่ยวอเมริกัน เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยที่ 3% นักท่องเที่ยวยุโรปเพิ่มขึ้น 6% นักท่องเที่ยวแอฟริกันเพิ่มขึ้น 7% และนักท่องเที่ยวเอเชีย-แปซิฟิกเพิ่มขึ้น 6%
Zurab Pololikashvili เลขาธิการองค์การท่องเที่ยวโลก กล่าวว่า รู้สึกยินดีที่ตัวเลขนักท่องเที่ยวระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า “การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในกลไกการขับเคลื่อนที่ทรงพลังที่สุดในการพัฒนาระหว่างประเทศ”
โดยจำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนยุโรปมีราวอยู่ 713 ล้านคน อย่างไรก็ตามทางตอนเหนือของทวีปยุโรปการเติบโตยังคงทรงตัว เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับ Brexit ที่สหราชอาณาจักรจะแยกตัวจากสหภาพยุโรป
ด้านนักท่องเที่ยวที่มาเยือนแอฟริกา ในปี 2018 อยู่ที่ 67 ล้านคน โดยทางตอนเหนือของทวีปมีอัตราการเติบโตกว่า 10% เเละจำนวนผู้มาเยือนบริเวณ Sub-Saharan เพิ่มขึ้น 6% ขณะที่นักท่องเที่ยวในตะวันออกกลางเพิ่มขึ้น 10% เป็น 64 ล้านคน
WTO ระบุอีกว่าการพัฒนาด้านการขนส่งทางอากาศที่เชื่อมต่อระหว่างประเทศ ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้มีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในประเทศกำลังพัฒนาที่สำคัญ อย่างอินเดียเเละรัสเซีย
นอกจากนี้นักลงทุนบางส่วน รวมไปถึงเหล่านักเดินทาง ต่างก็ยัง “รอดู” (wait and see) สถานการณ์ความไม่เเน่นอนทางการเมืองที่เกิดจากปัญหาต่างๆ เช่นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯเเละจีน เเละผลกระทบจาก Brexit เป็นต้น โดยองค์การท่องเที่ยวโลก คาดการณ์ว่าการท่องเที่ยวทั่วโลกจะขยายตัวเพิ่มขึ้นราว 3-4% ในปีนี้
ที่มา
ภาพ Pixabay