ภาคต่อของอุบลวัสดุถึงดูโฮมครองตลาดค้าวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจรแห่งอุบลราชธานี ด้วยกลยุทธ์ดาวกระจายยึดพื้นที่ภูธรขยายอาณาจักรหมื่นล้านทั่วประเทศ พร้อมแปลงโฉมลดขนาดเพิ่มความคล่องตัว ตอบโจทย์ดีมานด์คนเมืองภายใต้คลื่นลูกใหม่ของตั้งมิตรประชา
มหาอาณาจักรบ้านที่ชาวอุบลราชธานีรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดีตั้งแต่ยังเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด ศ.อุบลวัสดุ ดำเนินกิจการค้าเหล็ก วัสดุมุงหลังคา ไม้อัด และสินค้าวัสดุก่อสร้าง ตั้งแต่ปี 2526 ซึ่งก่อตั้งโดยสามีภรรยา อดิศักดิ์และนาตยา ตั้งมิตรประชา มุ่งเน้นการขายสินค้าคุณภาพดี ราคาถูก และหลากหลาย ส่งผลให้ธุรกิจเติบโตอย่างรวดเร็วกระทั่งขยับขยายสู่ธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งวัสดุก่อสร้าง รวมถึงอุปกรณ์ตกแต่งบ้านแบบครบวงจรในชื่อบริษัท อุบลวัสดุ จำกัด เมื่อปี 2536
ในช่วงเวลาที่อุตสาหกรรมการก่อสร้างกำลังเติบโต และความต้องการของลูกค้าในจังหวัดอุบลราชธานีเพิ่มมากขึ้น ในปี 2546 อุบลวัสดุเล็งเห็นจังหวะและโอกาสขยายพื้นที่สาขาให้สามารถรองรับกลุ่มสินค้าที่มีความหลากหลาย สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่ม พร้อมทั้งนำรูปแบบธุรกิจค้าปลีกสมัยใหม่หรือโมเดิร์นเทรดปรับใช้กับร้านค้าวัสดุก่อสร้างรูปแบบเดิม ด้วยการปรับรูปแบบสาขาเป็นลักษณะคลังสินค้าที่มีการแบ่งพื้นที่สำหรับส่วนค้าปลีกและค้าส่ง รวมถึงการนำระบบบาร์โค้ดและระบบบริหารจัดการสินค้าคงคลังที่ทันสมัยมาใช้
“ดูโฮมปีนี้เปิดเป็นปีที่ 36 สาขาแรกของเราอยู่ที่จังหวัดอุบลราชธานี โดยตั้งแต่จำความได้ เรารู้ว่าต้องเข้ามาช่วยครอบครัว ซึ่งช่วงแรกเราช่วยเรื่องการเงิน ปล่อยเครดิตสินเชื่อ เจรจากับธนาคาร หลังจากนั้นจึงมาทำระบบ ERP ทำให้เรารู้ระบบทั้งหมดของบริษัทตั้งแต่ซื้อของ จ่ายของ รับสินค้า ระบบคลัง รวมถึงระบบ HR ทำให้รู้ทุกมุมตั้งแต่การซื้อ ขาย จ่าย รับ เก็บเงิน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับเรา” สลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ รองกรรมการผู้จัดการสายงานบัญชี การเงิน และสนับสนุนองค์กร บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) ทายาทของอดิศักดิ์และนาตยากล่าวถึงการเริ่มต้นทำงานในธุรกิจของครอบครัวนับตั้งแต่ปี 2549
ทันทีที่สำเร็จการศึกษาจากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ บัณฑิตใหม่พร้อมเรียนรู้งานทุกส่วนและมุ่งมั่นจัดระบบภายในของบริษัทในจังหวะที่ธุรกิจของครอบครัวกำลังขยายสาขาไปยังจังหวัดนครราชสีมาและใช้ชื่อ “ดูโฮม” ในเครือบริษัท อุบลวัสดุ จำกัด เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์การเป็นศูนย์รวมสินค้าและบริการด้านวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ตกแต่งบ้านที่ครบ ถูก และดีที่สุดสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม
“พัฒนาการที่เป็นจุดเปลี่ยนของบริษัทอยู่ในช่วงที่เรากลับมาช่วยที่นี่ โดยหลังจากเปิดสาขาที่โคราช เราได้มีการลงระบบ ERP และ SAP ซึ่งเป็น world class system ทำให้สามารถต่อยอดการบริหารจัดการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และข้อเด่นของดูโฮมอยู่ที่ความครบครันของสินค้า เมื่อรวมกับความพร้อมของทีมงานและระบบที่ดี เราก็สามารถขยายสาขาได้อย่างต่อเนื่อง” สลิลทิพยังคงระลึกถึงวันแรกที่เริ่มต้น ซึ่งเป็นช่วงที่ธุรกิจกำลังขยับขยายและพร้อมเดินหน้าขยายสาขาทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
ในปัจจุบันดูโฮมสามารถขยายอาณาจักรได้อย่างครอบคลุมจำนวน 9 สาขา ได้แก่ อุบลราชธานี นครราชสีมา รังสิต ขอนแก่น อุดรธานี พระราม 2 บางบัวทอง เชียงใหม่ และบางนา โดยมีพื้นที่ขายและคลังสินค้าประมาณ 35,000-65,000 ตารางเมตรต่อสาขา รวมถึงศูนย์กระจายสินค้าที่จังหวัดปทุมธานี พร้อมจำหน่ายสินค้ามากกว่า 135,000 รายการ (SKUs) รวมรายได้ 1.85 หมื่นล้านบาทในปีที่ผ่านมา และ 4.94 พันล้านบาทในไตรมาสแรกของปีนี้
สำหรับสินค้าที่จำหน่ายแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ สินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้าง สินค้ากลุ่มวัสดุซ่อมแซม และสินค้ากลุ่มวัสดุตกแต่ง นอกจากนี้บริษัทยังมีการออกแบบจ้างผลิต และจำหน่ายสินค้าภายใต้ตราสินค้าของกลุ่มบริษัท (house brand) เพื่อเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของบริษัทตั้งแต่ปี 2558 จำนวนรวมมากกว่า 20,000 รายการ เช่น เครื่องมือช่าง ฮาร์ดแวร์ ประตู-หน้าต่าง กระเบื้อง สุขภัณฑ์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ เป็นต้น
“เรามีสินค้า house brand คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 15% และพยายามปรับสัดส่วนให้สูงขึ้น เรามีสินค้าจ้างผลิตหลากหลายแทบทุกกลุ่มสินค้า เช่น ก๊อกน้ำ เครื่องมือช่าง เฟอร์นิเจอร์ ไลท์ติ้ง ฮาร์ดแวร์ รวมถึงวัสดุก่อสร้างอย่างไม้อัด โดยรวมๆ มากกว่า 10 แบรนด์ ซึ่งเราวางเป้าหมายให้สัดส่วนรายได้แตะ 20% ในปี 2565” สลิลทิพย้ำถึงความมั่นใจในจุดเด่นของธุรกิจครอบครัวที่ได้รับการยอมรับจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายตลอดระยะเวลากว่า 36 ปี ในด้านความครบครันของสินค้าทั้งเชิงกว้างและเชิงลึก ราคาที่สามารถแข่งขันได้และการให้บริการอย่างครบวงจร ทั้งบริการจัดส่งสินค้า การบริการบำรุงรักษาซ่อมแซม การบริการประกอบและติดตั้ง การบริการให้คำปรึกษาและดำเนินการออกแบบตกแต่ง และการบริการจัดหาสินค้าพิเศษ
แปลงโฉม DoHome To Go
แม้ดูโฮมจะสามารถขยายอาณาจักรได้อย่างแข็งแกร่ง แต่สลิลทิพยังเล็งเห็นความสำคัญของการปรับเปลี่ยนธุรกิจของครอบครัวสู่บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อเพิ่มศักยภาพให้บริษัทมีความเป็นมืออาชีพและเดินหน้าตามกลยุทธ์ขยายสาขาทั้งสาขาขนาดใหญ่และสาขาขนาดเล็กภายใต้ชื่อ DoHome To Go พัฒนาระบบไอที ชำระเงินกู้สถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน พร้อมมุ่งสู่เป้าหมายสร้างการเติบโตในระยะยาว
โดยการระดมทุนก็เพื่อขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ เพื่อให้ฐานลูกค้าครอบคลุมมากขึ้น ด้วยการขยายสาขาไปยังหัวเมืองสำคัญ เช่น สมุทรสาคร ระยอง พิษณุโลก ในรูปแบบและขนาดของสาขาที่ปรับเปลี่ยนจากเดิม โดยพื้นที่ขายและคลังสินค้าเฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 23,000 ตารางเมตร รวม 7 สาขา ภายในปี 2564 ซึ่งยังคงความครบถ้วนของสินค้าไว้ ไม่แตกต่างจากสาขาเดิม พร้อมทั้งพิจารณา ติดตั้งระบบจัดเก็บสินค้าอัตโนมัติ (ASRS) ในบริเวณพื้นที่คลังสินค้า และติดตั้งระบบปรับอากาศบริเวณพื้นที่ขายในอนาคต
นอกจากนั้น บริษัทยังได้พัฒนาโมเดลขยายสาขาขนาดเล็กชื่อ DoHome To Go ซึ่งมีพื้นที่เฉลี่ยต่อสาขาประมาณ 300-1,000 ตารางเมตร รวม 90 สาขา ภายในปี 2564 โดยมีแผนเปิดให้บริการในพื้นที่ศูนย์การค้า ซูเปอร์มาร์เก็ต และไฮเปอร์มาร์เก็ต เพื่อให้สามารถเข้าถึงลูกค้ารายย่อย
“ดูโฮมเกิดภาคอีสาน จนเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาเราเข้ามาในกรุงเทพฯ มากขึ้น และเปิดตัว DoHome To Go เริ่มสาขาแรกในเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม เราสนใจเข้ามาเจาะตลาดในกรุงเทพฯ เพราะเป็นตลาดใหญ่ และเราสามารถใช้สาขาขนาดใหญ่ที่มีรอบกรุงเทพฯ สี่มุมเมืองเป็นตัวต่อยอด ทำให้ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ DoHome To Go ลดลง และเป็นหนึ่งในปัจจัยบวกให้เรามีผลกำไรมากขึ้น”
ขณะเดียวกันบริษัทยังวางแผนปรับปรุงสาขาเดิมเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้า และรักษาฐานลูกค้าเดิม รวมถึงเพิ่มร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างที่เป็นพันธมิตรเพื่อสร้างเครือข่ายการจำหน่ายสินค้าให้เข้าถึงผู้บริโภคอย่างทั่วถึงมากขึ้น และตอบสนองความต้องการให้ได้อย่างครอบคลุมทุกกลุ่มลูกค้า
“เราเป็นท็อป 3 ในอุตสาหกรรมนี้โดยไม่ได้ตั้งเป้าหมายต้องเป็นเบอร์ 1 แต่เรามองว่า เราต้องการทำให้ดีกว่านี้ ซึ่งจากแผนการขยายสาขาน่าจะทำให้ธุรกิจสามารถเติบโตจาก 1.85 หมื่นล้านปีที่แล้ว เป็น 2 หมื่นล้านภายใน 1-2 ปีนี้ โดยตลาดวัสดุก่อสร้างเป็นตลาดที่ใหญ่มากและค่อนข้างกระจายตัว ถ้าเราตอบโจทย์ลูกค้าได้ กลุ่มสินค้าที่ลูกค้าพอใจ ราคาแข่งขันได้ เราคิดว่ามันมีช่องว่างให้ดูโฮมเติบโตได้”
แผนขยาย 7 สาขาใน 2 ปี
บริษัทยังมีแผนขยายสาขาขนาดใหญ่อีก 7 สาขาใน 2 ปีข้างหน้า ด้วยเป้าหมายยอดขาย 1.2 พันล้านบาทต่อสาขา งบลงทุน 250-300 ล้านบาทต่อสาขา รวมทั้ง Dohome To Go ขยายสาขา 90 สาขา ภายในปี 2564 โดยจะขยาย 10 สาขาในปี 2562 และเพิ่มอีก 30 สาขาในปี 2563 และอีก 50 สาขาในปี 2564 ซึ่งมีแผนเปิดกับไฮเปอร์มาร์เก็ต โดยส่วนใหญ่กลุ่มสินค้าเป็นกลุ่มซ่อมแซมและตกแต่ง ด้วยเป้าหมายรายได้ 80,000 บาทต่อตารางเมตรต่อปี ครึ่งปีแรกสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างอาจจะสร้างยอดขายลดลง เนื่องจากการลงทุนภาคเอกชนในต่างจังหวัดค่อนข้างน้อยลง แต่กลุ่มสินค้าซ่อมแซมและตกแต่งยังคงเติบโตอยู่
นอกจากนี้ ดูโฮมยังมีบริษัทในเครือเสริมทัพความแข็งแกร่งทางธุรกิจ ได้แก่ บริษัท ดูโฮม กรุ๊ป จำกัด (เดิมชื่อบริษัท อุบลมารวย วัสดุอิมปอร์ตเอ็กซ์ปอร์ต จำกัด) สำหรับถือครองที่ดินของกลุ่มบริษัทที่ใช้ในการประกอบกิจการ บริษัท คิดดีโลจิสติกส์ จำกัด ให้บริการจัดส่งสินค้า บริษัท ดูโฮม ออโต เมชั่น จำกัด ให้บริการระบบคลังสินค้าอัตโนมัติแก่กลุ่มบริษัท และบริษัท ดูโฮม เอนเนอร์จี จำกัด ผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคาให้กลุ่มบริษัท
“ครอบครัวของเรามีการจัดตั้ง ดูโฮม โฮลดิ้ง เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวที่มีแนวคิดทางธุรกิจสามารถนำเข้าที่ประชุมและขอความเห็นผู้ถือหุ้นสำหรับลงทุนในธุรกิจอื่น โดยดูโฮมโฮลดิ้งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในดูโฮม และลงทุนในธุรกิจเงินเทอร์โบคล้ายกับลีสซิ่ง ซึ่งลูกค้าจะนำทรัพย์สิน เช่น มอเตอร์ไซค์มาให้เราและกู้เงิน โดยปัจจุบันมี 200 กว่าสาขาในกรุงเทพฯ และเริ่มขยายไปภาคตะวันออกรวมถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือ”
อ่านเพิ่มเติม- วิทูร สุริยวนากุล บุกเบิกร้านวัสดุแนวคิดใหม่ ‘โกลบอลเฮ้าส์’ ค้าปลีกฉีกกฎของคนสร้างบ้าน
- KUN ‘เฟอร์นิเจอร์อะลูมิเนียม’ แบรนด์ไทย หันบุกผู้บริโภครายย่อย หวังยอดขายโต 20%
คลิกอ่านฉบับเต็ม “สลิลทิพ เรืองสุทธิภาพ ปรับไซส์ดูโฮมรุกมหานคร” ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2562 ได้ในรูปแบบ e-Magazine