BMW i8 Plug-In Hybrid Test “Mission i” Possible in Milan - Forbes Thailand

BMW i8 Plug-In Hybrid Test “Mission i” Possible in Milan

FORBES THAILAND / ADMIN
10 Sep 2015 | 11:23 AM
READ 11667

BMW AG สร้างความฮือฮาให้โลกยานยนต์อีกครั้ง เมื่อเดินหน้าทำความฝันให้เป็นจริง เปิดตัว BMW i8 รถยนต์ plug-in hybrid คันแรกในโลกของค่ายนี้ ในงาน Frankfurt Motor Show เมื่อปีก่อน แล้วออกวางจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาเมื่อพฤษภาคมที่ผ่านมา

BMW ได้เชื้อเชิญสื่อมวลชนทั่วโลกไปทดสอบยนตรกรรม "i8" ในเดือนกรกฏาคม ที่ Milan ศูนย์กลางทางการค้า การเงิน อุตสาหกรรม และ แฟชั่นของอิตาลี โดย Forbes Thailand เป็น 1 ใน 3 ของสื่อไทยที่ไปร่วมงาน รูปทรงการออกแบบตัวรถ BMW i8 ได้รับการยกย่องว่า เป็นรถยนต์ต้นแบบที่ถูกพัฒนาจากพาหนะในภาพยนตร์แห่งอนาคตให้นำมาใช้ได้บนโลกแห่งความจริง รวมถึงความโดดเด่นในเรื่องเทคโนโลยีเครื่องยนต์ ซึ่งหลอมรวมการทำงานระหว่างเครื่องยนต์เบนซินและระบบไฟฟ้าแบบ plug-in เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว แถมยังให้มีพละกำลังมากกว่า 300 แรงม้า ทำให้มันกลายเป็นคู่แข่งของซูเปอร์คาร์เจ้าถนนอย่าง Porsche Carrera 4S ไปในทันที i8 เป็นรถยนต์สปอร์ต 2 ประตู 4 ที่นั่ง มีจุดเด่นที่ใช้เทคโนโลยี plug in hybrid ที่มีความพิเศษมากกว่าระบบ hybrid ปกติ คือสามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟจากไฟบ้าน เพื่อเพิ่มพลังงานให้กับแบตเตอรี่ได้ นอกเหนือจากการชาร์จไฟในขณะรถวิ่ง นั่นหมายความว่าพลังงานไฟฟ้าที่อยู่ในตัวของ BMW i8 นั้น มีพละกำลังมากกว่าระบบ hybrid แบบธรรมดา หลายคนสงสัยว่าคำว่าตัวอักษร i นั้นหมายความว่าอย่างไร ทำไมไม่เป็นตัว E ที่แทนคำว่า ELECTRIC คำตอบที่ได้รับจากผู้บริหารคนหนึ่งของ BMW AG คือ “ไม่รู้” เดากันไปต่างๆ นาๆ ว่าเจ้าตัว i นี้อาจจะหมายถึง  intelligent,  innovation หรือ inspire ผมใช้เวลาเดินทางกว่า 15 ชั่วโมง มาถึง Milan ประเทศอิตาลี แม้ว่าเรามีเวลาที่ประเทศอิตาลีเพียง 2 วัน แต่ก็ถือว่าคุ้มค่ามาก สำหรับการได้สัมผัสกับรถยนต์ที่สุดแสนไฮเทคคันนี้ แต่ก่อนที่จะได้สัมผัสกับ BMW i8 นั้น ผมมีโอกาสได้ขับเจ้า BMWi3 ซึ่งเป็น EV เต็มรูปแบบจากโรงแรมไปยังโชว์รูม BMW ที่ Milan อีกด้วย  ซึ่งบอกได้เลยครับว่ารถไฟฟ้านั้นน่าใช้เหลือเกิน กับการใช้เป็นพาหนะสำหรับการใช้งานในเมือง และแล้วการลองขับ BMW i8 อย่างเป็นทางการก็เริ่มขึ้น BMW i8 จำนวน 12 คันจอดเรียงรายรอสื่อมวลชนจากทั่วโลกมาทดลอง หลังจากที่ได้ฟังทีมงาน BMW อธิบายถึงจุดเด่นต่างๆ ของ BMW i8 รวมถึงอธิบายวิธีการชาร์จไฟใน i8 ว่าสามารถชาร์จพลังงานไฟฟ้าได้ในหลายรูปแบบ เริ่มตั้งแต่เสียบปลั๊กเข้ากับไฟบ้านก็ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมงต่อการใช้งาน 1 ครั้ง หรือจะลงทุนติดตั้ง i-wall หรือสถานนีชาร์จไฟขนาดเล็กไว้ในบ้าน ซึ่งก็ต้องควักเงินเฉพาะค่าอุปกรณ์อีกว่า 800 ยูโร ยังไม่รวมค่าเดินสายไฟ และค่าติดตั้ง รวมๆ แล้วถ้าคิดเป็นเงินไทยก็น่าจะใกล้ๆ แสนบาท แต่เจ้า i-wall ตัวนี้ใช้เวลาการชาร์จไฟเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น สุดท้ายคือการชาร์จๆไฟแบบอนุรักษ์ธรรมชาติกันเลยกับสร้างโรงจอดรถที่ใช้แผงโซลาร์เซลล์เป็นหลังคา แล้วเก็บพลังงานผ่าน i-wall อีกต่อหนึ่ง ซึ่งโรงจอดรถแบบโซลาร์เซลล์นี้ยังไม่ได้กำหนดว่าใช้งบประมาณ ในการก่อสร้าง ประตู “ปีกนก” ประตูรถของ i8 ทุกคันถูกเจ้าหน้าที่ BMW เปิดรอไว้ให้แล้ว เพราะถือเป็นจุดเด่นจุดหนึ่งของ i8 เพราะมันคือประตูแบบ “ปีกนก” คือต้องยกขึ้นทางด้านข้างเหมือนนกกำลังกระพือปีก ถ้ามองที่ความสวยงาม และความเท่ ให้เต็มร้อย แต่หากมองเรื่องการใช้งานจริง ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะเราต้องเหลือพื้นที่ด้านข้างทั้งด้านซ้ายและขวา เพื่อยกประตูขึ้น ดังนั้นหมดสิทธิที่จะไปจอดรถในซองแคบๆ ครับ วัสดุที่นำมาสร้างเจ้า i8 นี่ก็ล้ำเหลือเกิน ตัวถังรถเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ อลูมีเนียม เพื่อให้ตัวรถมีน้ำหนักเบาที่สุด อย่างประตูปีกนก ทำจากวัสดุพิเศษซึ่งจะมีน้ำหนักเบากว่าประตูแบบปกติถึง 50% ขณะที่น้ำหนักทั้งคันของเจ้า i8 นั้นเบากว่า BMW ซีรี่ส์ 6  ที่เป็นรถสปอร์ต 2 ประตูเช่นเดียวกันถึง 30% ทีเดียว เข้ามาในห้องโดยสารของ i8 ต้องยอมรับว่าวูบวาบตระการตาพอสมควร แต่เมื่อมองการวางตำแหน่งอุปกรณ์ ปุ่มบังคับทั้งหลายแล้วคุ้นตาไม่น้อย ยังคล้ายคลึงกับ BMW รุ่นอื่น ส่วนวัสดุภายใน i8 นั้น  แน่นอนครับเน้นที่ความหรูหราทันสมัย เส้นทางการทดลองขับของเรามุ่งไปที่เมือง Franciacorta ด้วยระยะทางกว่า 200 กิโลเมตร ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง เพื่อพิสูจน์กำลังเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบคู่ กับมอเตอร์ไฟฟ้าแรงม้าสูงถึง 362 แรงม้านั้น จะเป็นอย่างไร ช่วงแรกของการออกตัวเป็นไปอย่างช้าๆ แต่นุ่มนวล ทำให้รู้เลยว่าตอนนี้ i8 กำลังถูกขับเคลื่อนด้วยระบบมอเตอร์ไฟฟ้า 100% ช่วงแรกของการขับ ต้องผ่ากลาง Milan ในช่วงเช้าของวันพฤหัสบดี ที่รถราขวักไขว่เหลือเกิน ทำให้ผมปรับโหมดการขับเป็น e-Drive หรือใช้ไฟฟ้า 100% ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า และแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน ให้กำลังสูงสุดถึง 129 แรงม้า บอกได้เลยว่าสุดยอดกับอัตราเร่งที่เหลือเชื่อ เพราะแรงบิดสูงสุดของรถไฟฟ้านั้น เริ่มทำงานตั้งแต่รอบเครื่องยนต์ที่ 0 รอบ สามารถออกตัวแซงรถทุกคันที่อยู่บนถนนได้สบายๆ ที่สำคัญเราสามารถขับ i8 ด้วยพลังงานไฟฟ้าได้ไกลถึง 35 กิโลเมตร ด้วยความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อถึงย่านกลางเมือง ผมปรับโหมดการขับเป็น COMFORT เพื่อขอดูการทำงานของเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ ขนาด 1.5 ลิตรเทอร์โบคู่ ที่แรงที่สุดของ BMW เพราะให้แรงม้ามากถึง 228 แรงม้า แต่น่าเสียดายที่ i8 ใช้ระบบเกียร์อัตโนมัติรุ่นเก่าคือ 6 สปีด ไม่ใช่ 7 สปีด ซึ่งผมถือว่าเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดนี้เป็นสิ่้งที่ล้าสมัยที่สุดในตัว i8 แต่หากมองในเรื่องการใช้งานไม่ขี้เหร่ครับ เพราะเจ้าเกียร์ 6 สปีดนี้ก็ยังให้ความนุ่มนวล และตอบสนองการเปลี่ยนเกียร์ในแต่ละรอบความเร็วได้ดีทีเดียว ความสนุกในการขับเริ่มมีมากขึ้น อัตราเร่งตอบสนองได้อย่างที่ใจคิด เพราะมีทั้งกำลังที่มาจากเครื่องยนต์และแบตเตอรี่มาช่วย โดยกำลังของเครื่องยนต์จะถ่ายทอดไปยังล้อหลัง ส่วนกำลังของแบตเตอรี่ จะถ่ายทอดไปที่ล้อหน้า ทำให้ i8 นั้นเปรียบเสมือนมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อเช่นกัน
Forbes Fact
  • BMW i8 สูงจากพื้นถนนเพียง 46 ซม.
  • ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานของ BMW i8 อยู่ที่ 0.26 เท่านั้น
  • ในเยอรมนี มีรถยนต์เพียง 5% เท่านั้น ที่มีแรงม้ามากกว่า 150 แรงม้า
  • ความเร็ว 4.4 วินาที ที่ BMW i8 ทำความเร็วได้ 100 กม./ชม.นั้น เท่ากับเวลาที่เจมส์ บอนด์สั่ง "Vodka Martini, Shaken, Not Stirred"
  • 893,350 กม. คือความพยายามของเส้นไมโครไฟเบอร์ ที่นำมาผลิต BMW i8 หรือเท่ากับระยะทางระหว่างโลกกับดวงจันทร์ 2.3 รอบ
  "ปิศาจ" ค่าตัว 11 ล้านบาท เส้นทางที่ขับนั้นมีมีทุกเส้นทางให้ได้ลองสมรรถนะ และเมื่อเข้าสู่ highway ผมปรับโหมดการขับเป็น SPORT เพื่อพิสูจน์ความเป็นตัวตนที่แท้จริงของ BMWi8 กับ 362 แรงม้า และมีแรงบิดที่ 570 นิวตันเมตร โอ้ว... นี่มันปีศาจชัดๆ ผมกระชับมือกับพวงมาลัยให้แน่นขึ้น และทันทีที่แตะคันเร่งเบาๆ หลังติดเบาะทันที คุณจะรู้สึกถึงแรง G ที่กระชากคุณในทันที ผมเริ่มผ่อนคันเร่งเมื่อตัวเลขบอกความเร็วเกินเลข 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แค่นี้ก็รู้แล้วว่า i8 นั้่นปีศาจแค่ไหน การทรงตัวอยู่ในเกณฑ์ยอดเยี่ยม เสียงเครื่องยนต์ดุดันใช้ได้ เพราะเป็นเสียงที่แต่งขึ้นจากภาคขยายเสียงอยู่ภายในเครื่องยนต์ ต้องยอมรับว่า BMW i8 คันนี้ ไม่เป็นรองใครในเรื่องของการออกแบบและพละกำลัง แต่ที่สุดๆ คืออัตราสิ้นเปลืองอยู่ที่ 2.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 40 กิโลเมตรต่อลิตร ที่ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเสียด้วย และนี่เป็นสิ่งที่ BMW ต้องการพิสูจน์ว่าสามารถสร้างรถยนต์ที่ผสมผสานความแรงและความประหยัดเอาไว้ด้วยกัน BMW i8 คือรถยนต์ที่เป็นทิศทางแห่งอนาคต ที่ BMW AG ต้องการพิสูจน์ให้โลกได้รู้ว่า หากกล้าเดินตามฝันก็ทำได้ เพราะเขาได้ทลายกำแพงของความเป็นไปไม่ได้ โดยแทนที่ด้วยความเป็นไปได้ใน BMW i8 คันนี้ สำหรับในประเทศไทย BMWi8 คันแรกจะเดินทางมาถึงในช่วงปลายปีนี้ ด้วยสนนราคาประมาณไว้ที่คันละ 11 ล้านบาท โดยปัจจุบันมีเศรษฐีไทยควักกระเป๋าจองกันแล้วถึง 50 คัน ซึ่งคาดว่ากว่าจะส่งมอบรถได้หมดต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี
ข้อมูลเทคนิค BMW i8 เครื่องยนต์: เบนซินขนาด 1.5 ลิตร ทวินเทอร์โบและมอเตอร์ไฟฟ้า กำลังสูงสุด: 231 แรงม้า (เครื่องยนต์), 131 แรงม้า (มอเตอร์ไฟฟ้า) อัตราสิ้นเปลือง: 12-14 กิโลเมตร/ลิตร ความเร็วสูงสุด: 45 กิโลเมตร/ลิตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง: 4.4 วินาที ราคาจำหน่าย: 11 ล้านบาท