ธุรกิจบริการทางการเงินของสหรัฐฯ มูลค่า 1.7 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างครั้งใหญ่ที่เปรียบได้กับการเกิดสึนามิทางเทคโนโลยี ซึ่งจะทำให้รูปแบบการออม การลงทุน การใช้จ่าย และการกู้ยืมของเราทั้งหลายเปลี่ยนโฉมไปจากเดิม
จากข้อมูลของ Accenture เม็ดเงินที่ไหลไปลงทุนในกิจการสตาร์ทอัพด้านฟินเทคทั้งโลกในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 1.89 หมื่นล้านเหรียญ จาก 1.76 หมื่นล้านเหรียญในช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงไม่น่าแปลกใจที่ปีนี้ มีบริษัทใหม่ถึง 22 บริษัทเพิ่มเข้ามาในการจัดอันดับ 50 สุดยอดฟินเทคซึ่งเราจัดทำขึ้นเป็นปีที่สอง โดยคัดมาจากกิจการสตาร์ทอัพที่เข้าข่าย 300 แห่ง ซึ่งจะต้องมีธุรกิจอยู่ในสหรัฐฯ แต่ไม่จำเป็นต้องมีสำนักงานใหญ่ในสหรัฐฯ โดยการจัดอันดับของเรารอบนี้ไม่รวมบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และบริษัทในเครือ โดยทีม Forbes Thailand ได้คัดเลือก 6 ฟินเทคที่โดดเด่นมา ณ ที่นี้ Affirm รัฐ San Francisco บริการชำระเงิน+กู้ยืม ให้บริการสินเชื่อกับนักช็อปในการซื้อของออนไลน์ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยปีละ 10-30% ทั้งนี้ เพื่อช่วยลูกค้ายุคใหม่สร้างประวัติเครดิต เมื่อไม่นานมานี้ Affirm จึงได้เริ่มส่งรายงานประวัติการชำระหนี้ของลูกค้าให้กับเครดิตบูโร ผลงาน: มีผู้ค้าที่ร่วมเป็น “พันธมิตร” ถึงกว่า 800 ราย รวมถึง Expedia และ Eventbrite ด้วย ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ: Max Levchin อายุ 41 ปี เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง PayPal และอดีตประธานของ Yelp แหล่งเงินทุน: 425 ล้านเหรียญ (ส่วนหนึ่งเป็นเงินกู้) จาก Founders Fund, Spark Capital, Jefferies, Andreessen Horowitz ฯลฯ เป็นความเสี่ยงต่อ: ธุรกิจบัตรเครดิต และการเจาะตลาดสหรัฐฯ ของ Klarna Cadre รัฐ New York City บริการการลงทุน+ศูนย์กลางระดมฝูงชน แพลตฟอร์มสำหรับผู้ที่ได้รับเชิญเท่านั้น ซึ่งจะตัดนายหน้าตัวกลางออกไป ทำให้ค่าธรรมเนียมลดลงสำหรับนักลงทุนประเภทมูลค่าทรัพย์สินสุทธิสูง และนักลงทุนสถาบันที่จะเข้าซื้อหุ้นของอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ที่เป็นของกลุ่มตระกูลธุรกิจ ผลงาน: ประธานคณะกรรมการพิจารณาการลงทุนคืออดีต CEO ของ Vornado และอดีตหัวหน้าส่วนงานปฏิบัติการด้านอสังหาริมทรัพย์ของ Goldman Sach ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ: Ryan Willams อายุ 28 ปี อดีตพนักงานของ Goldman Sachs และ Black Stone (Jared Kushner ลูกเขยของ Trump เป็นผู้ร่วมก่อตั้งด้วย) แหล่งเงินทุน: 68.3 ล้านเหรียญจาก Goldman Sachs, Founders Fund, Jack Ma แห่ง Alibaba, มหาเศรษฐี Yuri Milner ฯลฯ เป็นความเสี่ยงต่อ: กองทุนที่ลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ และนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ Ellevest เมือง New York City บริการการลงทุน+สินเชื่อส่วนบุคคล เว็บไซต์ robo-advisor รุ่นที่สองที่ออกแบบมาโดยผู้หญิงและเพื่อผู้หญิงโดยเฉพาะ Ellevest คิดค่าธรรมเนียมรายปี 0.5% ของมูลค่าสินทรัพย์ (แพงกว่า Betterment หนึ่งเท่าตัว) สำหรับบริการบริหารจัดการพอร์ต ETF ส่วนตัว โดยจะทำการซื้อ และปรับพอร์ตแบบอัตโนมัติโดยอิงจากเป้าหมายการลงทุน บนหน้าเว็บที่ออกแบบอย่างเรียบหรูไม่มีแบบสอบถามเรื่องความเสี่ยงที่นักลงทุนยอมรับได้ ซึ่ง Ellevest อ้างว่าไม่ได้ช่วยอะไรสักเท่าไหร่ ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ: Sallie Krawcheck อายุ 52 ปี เคยเป็นผู้บริหารระดับสูงของ Merrill Lynch, Smith Barney และ Citi Wealth Management แหล่งเงินทุน: 19 ล้านเหรียญจาก Morningstar, Khosla Ventures และคนดังอย่างนักเทนนิสหญิง Venus Williams และ Mohamed El-Erian ผู้บริหารสูงสุดของ Pimco เป็นความเสี่ยงต่อ: ที่ปรึกษาการเงิน Metromile รัฐ San Francisco บริการสินเชื่อส่วนบุคคล ให้บริการประกันภัยที่มีวิธีการคำนวณเบี้ยแบบใหม่ ซึ่งทั้งต่ำ เท่ากันทุกเดือน และคิดตามระยะทางที่ขับ โดยจะมีการติดอุปกรณ์เล็กๆ ไว้ในรถเพื่อติดตามข้อมูลการขับ โดย Metromile บอกว่าบริการของบริษัทสามารถช่วยให้ผู้ขับขี่ในเมือง ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ใช้รถน้อยสามารถประหยัดเบี้ยประกันไปได้เฉลี่ยปีละ 500 เหรียญ หลังจากที่บริษัทได้เข้าไปซื้อกิจการของบริษัทประกันแบบดั้งเดิมแล้ว Metromile ก็สามารถที่จะพิจารณารับประกัน และดำเนินกระบวนการจ่ายค่าสินไหมได้เองภายในบริษัท และกำลังวางแผนที่จะขยายสาขาออกไปอีกจากปัจจุบันที่มีสาขาอยู่ในเจ็ดรัฐ ผลงาน: จับมือกับ Uber เพื่อให้บริการประกันที่คุ้มครองผู้ขับตามระยะทางที่ขับ ผู้ก่อตั้ง & ประธาน: David Friedberg อายุ 36 ปี เขาเป็นผู้ก่อตั้งกิจการ The Climate Corp ซึ่งเป็นบริษัทประกันสภาพภูมิอากาศสำหรับเกษตรกร เขาขายกิจการนี้ให้กับ Monsanto ไปในปี 2013 ที่ราคา 930 ล้านเหรียญ แหล่งเงินทุน: 205.5 ล้านเหรียญจาก Friedberg, Mark Cuban, New Enterprise Associates, Index Ventures ฯลฯ เป็นความเสี่ยงต่อ: Progressive, Geico และ บริษัทประกันภัยรถยนต์แบบดั้งเดิม Personal Capital เมือง San Carlos รัฐ CA บริการการลงทุน+สินเชื่อส่วนบุคคล บริการที่ปรึกษาทางการเงินแบบ “robo-hybrid” ซึ่งผสมผสานการบริหารพอร์ตโดยใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ และการให้คำแนะนำทางการเงินโดยเจ้าหน้าที่ (ผ่านโทรศัพท์ อีเมล์ และวิดีโอ) โดยคิดค่าธรรมเนียมรายปี 0.89% ของมูลค่าทรัพย์สินสำหรับเงิน 1 ล้านเหรียญแรก โดยมีกำหนดเงินลงทุนขั้นต่ำ 25,000 เหรียญ สำหรับบัญชีของลูกค้ารายใหญ่ที่สามารถหักภาษีได้ Personal Capital ได้สร้างพอร์ตการลงทุนหุ้นรายตัวที่ล้อกับ index fund ซึ่งจะเปิดโอกาสให้ลูกค้าสามารถสามารถใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีได้มากที่สุด ในปัจจุบัน มีลูกค้าที่จ่ายเงินซื้อบริการ ของ Personal Capital อยู่ 10,000 ราย แต่มีลูกค้ารออยู่ข้างหน้าอีกเพียบ เพราะในปัจจุบันมีคนถึง 1.2 ล้านคนที่ใช้เครื่องมือที่บริษัทเปิดให้ใช้ได้ฟรีในการติดตามผลตอบแทนจากการลงทุนมูลค่า 2.7 แสนล้านเหรียญ ผลงาน: บริหารจัดการหลักทรัพย์มูลค่ารวมกว่า 3 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นถึง 60% จากปลายปี 2015 ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ: Bill Harris อายุ 60 ปี อดีต CEO ของ Intuit และ PayPal แหล่งเงินทุน: 175.3 ล้านเหรียญจาก IGM Financial, BlackRock, BBVA, USAA ฯลฯ เป็นความเสี่ยงต่อ: ที่ปรึกษาการเงิน และ robo-advisor Stripe รัฐ San Francisco บริการชำระเงิน+ธุรกิจรายย่อย บริการแบบ plug-in ของ Stripe ช่วยให้การชำระเงินออนไลน์ทำได้สะดวกขึ้น ผลงาน: มีการประเมินมูลค่ากิจการไว้ที่ 5 พันล้านเหรียญ โดยมีการประเมินว่าบริษัทได้ให้บริการชำระเงินในธุรกรรมต่างๆ สูงถึงปีละ 2 หมื่นล้านเหรียญ และสร้างรายได้ให้กับบริษัท 450 ล้านเหรียญ นอกจากนี้บริษัทยังได้จับมือเป็นพันธมิตรกับ Visa, Apple และ Alipay ด้วย ผู้ก่อตั้ง: สองพี่น้องชาวไอริช Patrick Collison อายุ 28 ปี และ John Collison อายุ 26 ปี แหล่งเงินทุน: 300 ล้านเหรียญจาก Sequoia Capital, Andreessen Horowitz, Peter Thiel ซึ่งเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Paypal, Max Levchin และ Elon Musk ฯลฯ เป็นความเสี่ยงต่อ: PayPal และผู้ให้บริการด้านการชำระเงินแบบดั้งเดิมแก่บัตรเครดิตคลิ๊กอ่านการจัดอับ 50 บริษัทฟินเทคและเรื่องราวทางด้านธุรกิจที่น่าสนใจ ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ มกราคม 2560