ทายาทรุ่น 4 จากตระกูลอรรถกระวีสุนทร ขอพิสูจน์ฝีมือในฐานะผู้พัฒนาอสังหาฯ หน้าใหม่ที่เลือกฉีกตัวด้วยโครงการ The Strand Thonglor มูลค่า 5.5 พันล้านบาท ซึ่งมุ่งตอบโจทย์ลูกค้าทั้งด้านที่พักอาศัยและการลงทุน ที่ ชวิน อรรถกระวีสุนทร หวังปั้นให้เป็นหนึ่งใน boutique project ที่บริษัทมุ่งพัฒนาเพื่อลูกค้าที่ใช้ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ระดับไฮเอนด์
The Strand Thonglor มูลค่า 5.5 พันล้านบาท คือผลงานแรกที่เจ้าของกิจการหนุ่มวัย 28 ปี ชวิน อรรถกระวีสุนทร กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ จำกัด ผสานมือกับ ธัญทิพ เจียรวนนท์ ประธานบริหาร และผู้ก่อตั้ง ซึ่งมีจุดหมายร่วมกันที่ต้องการสร้างธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ซึ่งสร้างสรรค์โครงการที่ฉีกจากกฎเกณฑ์เดิมในรูปแบบของ boutique project ที่สามารถกำเนิดได้ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เพียงแต่ขอให้เป็นทำเลที่เหมาะสมและลงตัวสำหรับลูกค้าที่ใช้ชีวิตแบบคนรุ่นใหม่ และที่สำคัญคืออยากให้ตลาดเอเชียให้การยอมรับว่าโครงการของบริษัทเป็นผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์ที่มีความโดดเด่นแต่ไม่เน้นที่จำนวนโครงการในฐานะน้องใหม่ของแวดวงอสังหาฯ บริษัท 1.6 ดีเวล็อปเม้นต์ จึงตัดสินใจพัฒนาโครงการโดยร่วมทุนกับบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หรือ MQDC ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลเจียรวนนท์ ที่ชวินแจ้งกับ Forbes Thailand ว่ายังไม่สามารถเปิดเผยทั้งอัตราส่วนการร่วมทุนและเม็ดเงินที่ลงขันเพื่อแจ้งเกิดโครงการนี้ “ผมเคยมีความคิดที่จะกลับไปช่วยธุรกิจของครอบครัว โดยเฉพาะในเรื่องการลงทุนและการหาพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เข้าไปอย่างจริงจัง พอดีกับที่คุณธัญญ่า (ธัญทิพ เจียรวนนท์) มาชวนจึงตัดสินใจมาลงทุนทำกิจการของตัวเองแทน โดยที่ทางครอบครัวก็มีส่วนสนับสนุนส่วนหนึ่งและเงินเก็บของผมเองด้วย” The Strand Thonglor ที่ชวินคาดว่าจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการช่วงไตรมาส 3 ของปี 2561 นั้น ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 1-2-46 ไร่ หรือ 2,548 ตร.ม. ตั้งอยู่ต้นซอยสุขุมวิท 55 (ทองหล่อ) โดยวางคอนเซ็ปท์เป็นคอนโด high rise ระดับลักชัวรี่ครบวงจร บนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “The Smart Difference: แตกต่างอย่างชาญฉลาด” เน้นใช้วัสดุคุณภาพระดับพรีเมียมที่เรียบง่าย แต่ยึดถือเรื่องงานฝีมือของช่างรวมถึงตกแต่งเพิ่มเติมด้วยงานศิลปะต่างๆ “ไม่เพียงเท่านั้น ในแง่ของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ยังเสริมบริการในรูปแบบของโรงแรมเพิ่มขึ้น พร้อมด้วยอุปกรณ์ที่เป็น smart technology” ส่วนต้นสายปลายเหตุที่เลือกย่านทองหล่อก็เพราะทำเลยังเป็นปัจจัยสำคัญมากต่อการตัดสินใจ ทองหล่อยังมีดีมานด์จากชาวไทยและต่างชาติสูง ทั้งเพื่อการอยู่อาศัยเองและเพื่อการลงทุน โดยเฉพาะจากการศึกษาข้อมูลทั้งจากผู้บริโภคและตลาดที่อยู่อาศัย พบว่าปัจจุบันไลฟ์สไตล์คนทำงานรุ่นใหม่ต้องการความสะดวกสบายที่เพิ่มมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านที่พักอาศัย การใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงานหรือไลฟ์สไตล์ส่วนตัว รวมไปถึงการเดินทางที่แต่ละวันหมดไปอย่างรวดเร็วเพราะการจราจรติดขัดในเมืองใหญ่ดังนั้นทำเลในการเลือกที่พักอาศัยจึงเป็นปัจจัยหลักในการตัดสินใจของผู้บริโภค นอกจากนี้ ชวินมองว่า “ทองหล่อ” ไม่ได้เป็นแค่เพียงทำเลทองของย่านธุรกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งรวมของความบันเทิงที่สามารถตอบสนองวัฒนธรรมคนยุคใหม่ได้อีก ด้วยปัจจัยบวกดังกล่าวจึงส่งผลให้ทำเลนี้มีความต้องการในเรื่องที่อยู่อาศัยค่อนข้างสูงจากผู้บริโภคทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ไม่ว่าจะต้องการเลือกซื้อเพื่อการอยู่อาศัยเองและเพื่อการลงทุนที่สำคัญในฐานะน้องใหม่ของวงการ บริษัทจึงต้องทำการบ้านค่อนข้างหนัก เพื่อให้โครงการมีความแตกต่างไปจากโครงการอื่นๆ บนทำเลเดียวกัน ซึ่งถือเป็นความท้าทายที่จะต้องก้าวข้ามผ่านไปให้ได้และจากประสบการณ์ในการใช้ชีวิตอยู่ที่ทำเลนี้ จึงทำให้เข้าใจถึงก่อโครงการที่ฉีกกฎธรรมชาติของผู้บริโภคที่ต้องการอยู่อาศัยในย่านทองหล่อ ซึ่งถือเป็นกลุ่มเป้าหมายหลัก “เราอยากทำให้เป็นโครงการ mixed-use ที่ตอบโจทย์ลูกค้าของเราสามารถใช้ชีวิตในแบบพึงพอใจที่ครอบคลุมทั้ง work, eat, socialize และ sleep ได้ โดยไม่ต้องเดินทางออกนอกโครงการ และคาดหวังว่าในระยะแรกน่าจะขายได้ไม่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดที่70% ของทั้งโครงการ” ทั้งนี้ ชวินคือทายาทรุ่น 4 ของคุณหญิงหลงอรรถกระวีสุนทร ผู้บริจาคที่ดินเพื่อก่อสร้างมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ รวมไปถึงโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อีกทั้งปัจจุบันยังเป็นครอบครัวนักธุรกิจที่พัฒนาโครงการย่านสุขุมวิทและพระราม 4 ที่หลายๆ คนรู้จักดีไม่ว่าจะเป็นอาคารสำนักงานมโนรม, K-Village, A Square หรือแม้แต่ Suan Plern Market ด้วยพื้นฐานจากธุรกิจครอบครัวและประสบการณ์หลายแง่มุมจากสายอาชีพวาณิชธนกร (ที่ปรึกษาทางการเงิน) ที่ JP Morgan ประเทศไทย ทำให้ตัวเขาตกลงใจที่จะร่วมลงขันบุกเบิกกิจการพัฒนาอสังหาฯ ที่ปลุกปั้นจากน้ำพักน้ำแรงของตน และสามารถสร้างสรรค์โครงการได้ดังใจโดยไม่ติดกับกรอบเดิมของครอบครัวเมื่อเอ่ยถึงคุณทวดหรือคุณหญิงหลงว่าแม้จะไม่ใช่เป็นสตรีที่ได้รับการศึกษาสูง แต่ก็สนใจศึกษาหาความรู้ในการทำธุรกิจและการที่ได้มีโอกาสย้ายตามสามีที่เป็นข้าราชการไปยัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ก็เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ให้เริ่มสะสมที่ดินหลายผืนและริเริ่มธุรกิจต่างๆ เช่น เหมือง โรงแรม เป็นต้น และจากการตั้งต้นธุรกิจในยุคของคุณทวดได้ถ่ายทอดต่อมายังคุณปู่ (อาจ อรรถกระวีสุนทร) ในเวลาต่อมา จึงเป็นอีกหนึ่งประกายที่ทำให้ชวินมีความสนใจในธุรกิจอสังหาฯ หากถามว่าได้เรียนรู้เรื่องธุรกิจอสังหาฯ จากครอบครัวมาอย่างไร ชวินเล่าว่าคุณปู่ทำงานร่วมกับคุณหญิงหลงมาตั้งแต่แรกในหลากหลายรูปแบบโครงการไม่ว่าเป็นที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน และอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ “สิ่งที่คุณปู่ถ่ายทอดวิชาให้คือ ต้องไปดูงานและลงรายละเอียดทุกระบบและทุกขั้นตอนด้วยตัวเองทั้งหมด เพื่อให้มั่นใจว่าโครงการของเราเป็นผลิตภัณฑ์ที่ยืนยาวและดีที่สุดที่เราสามารถทำให้แก่ลูกค้าได้”คลิกอ่านบทความการสร้างธุรกิจ ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ พฤษภาคม 2561 ในรูปแบบ e-Magazine