<h2>Steward Butterfield ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Slack แพลตฟอร์มสำหรับติดต่อสื่อสารในการทำงาน ถูก Salesforce ประกาศเข้าซื้อกิจการที่มูลค่า 2.77 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้มหาเศรษฐีพันล้านรายนี้มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นกว่า 200 ล้านเหรียญ จากการคำนวณของ Forbes</h2>
<img class="alignnone wp-image-38320" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/slack.jpg" alt="Steward Butterfield" width="720" height="360" />
สำหรับ<a style="color: #333333;" href="https://www.salesforce.com/news/press-releases/2020/12/01/salesforce-definitive-agreement-update/">ดีลการเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้</a> อยู่ภายใต้ข้อตกลงที่ว่า Salesforce จะจ่ายเงินสดที่มูลค่า 26.79 ต่อ 1 หุ้น Slack อีกทั้งผู้ถือหุ้นใน Slack จะได้รับหุ้นของ Saleforce ที่อัตราส่วน 0.076 หุ้นต่อ 1 หุ้น Slack เช่นกัน
ปัจจุบัน Steward Butterfield ถือหุ้นของ Slack ในสัดส่วนมากถึง 39 ล้านหุ้น และเมื่อดีลนี้เป็นที่สิ้นสุด เขาจะมีหุ้นของ Salesforce ถึง 3 ล้านหุ้นอยู่ในครอบครอง ซึ่งคิดเป็นมูลค่าราว 725 ล้านเหรียญ (ล่าสุด มูลค่าหุ้นของบริษัทซอฟแวร์รายใหญ่แห่งนี้ที่เคยเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อยละ 50 ในปีที่ผ่านมา มีมูลค่าปิดตลาด ณ วันที่ 1 พฤศจิกายน 2020 ที่ 247.35 เหรียญ)
ยิ่งไปกว่านั้น Butterfield ยังจะได้รับเงินสดมูลค่า 1 พันล้านเหรียญจากการถือหุ้นใน Slack ซึ่งเขามีแนวโน้มว่าจะต้องเสียภาษีให้ทั้งรัฐบาลกลางและรัฐ California ราว 660 ล้านเหรียญ และ 390 ล้านเหรียญตามลำดับ บวกกับอีก 67 ล้านเหรียญที่ Butterfield ได้จากการขายหุ้น Slack กว่า 3 ล้านหุ้น ส่งผลให้เขามีมูลค่าทรัพย์สินราว 1.45 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากทรัพย์สินที่มีเมื่อสัปดาห์ที่แล้วถึง 235 ล้านเหรียญ ซึ่งจากข้อมูล ณ วันที่ 24 พฤศจิกายน 2020 ระบุว่า Butterfield มีมูลค่าทรัพย์สินราว 1.2 พันล้านเหรียญ
ขณะที่ ข่าวลือการเจรจาเข้าซื้อกิจการ Slack ที่ออกมาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ได้ส่งผลให้มูลค่าหุ้นของ Slack ณ วันที่ 25 พฤศจิกายน 2020 เพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 37 ทั้งที่ก่อนหน้านี้มูลค่าหุ้นของบริษัทดังกล่าว ไม่ได้มีการปรับตัวโดดเด่นเทียบเท่าหุ้นเทคโนโลยีตัวอื่นๆ อย่าง Zoom, Netflix และ Peloton จึงกล่าวได้ว่าการปรับตัวในครั้งนี้รวดเร็วกว่าที่<a style="color: #333333;" href="https://www.wsj.com/articles/salesforce-has-held-talks-to-buy-slack-technologies-11606326392?mod=article_inline"> The Wall Street Journal </a>จะออกมารายงานอย่างเป็นทางการเสียอีก


<figure><img class="wp-image-38329" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/12/Banioff.jpg" alt="Steward Butterfield" width="720" height="405" /><figcaption> Marc Benioff ประธานกรรมการบริหาร Salesforce</figcaption></figure>
ทั้งนี้ การเข้าซื้อกิจการของ Slack นับเป็นการเข้าซื้อกิจการครั้งที่ 3 ในรอบ 2 ปีของ Salesforces หลังจากที่ทางบริษัทได้เข้าซื้อ Tableu เครื่องมือที่จะช่วยให้องค์กรสามารถเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลขององค์กรได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย และ MuleSoft แพลตฟอร์มที่ใช้เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างแอปพลิเคชันยอดนิยมเข้าด้วยกัน
โดยการผนึกกำลังร่วมกับ Slack ในครั้งนี้ Marc Benioff ซีอีโอของ Salesforce คาดว่าจะช่วยสร้างโลกใหม่ของซอฟแวร์องค์กร และเปลี่ยนวิธีการทำงานของผู้คนในยุคดิจิทัลให้สามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้ ท่ามกลางข้อท้าทายของ Salesforce ที่จะต้องขยายฐานลูกค้าและศักยภาพของ Slack ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น จากการนำบริการของ Slack มาเชื่อมต่อกับบริการของ Salesforce Cloud 
แปลและเรียบเรียงโดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค จากบทความ Salesforce Deal Lifts Slack CEO's Fortune By More Than $200 Million เผยแพร่บน forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/gustavo-sapoznik-%e0%b8%9b%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%9e%e0%b8%99%e0%b8%b1%e0%b8%81%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%88%e0%b8%89%e0%b8%a3%e0%b8%b4%e0%b8%a2%e0%b8%b0%e0%b8%94.html">Gustavo Sapoznik ปั้นพนักงานอัจฉริยะด้วย AI</a>

&nbsp;

Salesforce ปิดดีล Slack ด้าน Steward Butterfield ซีอีโอ Slack รวยขึ้นกว่า 200 ล้าน

<h2>การระบาดของโควิด-19 ทำโลกกลับตาลปัตร ผู้คนไม่กล้าพบกันซึ่งๆ หน้า การบริการด้านสุขภาพจิตยิ่งเป็นเรื่องยากยิ่งกว่าเดิมเมื่อไม่สามารถนัดหมายได้และกลับเป็นเหตุให้ Meru Health สตาร์ทอัพด้านสุขภาพจิต ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 8.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อสร้างการบำบัดสุขภาพจิตจากที่ไหนก็ได้บนโลกนี้</h2>
Meru Health สตาร์ทอัพจากเมือง San Mateo รัฐ California ที่ให้บริการด้านการรักษาด้านสุขภาพจิตให้กับคนไข้ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ จบการระดมทุนในรอบซีรี่ส์เอ โดยมี Foundry Group เป็นผู้ลงทุนในสัดส่วนใหญ่ซึ่งสไตล์การลงทุนของ Foundry Group จะมองหาสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าราว 30-40 ล้านเหรียญฯ เป็นหลัก

“Meru  คือส่วนที่สำคัญที่จะพา Foundry Group เข้าไปลงทุนซึ่งเกี่ยวข้องกับสาธารณสุข” Brad Feld จาก Foundry Group กล่าว ถึงการลงทุนในสตาร์ทอัพแห่งนี้ ซึ่งนอกจาก Foundry Group การลงทุนรอบซีรี่ส์เอนี้มีนักลงทุนจาก และ Slack และ Bold Capital เข้าระดมทุนด้วยเช่นกัน

ซึ่งที่ผ่านมา Meru Health ได้รับเงินระดมทุนอย่างต่อเนื่องอย่างการระดมทุนเมื่อเมษายน 2019 ในรอบ Seed Funding พวกเขาได้รับเงิน 4.2 ล้านเหรียญฯ จากกลุ่มนักลงทุน Freestyle Capital, Bonit Capital, Y Combinator, Lifeline Ventures และ IT-Farm

<figure><img class="wp-image-29782 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/05/Brad-Feld.jpg" alt="" width="600" height="394" /><figcaption> Brad Feld จาก Foundry Group</figcaption></figure>

ท่ามกลางผลกระทบของการระบาดจากทั่วโลก สตาร์ทอัพแห่งนี้ดึงดูดนักลงทุนมากที่สุดในปีนี้เมื่อเปรียบเทียบกับเพื่อนๆ สตาร์ทอัพที่ให้บริการที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิต ขณะที่ไตรมาสแรกของปี 2020 สตาร์ทอัพด้านที่ปรึกษาสุขภาพจิตได้รับการลงทุน 30 ครั้งคิดเป็นเงินระดมทุนกว่า 462 ล้านเหรียญฯ ขณะที่ปี 2019 ตลอดทั้งปีสตาร์ทอัพกลุ่มที่ให้บริการด้านสุขภาพนี้ได้รับเงินระดมทุนถึง 750 ล้านเหรียญฯ จากเปิดเผยของ What If Ventures บริษัทลงทุนที่โฟกัสการลงทุนในกลุ่มสตาร์ทอัพด้านสุขภาพ

บริษัทหลายๆ แห่งเริ่มขยับตัวและมองหาการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแพทย์ไม่ว่าจะเป็น "การรักษาทางไกล" หรือ "การให้บริการด้านการแพทย์ผ่านออนไลน์" เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Headspace ธุรกิจที่ให้บริการทางการแพทย์ผ่านแอปพลิเคชัน ที่ตั้งอยู่ที่ Los Angeles ได้รับเงินระดมทุนเป็นจำนวน 93 ล้านเหรียญฯ โดยแอปพลิเคชันของพวกเขามีสมาชิกแบบเสียเงินค่าสมัครมากกว่า 1 ล้านราย ขณะที่ Lyra สตาร์ทอัพอีกรายซึ่งตั้งอยู่ที่ San Francisco ก็ได้รับเงินระดมทุนจำนวน 75 ล้านเหรียญฯ เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาเช่น

Meru Health ก่อตั้งเมื่อปี 2016 เปิดให้บริการออนไลน์กับคนไข้ที่เข้ารับการบำบัดหลักสูตร 12 อาทิตย์ ด้วยการบำบัดภาวะความเครียด ความกดดัน ความกังวลและมูลเหตุอื่นๆ ที่กระทบกับจิตใจ ซึ่งที่จะก่อตั้ง Meru Health แห่งนี้ Kristian Ranta ผู้ก่อตั้งและซีอีโอผู้นี้ผ่านประสบการณ์สร้างสตาร์ทอัพด้านการแพทย์มาแล้วหลายแห่ง แต่หลังการสูญเสียพี่ชายซึ่งป่วยด้วยโรคภาวะซึมเศร้าและเสียชีวิตต่อมาด้วยการทำอัตวิบากกรรม ทำให้ Ranta เริ่มต้นก่อตั้ง Meru Health ขึ้นมา “ผมต้องการให้คนทั่วไปสามารถเข้าถึงการรักษาบำบัดทางจิตที่ดีกว่าที่อยู่”

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-29783" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/05/สตาร์ทอัพด้านสุขภาพจิต-02.jpg" alt="" width="600" height="335" />

บริการของ Meru Health แตกต่างการบริการแบบดั่งเดิมเพราะคนไข้ต้องสื่อสารกับนักจิตวิทยาและจิตแพทย์ผ่านการพิมพ์ข้อความและแพลตฟอร์มออนไลน์ของบริษัทเท่านั้น ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มของเขาช่วยให้นักจิตวิทยาของ Meru Health สามารถรักษาคนไข้ได้มากถึง 120 ราย มากกว่าการให้บริการแบบดั่งเดิมที่นักจิตวิทยาสามารถรักษาคนไข้ได้ราว 20 ราย

 Ranta ไม่ได้เปิดเผยผลประกอบการของ Meru Health ให้ฟัง เขาบอกเพียงว่าในช่วงนี้บริษัทยังไม่สามารถทำกำไรเพราะเราอยู่ในช่วงลงทุนและขยายฐานธุรกิจ ซึ่งความสามารถของ Meru Health ในตอนนี้สามารถให้บริการคนไข้ได้ 700 ราย ในขณะที่มีนักจิตวิทยาเพียง 20 ราย โดยคนไข้ที่ส่งมาจากนายจ้าง เป็นผู้ประกันตน และจากการส่งต่อจากสถาบันด้านจิตแพทย์ ซึ่งหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ผ่านพ้น Ranta ประเมินว่าภายในสิ้นปี 2020 Meru Health ให้การรักษาคนที่ราว 1,500 ราย
<ul>
 	<li>คลิกอ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/global/%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%88%e0%b9%80%e0%b8%9f%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%87%e0%b8%9f%e0%b8%b9%e0%b9%83%e0%b8%99%e0%b8%a2%e0%b8%b2%e0%b8%a1-%e0%b9%84%e0%b8%a7%e0%b8%a3.html">14 บริษัทที่ธุรกิจเฟื่องฟูในยาม “ไวรัสโคโรนา” ระบาด</a></li>
</ul>

<hr />

<article id="post-28930" class="post-28930 post type-post status-publish format-standard has-post-thumbnail hentry category-news category-other tag-covid-19 tag-2543 tag-3025 tag-11235">
<div class="body-content post-content-wrap post-detail">

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

</div>
</article>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events