13 อันดับ คนดังผู้ล่วงลับ ที่ทำรายได้สูงสุด ประจำปี 2025 

13 คนดังผู้ล่วงลับ ที่ทำเงินได้มากสุด ปี 2023

<h2><strong>เปิดอันดับ </strong><strong>“13 ดาวดับแสง” ที่ทำรายได้สูงสุดในปี 2020</strong></h2>
เซเลบริตี้ผู้จากไปแล้วเหล่านี้ทำเงินได้หลายล้านเหรียญในแต่ละปี ผ่านทางสินค้าลิขสิทธิ์หลากหลายประเภทและยอดขายต่อเนื่องจากเพลง ภาพยนตร์ และหนังสือ นี่เป็นรายได้ของพวกเขาเมื่อปีที่ผ่านมา

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-46952" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/1.-Michael-Jackson-849x1024.png" alt="" width="300" height="362" />

<strong>อันดับ 1 :  Michael Jackson</strong>

<span style="color: #ff0000;"><strong>48 ล้านเหรียญ</strong></span>

<strong>เสียชีวิต: 25 มิ.ย. 2009 (50 ปี)</strong>

<strong>สาเหตุ: ใช้ยาเกินขนาด/ฆาตกรรม</strong>

สารคดีเชิงวิพากษ์วิจารณ์อย่าง Leaving Neverland ที่ออกอากาศเมื่อปี 2019 ไม่อาจโค่น “ราชาเพลงป๊อป” หล่นจากหมายเลข 1 ลงได้แคตตาล็อก Mijac Music ของ Jackson ซึ่งได้รวบรวมบทเพลงของ Elvis และ Aretha Franklin รวมถึงสัญญาระยะยาวกับ Sony คิดเป็น 70% ของรายได้ทั้งหมดของ Jackson

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-46960" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/2.-Dr.-Seuss-859x1024.png" alt="" width="300" height="357" />

<strong>อันดับ </strong><strong>2 :  </strong><strong>Dr. Seuss</strong>

<span style="color: #ff0000;"><strong>33 ล้านเหรียญ</strong></span>

<strong>เสียชีวิต: 24 ก.ย. 1991 (87 ปี)</strong>

<strong>สาเหตุ: มะเร็ง</strong>

สัญญารายการโทรทัศน์และภาพยนตร์มูลค่า 7 หลักที่มีเข้ามาไม่ขาดสายทำให้อาณาจักร Seussville เจริญรุ่งเรืองขึ้นทันตา อย่างไรก็ตาม หนังสือยังคงเป็นธุรกิจในกลุ่มที่สร้างกระแสรายได้มากที่สุด นับเฉพาะสหรัฐฯ ในปี 2020 เขาทำยอดขาย 6 ล้านเหรียญ

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-46961" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/3.-Charles-Schulz-791x1024.png" alt="" width="300" height="388" />

<strong>อันดับ </strong><strong>3 :  </strong><strong>Charles Schulz</strong>

<span style="color: #ff0000;"><strong>32.5 ล้านเหรียญ</strong></span>

<strong>เสียชีวิต: 12 ก.พ. 2000 (77 ปี)</strong>

<strong>สาเหตุ: มะเร็ง</strong>

รายได้จาก Charlie Brown กับ Snoopy ไม่ได้เล็กเท่าเม็ดถั่วตามชื่อการ์ตูน Peanut โดยในปีการเงินที่สิ้นสุดเมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ผลงานระดับตำนานของ Schulz สร้างรายได้ 110 ล้านเหรียญ ส่วนหนึ่งมาจาก Apple TV+ ซึ่งออกอากาศซีรีส์ใหม่ Snoopy in Space รวมถึงการ์ตูนคลาสสิกอย่าง A Charlie Brown Christmas

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-46962" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/4.-Arnold-Palmer-737x1024.png" alt="" width="300" height="417" />

<strong>อันดับ </strong><strong>4 :  </strong><strong>Arnold Palmer</strong>

<span style="color: #ff0000;"><strong>25 ล้านเหรียญ</strong></span>

<strong>เสียชีวิต: 25 ก.ย. 2016 (87 ปี)</strong>

<strong>สาเหตุ: โรคหัวใจ</strong>

แม้ว่าฤดูกาลแข่งขันกอล์ฟจะต้องปิดฉากลงก่อนกำหนดเนื่องจากการระบาดของโควิด-19 แต่ Arnie’s Army ยังคงดื่มด่ำกับรายได้ที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โปรกอล์ฟเจ้าของฉายา The King มีข้อตกลงทางธุรกิจกับเครื่องดื่มชามะนาวชื่อตัวเองอยู่กับ Arizona Beverages ซึ่งสร้างรายได้มหาศาล อีกทั้งยังมีสัญญากับ Mastercard และร้านค้าปลีกอีกหลายแห่งที่ขายสินค้าที่ระลึกแบรนด์ Arnold Palmer

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-46963" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/5.-Elvis-Presley-702x1024.png" alt="" width="300" height="437" />

<strong>อันดับ </strong><strong>5 :  </strong><strong>Elvis Presley</strong>

<span style="color: #ff0000;"><strong>23 ล้านเหรียญ</strong></span>

<strong>เสียชีวิต: 16 ส.ค. 1977 (42 ปี)</strong>

<strong>สาเหตุ: หัวใจวาย</strong>

ไวรัสโคโรนาสะเทือนอาณาจักร Graceland บ้านของ Elvis ซึ่งพัฒนาขึ้นเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ Memphis ใน Tennessee โดยปกติแล้วพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะทำรายได้กว่า 10 ล้านเหรียญจากรายได้ทั้งหมด แต่ในปีที่ผ่านมาต้องปิดตัวลงเป็นเวลา 2 เดือน ก่อนจะกลับมาเปิดให้บริการได้อย่างไม่เต็มรูปแบบ

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-46964" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/6.-Kobe-Bryant-706x1024.png" alt="" width="300" height="435" />

<strong>อันดับ </strong><strong>6 :  </strong><strong>Kobe Bryant</strong>

<span style="color: #ff0000;"><strong>20 ล้านเหรียญ</strong></span>

<strong>เสียชีวิต: 26 ม.ค. 2020 (41 ปี)</strong>

<strong>สาเหตุ: เฮลิคอปเตอร์ตก</strong>

หลังจากที่ตำนานแห่งทีมบาสเกตบอล L.A. Lakers เสียชีวิตในอุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์เมื่อเดือนมกราคมปีที่แล้ว Nike สามารถจำหน่ายสินค้าที่ระลึกของ Bryant ได้หมดเกลี้ยงหลังจากที่แฟนๆ แห่ซื้อหนังสืออัตชีวประวัติของเขา ทำยอดขายกว่า 300,000 เล่มในปีเดียว

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-46965" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/7.-Juice-WRLD-715x1024.png" alt="" width="300" height="430" />

<strong>อันดับ </strong><strong>7 :  </strong><strong>Juice WRLD</strong>

<span style="color: #ff0000;"><strong>15 ล้านเหรียญ</strong></span>

<strong>เสียชีวิต: 8 ธ.ค. 2019 (21 ปี)</strong>

<strong>สาเหตุ: ใช้ยาเกินขนาด</strong>

การสตรีมมิ่งผลงานของ Rapper Jarad Higgins หรือที่รู้จักกันในชื่อ Juice WRLD ได้รับความนิยมขึ้นมาหลังจากที่เขาเสียชีวิตเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2019 หรือเพียง 9 เดือนหลังจากปล่อยอัลบั้มที่ 2 Death Race for Love ขณะที่อัลบั้ม 3 คือ Legends Never Die เปิดตัวหลังการเสียชีวิต และขึ้นครองอันดับ 1 ในชาร์ต Billboard

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-46966" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/8.-Bob-Marley-741x1024.png" alt="" width="300" height="414" />

<strong>อันดับ </strong><strong>8 :  </strong><strong>Bob Marley</strong>

<span style="color: #ff0000;"><strong>14 ล้านเหรียญ</strong></span>

<strong>เสียชีวิต: 11 พ.ค. 1981 (36 ปี)</strong>

<strong>สาเหตุ: มะเร็ง</strong>

Marley ตำนานแห่งดนตรีเร็กเกเป็นอีกหนึ่งศิลปินที่มีการสตรีมมิ่งผลงานพุ่งทะยานในปีที่ผ่านมามียอดการสปินทั่วโลกรวมกันกว่า 1 พันล้านครั้ง ขณะที่ House of Marley ซึ่งเป็นชุดผลิตภัณฑ์ลำโพง เครื่องเล่นแผ่นเสียง และหูฟัง รวมถึงยอดขายเสื้อยืดและไฟแช็กที่เป็นภาพของตัวเขาเองนั้นทำเงินเข้ากระเป๋าได้อีกกว่า 3 ล้านเหรียญ

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-46968" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/9.-John-Lennon-804x1024.png" alt="" width="300" height="382" />

<strong>อันดับ </strong><strong>9 :  </strong><strong>John Lennon</strong>

<span style="color: #ff0000;"><strong>13 ล้านเหรียญ</strong></span>

<strong>เสียชีวิต: 8 ธ.ค. 1980 (40 ปี)</strong>

<strong>สาเหตุ: ฆาตกรรม</strong>

เหตุฆาตกรรมผ่านพ้นไปได้ 40 ปีแล้ว แต่ดนตรีของ The Beatles ยังคงสร้างรายได้อย่างต่อเนื่องบนถนน Penny Lane นอกจากนี้ Lennon ผู้ล่วงลับยังมีชื่อเป็นผู้ร่วมประพันธ์เพลงดังให้กับวงสี่เต่าทองหลายเพลงด้วยกัน จึงได้รับส่วนแบ่งรายได้เมื่อมีการเล่นเพลงทางโทรทัศน์หรือภาพยนตร์

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-46969" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/10.-Prince-798x1024.png" alt="" width="300" height="385" />

<strong>อันดับ </strong><strong>10 :  </strong><strong>Prince</strong>

<span style="color: #ff0000;"><strong>10 ล้านเหรียญ</strong></span>

<strong>เสียชีวิต: 21 เม.ย. 2016 (57 ปี)</strong>

<strong>สาเหตุ: ใช้ยาเกินขนาด</strong>

แม้ว่า Paisley Park ของเขาจะไม่ได้รับความนิยมระดับเดียวกับ Graceland แต่ศิลปินเจ้าของฉายา High Priest of Pop ยังคงสร้างชีวิตชีวาให้กับโลกดนตรีได้เสมอ เมื่อปีที่แล้ว The Purple One ทำยอดดาวน์โหลดเกือบ 700,000 อัลบั้ม (หน่วยเทียบเท่าอัลบั้ม) เฉพาะในสหรัฐฯ

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-46970" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/11.-Freddie-Mercury-861x1024.png" alt="" width="300" height="357" />

<strong>อันดับ </strong><strong>11 :  </strong><strong>Freddie Mercury</strong>

<span style="color: #ff0000;"><strong>9 ล้านเหรียญ</strong></span>

<strong>เสียชีวิต: 24 พ.ย. 1991 (45 ปี)</strong>

<strong>สาเหตุ: เอดส์</strong>

Bohemian Rhapsody ภาพยนตร์ในปี 2018 คว้ารางวัลมาครองมากมาย ส่งให้ชื่อของ Mercury ได้รับการพูดถึงอย่างกว้างขวาง ซึ่งไม่เพียงแต่ผลงานที่ฝากไว้จะได้รับส่วนแบ่งเล็กๆ จากรายได้เกือบ 1 พันล้านเหรียญที่ภาพยนตร์เรื่องนี้สร้างไว้เท่านั้น แต่ความสำเร็จของภาพยนตร์ยังทำให้ดนตรีและสินค้าที่ระลึกของวง Queen เพิ่มขึ้นด้วย

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-46971" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/12.-George-Harrison-731x1024.png" alt="" width="300" height="420" />

<strong>อันดับ </strong><strong>12 :  </strong><strong>George Harrison</strong>

<span style="color: #ff0000;"><strong>8.5 ล้านเหรียญ</strong></span>

<strong>เสียชีวิต: 29 พ.ย. 2001 (58 ปี)</strong>

<strong>สาเหตุ: มะเร็ง</strong>

เจ้าของฉายา The Quiet Beatle ทำรายได้ 7 หลักจากการแสดง Love ของวง ซึ่งจัดโดย Cirque du Soleil แม้จะต้องปิด Las Vegas Strip เกือบตลอดทั้งปี

&nbsp;

<img class="alignnone wp-image-46972" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/13.-Marilyn-Monroe-815x1024.png" alt="" width="300" height="377" />

<strong>อันดับ </strong><strong>13 :  </strong><strong>Marilyn Monroe</strong>

<span style="color: #ff0000;"><strong>8 ล้านเหรียญ</strong></span>

<strong>เสียชีวิต: 4 ส.ค. 1962 (36 ปี)</strong>

<strong>สาเหตุ: ใช้ยาเกินขนาด</strong>

ราชินีแห่งวงการภาพยนตร์ผู้ล่วงลับยังคงได้รับความนิยมชมชอบตลอดกาล หลังจากที่แบรนด์ต่างๆ เกือบ 100 แบรนด์ทั่วโลกนำภาพและชื่อของเธอไปใช้ไม่ว่าจะเป็น Dolce &amp; Gabbana รวมทั้ง Zales และแม้กระทั่ง Lego

&nbsp;

<em><strong><u>วิธีการจัดอันดับ</u></strong></em>

ในการจัดอันดับประจำปีคนดังผู้ล่วงลับที่ยังคงทำรายได้สูงสุดเราใช้รายได้ก่อนหักภาษีตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2019-1 ตุลาคม 2020 แม้ว่าบุคคลดังกล่าว (เช่น Kobe Bryant) จะยังคงมีชีวิตอยู่ในช่วงเริ่มต้นระยะเวลาที่นำมาพิจารณาก็ตาม สำหรับข้อมูลตัวเลขต่างๆ รวบรวมจาก MRC Data, IMDbPro, NPD BookScan และการสัมภาษณ์แหล่งข่าวภายในวงการ ทั้งนี้ ไม่มีการหักค่าธรรมเนียมตัวแทน ผู้จัดการ และทนายความ

<strong>เรื่อง:</strong> DR. SEUSS AND DEAD CELEBRITIES <strong>โดย:</strong> MADELINE BERG

<strong>เรียบเรียง:</strong> ปาริชาติ ชื่นชม <strong>ภาพประกอบ:</strong> ZOHAR LAZAR

<strong>รายงานเพิ่มเติมโดย:</strong> Kurt Badenhausen, Abigail Freeman และ Ariel Shapiro

&nbsp;

อ่านเพิ่มเติม:
<ul id="crumbs">
 	<li><span style="color: #008000;"><a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/leaderboard/global-leaderboard/13-%e0%b8%84%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%87%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%a5%e0%b9%88%e0%b8%a7%e0%b8%87%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b9%88%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%80.html">13 คนดังผู้ล่วงลับ ที่ทำเงินสูงสุด ในปี 2019</a></span></li>
 	<li><span style="color: #008000;"><a style="color: #008000;" href="https://forbesthailand.com/world/global-world/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%88%e0%b8%b1%e0%b8%94%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b8%b1%e0%b8%9a-%e0%b8%ad%e0%b8%a0%e0%b8%b4%e0%b8%a1%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%a8%e0%b8%a3%e0%b8%a9.html">การจัดอันดับ อภิมหาเศรษฐีโลก ประจำปี 2021</a></span></li>
</ul>

<hr />

<a href="https://bit.ly/2SaUkIQ">คลิกอ่านฉบับเต็ม และบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2564 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="lazy alignnone wp-image-46468 lazy-loaded" src="https://i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/183075132_2828850270663378_8969776902339753079_n.jpg" sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/183075132_2828850270663378_8969776902339753079_n.jpg 750w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/183075132_2828850270663378_8969776902339753079_n-229x300.jpg 229w" alt="" width="300" height="394" data-lazy-type="image" data-lazy-src="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/183075132_2828850270663378_8969776902339753079_n.jpg" data-lazy-srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/183075132_2828850270663378_8969776902339753079_n.jpg 750w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/06/183075132_2828850270663378_8969776902339753079_n-229x300.jpg 229w" data-lazy-sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" />

13 คนดังผู้ล่วงลับ ที่ทำเงินสูงสุดในปี 2020

ใช่แล้ว ดูท่าว่าแดนสุขาวดีจะเปิดรับคนดังจำนวนมากเป็นพิเศษในปีที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น <strong>David Bowie, Prince, Arnold Palmer</strong> และอีกหลายต่อหลายคน แต่ราชาเพลงป็อปผู้ล่วงลับไปนานโขอย่าง <strong>Michael Jackson</strong> ดูจะสุขีกับชีวิตหลังความตายไม่หยอก ครึ่งหนึ่งของรายได้มาจากการเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์เพลงของ Sony/ATV โดยเฉพาะคลังเพลงของ <strong>The Beatles</strong> มูลค่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ทำให้รายได้ของ MJ ทะยานขึ้นเป็นอันดับหนึ่งทุกปีเหนือคนดังที่เสียชีวิตไปแล้วรายอื่นๆ หักปากกานักวิจารณ์หรือกระทั่งที่ปรึกษาของ King of Pop จำนวนไม่น้อย ที่ตอนนั้นต่างลงความเห็นว่าเป็นการลงทุน ที่ไม่คุ้มค่า เพราะรายได้ต่อปีของ Jacko แซงหน้าคนดังตั้งหลายคนทั้งที่ยังอยู่และจากไปแล้ว

<img style="width: 396px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/b13169d09035faffeb8a59c5a9a7452d.png" alt="" />
<strong>1. Michael Jackson</strong>
825 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นักดนตรี
เสียชีวิต: 25 มิถุนายน 2009 อายุ: 50 ปี
สาเหตุ: การใช้ยาเกินขนาด / ฆาตกรรม

ปี 1985 Michael จ่ายเงิน 47.5 ล้านเหรียญ (หรือเทียบเท่า 140 ล้านเหรียญในปี 2016) ซื้อลิขสิทธิ์เพลงของ The Beatles จาก ATV สิบปีให้หลัง Sony จ่ายเงิน 115 ล้านเหรียญให้ Jackson เพื่อร่วมลงทุนในลิขสิทธิ์เพลงดังกล่าวในสัดส่วน 50/50 กระทั่งเมื่อเดือนมีนาคมของปีที่แล้วได้เข้าซื้อส่วนที่เหลือ ทำให้ทรัพย์สินของเขาซึ่งมี John Branca ทนายความ และ John McClain ผู้บริหารธุรกิจดนตรีเป็นผู้ดูแล โดยมีค่าตอบแทนจากการลงทุนถึงร้อยละ 30 ต่อปี

<img style="width: 396px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6a4964c5cda176ebb4ddd40639e07909.png" alt="" />
<strong>2. Charles Schulz</strong>
48 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นักวาดการ์ตูน
เสียชีวิต:12 กุมภาพันธ์ 2000
อายุ 77 ปี
สาเหตุ: มะเร็งลำไส้

ผู้สร้างสรรค์ตัวการ์ตูน Peanuts ขยับขึ้นมารั้งอันดับสองหลังฟันส่วนแบ่งรายได้จากลิขสิทธิ์ตัวการ์ตูนดังของเขา ซึ่งได้ภาพยนตร์แอนิเมชั่นรูปแบบ 3 มิติ The Peanuts Movie มาช่วยสร้างกระแสเมื่อปีกลาย

<img style="width: 396px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/65937b104c5921261d1dae91de7dfb07.png" alt="" />
<strong>3. Arnold Palmer</strong>
40 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นักกีฬา
เสียชีวิต: 25 กันยายน 2016
อายุ 87 ปี
สาเหตุ: โรคหัวใจ

เขาคงจะไม่ได้ปรากฏอยู่ในโฆษณาสินค้าของ Electronic Arts หรือ Xarelto แต่ร้านค้าจำหน่ายสินค้าแบรนด์ Arnold Palmer กว่า 500 แห่งในเอเชีย และเครื่องดื่มชามะนาวของเขาซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 25 ในรัฐ Arizona จะยังช่วยให้ชีวิตหลังความตายของนักกอล์ฟรายนี้สดชื่นดื่มด่ำไปอีกนาน

<img style="width: 396px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/4e22c550027c306ed83ec98470a8b8fd.png" alt="" />
<strong>4. Elvis Presley</strong>
27 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นักดนตรี/นักแสดง
เสียชีวิต: 16 สิงหาคม 1977
อายุ 42 ปี
สาเหตุ: หัวใจวาย

ราชาร็อคแอนด์โรลยังขายอัลบั้มของเขาได้มากกว่าปีละล้านก็อปปี้แต่ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในรูปแบบจับต้องได้อย่างแผ่นเสียงหรือแผ่นซีดี ไม่ใช่ฟอร์แมทดิจิทัล แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับรายได้หลายล้านเหรียญที่มาจากธุรกิจคฤหาสน์ Graceland ของเขา ซึ่งส่วนใหญ่ได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชม (อย่างไรก็ดี ในปีที่ผ่านมารายได้ของ Presley ลดลงร้อยละ 50 เป็นผลจากรายได้การขายบัตร Graceland น้อยลง)

<img style="width: 396px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/39f93f0043fa7fb93230949821aa06b2.png" alt="" />
<strong>5. Prince</strong>
25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นักดนตรี/นักแสดง
เสียชีวิต: 21 เมษายน 2016
อายุ 57 ปี
สาเหตุ: เสพยาเกินขนาด

เจ้าของเพลงดัง Purple Rain จากไปขณะที่ทัวร์คอนเสิร์ตกำลังอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์ (การแสดงแต่ละครั้งทำรายได้เกือบ 2 ล้านเหรียญ) และยังสามารถขายอัลบั้มได้มากกว่า 2.5 ล้านก็อปปี้ในช่วงปีที่ผ่านมา มากกว่านักดนตรีที่จากไปแล้วคนไหนๆ

<img style="width: 396px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/7c27d0f48b7103578bf525a9df999704.png" alt="" />
<strong>6. Bob Marley</strong>
21 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นักดนตรี
เสียชีวิต: 11 พฤษภาคม 1981
อายุ 36 ปี
สาเหตุ: มะเร็ง

ยอดขายอัลบั้มไม่ได้ทำให้ Marley ยังรั้งตำแหน่งบนอันดับของเรา แต่เป็นรายได้จากการขายสินค้าประเภทเครื่องเสียงต่างๆ ภายใต้แบรนด์ House of Marley รวมทั้งเครื่องดื่ม Mellow Mood และสินค้าอื่นๆ ที่ทำให้เขายังครองอันดับ 6 ในปี 2016

<img style="width: 396px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/cae01ddc869108cd700ee882712c0e65.png" alt="" />
<strong>7. Theodor  “Dr. Seuss” Geisel</strong>
20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นักเขียน
เสียชีวิต: 24 กันยายน 1991
อายุ 87 ปี
สาเหตุ: สิ้นอายุขัย

งานของ Dr. Seuss ยังคงโลดแล่นอยู่ทุกหนแห่ง ในทุกปี Geisel ยังทำยอดขายหนังสือเด็กผลงานสุดล้ำของเขาได้ปีละหลายล้านเล่ม ปีที่ผ่านมา เขาทำรายได้เพิ่มเป็นสองเท่าตัว จากหนังสือ What Pet Should I Get? ที่ตีพิมพ์ในปี 2015 หลังจากที่ไม่เคยถูกตีพิมพ์ที่ไหนมาก่อน

<img style="width: 396px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/a77c84f0987c92d3750d54a4d8439535.png" alt="" />
<strong>8. John Lennon </strong>
12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นักดนตรี
เสียชีวิต: 8 ธันวาคม 1980
อายุ 40 ปี
สาเหตุ: ฆาตกรรม

นักดนตรีชาวอังกฤษยังคงได้รับส่วนแบ่งจากผลงานของ The Beatles เฉพาะในสหรัฐอเมริกา อัลบั้มของสี่เต่าทองทำยอดขายมากกว่า 65 ล้านก็อปปี้ตลอดช่วง 25 ปีที่ผ่านมา ยังไม่นับรวมรายได้จากธุรกิจอื่นๆ อาทิ โชว์ Love! การแสดงใน Las Vegas ที่บริหารดูแลโดย Cirque du Soleil บริษัทสัญชาติแคนาดา

<img style="width: 396px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/7dc2f9a58cec538ab50356e0765162d6.png" alt="" />
<strong>9. Albert Einstein</strong>
11.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นักวิทยาศาสตร์
เสียชีวิต: 18 เมษายน 1955
อายุ 76 ปี
สาเหตุ: สิ้นอายุขัย

นักฟิสิกส์อัจฉริยะผู้นี้ไม่เพียงเป็นแค่ภาพโปสเตอร์แปะกำแพงห้องนอนตามหอพักมหาวิทยาลัยหรือลายสกรีนบนเสื้อยืดนักศึกษา แต่ยังปรากฏตัวอยู่บนแท็บเล็ตที่ออกแบบโดย Fourier Systems บริษัทไอทีสัญชาติอิสราเอล  ทรัพย์สินของเขายังรวมถึงลิขสิทธิ์ชื่อที่ Salesforce นำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ AI ชิ้นใหม่

<img style="width: 396px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/1e3df5a2f174a4941f5cc3ae1041caa6.png" alt="" />
<strong>10. Bettie Page</strong>
11 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นางแบบ
เสียชีวิต: 11 ธันวาคม 2008
อายุ: 85 ปี
สาเหตุ: สิ้นอายุขัย

เสน่ห์เย้ายวนที่ไม่มีวันเสื่อมคลายของเธอเป็นที่มาของการเซ็นสัญญากับชุดชั้นใน ชุดแต่งงาน และกระเป๋าถือที่มีมูลค่ามหาศาล

<img style="width: 396px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/ef92048c429cc2529779cf812eae9379.png" alt="" />
<strong>11. David Bowie</strong>
10.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นักดนตรี นักแสดง
เสียชีวิต: 10 มกราคม 2016
อายุ 69 ปี
สาเหตุ: มะเร็ง

สร้างสรรค์ผลงานจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต Blackstar ผลงานอัลบั้มสุดท้ายบนเส้นทางการเป็นศิลปินวางแผงก่อนที่ศิลปินระดับตำนานผู้นี้จะจากโลกไปเพียงแค่สองวัน ทำให้ในปีที่ผ่านมายอดขายผลงานของเขาช่วยดันขึ้นมาแซงหน้าขาประจำอย่าง MJ และ Presley

<img style="width: 396px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/d0619c453e5eba1abae594dbacd970dd.png" alt="" />
<strong>12. Steve McQueen</strong>
9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นักแสดง
เสียชีวิต: 30 พฤศจิกายน 1980
อายุ 50 ปี
สาเหตุ: อาการแทรกซ้อนหลังผ่าตัด

ไม่มีใครปฏิเสธบุคลิกสุดเท่ของ Steve McQueen ที่ทำให้ทั้ง Tag Heuer, Porsche, Persol และ Barbour ต่างก็มีดีลสัญญาเซ็นไว้กับเขา

<img style="width: 396px; height: 450px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/252207dbe9b10ce96d7a22ca1adfc498.png" alt="" />
<strong>13. Elizabeth Taylor</strong>
8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นางแบบ
เสียชีวิต: 23 มีนาคม 2011
อายุ 79 ปี
สาเหตุ: หัวใจวาย

หลายๆ น้ำหอมที่อาศัยชื่อคนดังอาจมีกลิ่นที่เจือจางไปแล้ว แต่กลิ่น White Diamonds ของ Taylor คงจะหอมหวลติดทนนานไปตลอดกาล

&nbsp;
<p class="p1"><em><span class="s1">ประมาณการรายได้ก่อนหักภาษีตั้งแต่</span><span class="s2"> 1 </span><span class="s1">ตุลาคม</span><span class="s2"> 2015 </span><span class="s1">ถึง</span><span class="s2"> 1 </span><span class="s1">ตุลาคม</span><span class="s2"> 2016 </span><span class="s1">ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอย่างค่าว่าจ้างตัวแทน</span> <span class="s1">ผู้จัดการ</span> <span class="s1">และทนายความ</span> </em></p>
<p class="p1"><em><span class="s1">ที่มา</span><span class="s2">: Nielsen SoundScan, Nielsen Bookscan, PollstarPro, IMDB </span><span class="s1">และบทสัมภาษณ์ผู้เชี่ยวชาญด้านมรดก</span></em></p>


<hr />

<a href="http://goo.gl/qT690n"><span style="color: #008080;">คลิกอ่านฉบับเต็ม "คนดังทำเงินได้แม้ลาโลกแล้ว" ได้ที่ Forbes Thailand Magazine ฉบับ กุมภาพันธ์ 2560</span></a>

<span style="color: #008080;"><a href="https://goo.gl/qT690n"><img style="width: 300px; height: 394px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/93a16701dc17880c01dadd3fa399ba46.png" alt="" /></a></span>

คนดังทำเงินได้แม้ลาโลกแล้ว

<div>
	ตั้งแต่ปี 2009 ที่ Michael Jackson จากโลกนี้ไป &nbsp;Jay Z, Taylor Swift และ Kanye West ศิลปินดังทั้งสามรายทำรายได้รวมกัน 544 ล้านเหรียญ แม้จะเป็นตัวเลขไม่น้อย แต่เชื่อหรือไม่ว่า รายได้รวมของทั้งสามน้อยกว่ารายได้รวมในช่วงเดียวกันของ "ราชาเพลงป๊อบ" เพียงคนเดียว</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ในช่วงห้าปีหลังความตายของตัวเอง &nbsp;Jackson มีรายได้มากกว่า 700 ล้านเหรียญ มากกว่าศิลปินทุกราย โดยไม่เกี่ยงว่าจะเป็นหรือตาย แถมยังไม่มีทีท่าว่าจะถึงขาลงของราชาป็อบเลย อัลบัมล่าสุดซึ่งออกจำหน่าย Xscape &nbsp;เปิดตัวสู่อันดับ 2 ของชาร์ทเพลงฮิตประจำเดือนพฤษภาคม และอีกสัปดาห์ถัดมา "เงาร่าง" ของตัวเขา กลับมาโผล่โชว์สเตปมูนวอร์คบนเวทีแจกรางวัล Billboard Music Awards</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div style="text-align: center;">
	<iframe allowfullscreen="" frameborder="0" height="315" src="//www.youtube.com/embed/k3cWVkiAkFA" width="560"></iframe></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	"เขาคือคำจำกัดความของสิ่งที่เรียกว่าซุปเปอร์สตาร์" Ludacris แรปเปอร์ชื่อดังว่าไว้ "มันมีพลังงานบางอย่างที่ไม่สามารถจับต้องได้ ในทุกครั้งที่ได้ยินเพลงของเขา"</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	เวลานี้ Jackson ได้สร้างความนิยามความสำเร็จสำหรับศิลปินที่ล่วงลับไปแล้วเสียใหม่ โดยช่องทางสร้างรายได้ของเขานั้นมาจากหลายแหล่ง ตั้งแต่ขายเพลงแบบเดิมๆ ไปจนถึงธุรกิจบันเทิงแบบใหม่ๆ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	อย่างแรกก็คือเพลงของเขา ทันทีที่เสียชีวิตในปี 2009 &nbsp;เพลงฮิตจำนวนมากของเขากลับมาได้รับความนิยมอีกครั้ง และถูกโหลดเป็นจำนวนมาก จวบจนถึงสิ้นปี เฉพาะในสหรัฐฯ แห่งเดียว เขามียอดขายผลงานถึง 8.3 ล้านอัลบั้ม มากกว่าผู้ที่ตามมาอันดับสองอย่าง Taylor Swift ถึงสองเท่า</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ด้วยตัวเลขมหาศาลเช่นนี้ Sony จึงไม่ลังเลที่จะใช้เงินกว่า 250 ล้านเหรียญ เพื่อต่อสัญญากับศิลปินออกไปอีก 10 ปี จนกลายเป็นเม็ดเงินมากที่สุดในประวัติศาสตร์ เพื่อให้ได้รับสิทธิในการจัดจำหน่ายผลงานหลังศิลปินจบชีวิต โดยหัวใจสำคัญของความสำเร็จหลังความตายของศิลปินทุกราย นั่นคือทำให้เขายังคงอยู่กลางใจประชาชน</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	"พวกเขาไม่ได้มีชีวิตเพื่อออกแสดงหรือมาให้สัมภาษณ์อีกแล้ว" Donald David นักกฎหมายในแวดวงธุรกิจบันเทิง ซึ่งดูแลผลประโยชน์หลังความตายของแรปเปอร์ Tupac Shakur "นั่นก็คือต้องเก็บรักษาดวงดาวที่ดับไปแล้วให้อยู่ในใจผู้คนต่อไป"</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ด้วยเหตุนี้ แจคสันยังคงต้องมีบทบาทต่อไป โดยเฉพาะผ่านการแสดงโชว์ Immortal และ One ซึ่งมาจากผลของเขาเอง &nbsp;เฉพาะ Immortal ทำรายได้รวมแล้ว 300 ล้านเหรียญ นับตั้งแต่เปิดแสดงในปี 2011 และส่วน One จะเก็บเพิ่มได้อีกอย่างต่ำ 30-40 ล้านเหรียญ ในปีที่จะถึง</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ผลประโยชน์อื่นๆ หลังความตายของ Jackson ยังรวมถึงการทำสัญญาโฆษณามูลค่าหลายล้านเหรียญกับ Pepsi, บริษัทผลิตวิดีโอเกม Ubisoft และหนังคอนเสิร์ท This Is It ซึ่งกวาดรายได้ทั่วโลกไปแล้ว 260 ล้านเหรียญ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	และยังไม่ค่อยเป็นที่รู้กันว่า เขายังมีรายได้จากธุรกิจอื่นๆ ที่เป็นส่วนสำคัญในการสร้างรายในตลอดห้าปีที่ผ่านมา นั่นคือ การถือหุ้น 50% ในผลงานเพลงของ Sony/ATV ซึ่งได้ลงทุนไว้ตั้งแต่ปี 1985 ซึ่งในวันนี้ให้ผลตอบแทนกลับคืนเป็นเงินถึง 8 หลัก ความเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ของ Jackson นับเป็นการลงทุนอย่างฉลาด และให้ผลตอบแทนเป็นเงินหลายๆ ล้านเป็นประจำทุกปี</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	"Michael Jackson มีวิสัยทัศน์ของการเป็นนักธุรกิจตลอดเวลา ในตอนตัดสินใจซื้อกิจการใดๆ" Kevin Liles อดีตผู้</div>
<div>
	<table border="0" cellpadding="1" cellspacing="1" style="width: 500px;">
		<tbody>
			<tr>
				<td>
					บริหารค่ายเพลง Def Jam กล่าว "(จนเหมือนกับ) บริษัท ไมเคิล แจ็คสัน จำกัด"</td>
				<td style="width: 115px;">
					<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/FullEnd.png" /></td>
			</tr>
		</tbody>
	</table>
	<p>
		&nbsp;</p>
</div>
<div>
	<br />
	&nbsp;</div>
<div>
	<hr />
	<p>
		เรียบเรียงจาก <a href="http://www.forbes.com/sites/zackomalleygreenburg/2014/06/25/how-michael-jackson-earned-over-700-million-since-his-death/?utm_campaign=forbestwittersf&amp;utm_source=twitter&amp;utm_medium=social">How Michael Jackson Earned Over $700 Million Since His Death</a> &nbsp;โดย Zack O&#39;Malley Greenburg, senior editor ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจดนตรีและบันเทิงของ Forbes และผู้เขียนหนังสือเรื่อง Michael Jackson, Inc</p>
</div>
<br />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events