<h2>LVMH เผยผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2024 มีรายได้ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 1% จากเดิมที่มีรายได้ 4.22 หมื่นล้านยูโร ลดลงเหลือ 4.16 หมื่นล้านยูโร โดยเป็นผลกระทบจากเศรษฐกิจขาลงของตลาดสินค้าหรูในจีน</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;LVMH Moet Hennessy Louis Vuitton หรือ LVMH กลุ่มบริษัทลักชัวรีรายใหญ่ที่สุดในโลก เผยผลประกอบการครึ่งแรกของปี 2024 มีรายได้รวม 41,677 ล้านยูโร ลดลง 1% จาก 42,240 ล้านยูโรเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2023 โดยกำไรจากการดำเนินงานต่อเนื่องอยู่ที่ 10,653 ล้านยูโร ลดลง 8% เช่นเดียวกับหุ้นของ LVMH ที่มีมูลค่าร่วงลงราว 20% ตลอดปีที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาผลประกอบการจำแนกตามธุรกิจต่างๆ พบว่ากลุ่มที่มีรายได้เป็นบวกเมื่อเทียบกับปี 2023 ได้แก่ กลุ่มน้ำหอมและเครื่องสำอาง รายได้เติบโตแบบออร์แกนิกราว 6% จาก 4,028 ล้านยูโร มาอยู่ที่ 4,136 ล้านยูโร และรีเทลเฉพาะกลุ่ม เช่น Sephora รายได้เติบโตแบบออร์แกนิกที่ 8% จาก 8,355 ล้านยูโร มาอยู่ที่ 8,632 ล้านยูโร ในขณะที่กลุ่มไวน์และแอลกอฮอล์ แฟชั่นและเครื่องหนัง นาฬิกาและเครื่องประดับ ต่างมีรายได้ลดลงทั้งสิ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Bernard Arnault ประธานและซีอีโอแห่ง LVMH เผยว่า “ผลประกอบการครึ่งปีแรกสะท้อนความยืดหยุ่นของ LVMH อย่างชัดเจน ด้วยความแข็งแกร่งของเมซงต่างๆ ตลอดจนการตอบสนองของแต่ละทีมท่ามกลางสภาวะทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่แน่นอน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แรงกดดันมาจากฝั่งเอเชียที่ยอดขายร่วงลงถึง 14% นอกเหนือจากญี่ปุ่น จีนที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกแต่ยังไม่ฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ถือเป็นหนึ่งในตัวแปรที่กระทบผลประกอบการในครึ่งปีแรกของ LVMH เพราะเป็นแหล่งลูกค้าที่สำคัญของบรรดาแบรนด์ลักชัวรีต่างๆ กำลังซื้อของลูกค้าชาวจีนที่ลดลงเพราะต้องการตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และบางส่วนก็หันไปซื้อสินค้ามือสองแทน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ จีนยังมีนโยบายควบคุมสื่อโซเชียลสำหรับคอนเทนต์ ‘อวดรวย’ ทำให้อินฟลูเอนเซอร์และคนดังที่จะมาแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับสินค้าลักชัวรีต้องระมัดระวังมากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวจีนผู้มั่งคั่งยังมีการเดินทางไปช็อปปิ้งที่ต่างประเทศโดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นส่งผลให้ยอดขายในแดนอาทิตย์อุทัยเติบโต แต่อัตรากำไรกลับไม่ได้สูงนัก เพราะค่าเงินเยนที่อ่อนลง &nbsp; &nbsp; “บริษัทยังตั้งเป้าการเติบโตในครึ่งปีหลังและยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันควบคู่ไปด้วย ทั้งนี้ มั่นใจได้ว่าความสามารถของทีมงานต่างๆ ที่มีอยู่จะผนึกกำลังสร้างความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจและยังครองตำแหน่งผู้นำตลาดสินค้าลักชัวรีระดับโลกในปี 2024 ได้” Bernard Arnault กล่าวทิ้งท้าย โดยมีการพูดถึงความภาคภูมิใจของ LVMH ที่ได้เป็นพันธมิตรของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก Paris 2024 ในปีนี้ด้วย แหล่งที่มา:<a href="https://www.lvmh.com/publications/good-results-for-lvmh-in-the-first-half-of-the-year-despite-the-prevailing-environment" alt="Good results for LVMH in the first half of the year despite the prevailing environment">Good results for LVMH in the first half of the year despite the prevailing environment</a>​ <a href="https://insideretail.asia/2024/07/24/china-slowdown-dents-lvmh-sales/" alt="China slowdown dents LVMH sales">China slowdown dents LVMH sales</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://www.forbesthailand.com/news/global/lisa-lalisa-new-house-ambassador-of-louis-vuitton" alt="‘ลิซ่า-ลลิษา’ จาก Rockstar สู่ House Ambassador คนใหม่ของ Louis Vuitton">‘ลิซ่า-ลลิษา’ จาก Rockstar สู่ House Ambassador คนใหม่ของ Louis Vuitton</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

LVMH เผยกำไรครึ่งแรกปี 2024 ลด 8% ผลกระทบเศรษฐกิจจีนซบเซา นักช็อประวังการใช้จ่าย

<h2>ท่ามกลางบรรยากาศฝุ่นตลบของสถานการณ์ทางการเมือง บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งธุรกิจสินค้าแบรนด์หรูอย่าง LVMH ยังคงเห็นประกายแสงที่ดินแดนขวานทอง เตรียมพร้อมกางแผนลงทุนเพิ่มในไทย ประเดิมด้วยเชนอุตสาหกรรมบันเทิงใจกลางสาทร</h2>
L Capital Asia บริษัทกองทุนในสังกัดของ LVMH Moët Hennessy Louis Vuitton หรือที่รู้จักในชื่อ LVMH เดินหน้ารุกตลาดอาหารและเครื่องดื่มแนวไลฟ์สไตล์ในภูมิภาคเอเชีย โดยเพิ่มความหลากหลายในแบรนด์ที่ถืออยู่ด้วยการควบรวมธุรกิจแนวคอมเพล็กซ์ร้านอาหารและไนท์คลับจากสิงคโปร์ “KU DÉ TA”ที่ปัจจุบันมีอยู่เพียง 2 สาขา คือที่ Marina Bay Sands ประเทศสิงคโปร์ และที่อาคาร สาทร สแควร์ ก่อนเล็งขยายสาขาเพิ่มที่ Hong Kong ณ อาคาร California Tower รวมทั้งเมืองเอกของโลก อาทิ Dubai, Miami, Sydney, Tokyo ไปจนกระทั่งเมืองหลวงของวงการบันเทิง Los Angeles

แม้ตัวเลขการซื้อขายจะไม่ถูกเปิดเผย แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้กลุ่มทุนดังกล่าวกลายเป็นผู้ถือหุ้นหลักในKU DÉ TA ด้วยสัดส่วนการถือหุ้นกว่า 50% นำมาสู่การปรับโฉมใหม่ด้วยงบประมาณกว่า 10 ล้านบาท ให้สถานบันเทิงระฟ้าใจกลางย่านเศรษฐกิจสำคัญของกรุงเทพฯ พร้อมต้อนรับผู้มาเยือนด้วยคลับรูปลักษณ์ใหม่ และเล้านจ์บาร์เปิดรับอากาศบริสุทธิ์ในเมืองหลวงบนชั้นที่ 39 ซึ่งทั้ง 2 ส่วนที่กล่าวมานั้น คาดว่าจะเปิดบริการเต็มรูปแบบได้ในช่วงกลางเดือนกันยายนและตุลาคมตามลำดับ

นอกเหนือจากทุ่มเม็ดเงินไปในกลุ่มธุรกิจบันเทิงแล้ว  L Capital Asia ยังเล็งนำร้านอาหารจากออสเตรเลียที่อยู่ในพอร์ตการลงทุนมาทดลองตลาดเมืองไทยราว 3 แบรนด์ ทั้ง Charlie &amp; Co. Burgers ร้านเบอร์เกอร์ต้นตำรับจากแดนจิงโจ้, Becasse Bakery แบรนด์ขนมอบสูตรประณีต และ Jones the Grocer เชนร้านอาหารพรีเมี่ยมที่ปัจจุบันมีสาขาใน 5 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ สิงคโปร์ กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ อีกทั้งยังเล็งที่จะขยายสาขาให้เชนภัตตาคารจากสิงคโปร์อย่าง Crystal Jade ร้านอาหารจีนหลากหลายสไตล์ ทั้งฉบับกวางตุ้ง แต้จิ๋ว และเซี่ยงไฮ้

ทั้งหมดเพื่อกรุยทางไปสู่อนาคตอันสดใสในไทยแลนด์ ดินแดนที่ยังถูกปกคลุมด้วยบรรยากาศขมุกขมัวทางการเมือง

&nbsp;

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events