<h2 class="p1">Amber Venz Box ได้รับการจัดอันดับให้เป็น ‘หนึ่งในสตรีผู้สร้างฐานะด้วยตัวเองซึ่งมั่งคั่งที่สุดในสหรัฐอเมริกา’ หลัง SoftBank Vision Fund เข้าถือหุ้นมูลค่า 300 ล้านเหรียญใน LTK แพลตฟอร์มเทคโนโลยีใน Dallas ที่ช่วยให้อินฟลูเอนเซอร์บนโซเชียลมีเดียมากกว่า 150,000 รายสามารถสร้างรายได้จากคอนเทนต์ของพวกเขา</h2>
<figure><img class="wp-image-54879" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/11/LTK-Cofounders.jpg" alt="Amber Venz Box" width="720" height="524" /><figcaption> Amber Venz Box และสามีผู้ร่วมก่อตั้ง Baxter Box</figcaption></figure>
Venz Box ผู้ร่วมก่อตั้งวัย 34 ปี เผยว่า “การลงทุนนี้เป็นข้อพิสูจน์ว่า ผู้บริโภคต้องการซื้อสินค้าโดยตรงผ่านโพสต์ของผู้ที่มีรสนิยมและค่านิยมที่พวกเขาชื่นชมมากขึ้น ซึ่ง LTK ก็ได้มีส่วนช่วยให้เหล่าอินอินฟลูเอนเซอร์สามารถสร้างรายได้จากพันธมิตร โดยการแท็กเนื้อหาด้วยลิงก์ที่ผู้ติดตามสามารถคลิกเพื่อซื้อได้ นอกเหนือจากการเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น”
“เราเป็นผู้ประดิษฐ์แพลตฟอร์มครีเอเตอร์-คอมเมิร์ซ” Venz Box กล่าว “เราคิดว่าครีเอเตอร์ควรจะสามารถนำเสนอประสบการณ์การช็อปปิ้งที่สามารถแข่งขันกับประสบการณ์การค้าปลีกทุกอย่างในโลกได้”
ทั้งนี้ LTK เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังจากที่บริษัทตัดสินใจควบรวมแพลตฟอร์ม rewardStyle และ LIKEtoKNOW.it เข้าด้วยกันภายใต้ชื่อเดียว
ปัจจุบัน บริษัทสามารถสร้างยอดขายต่อปีให้กับแบรนด์มากกว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยประมาณร้อยละ 10-25 มาจากการที่อินฟลูเอนเซอร์สามารถเพิ่มยอดขายผ่านผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาโปรโมต ตั้งแต่สินค้าแฟชั่น ความงาม ฟิตเนส ของใช้ภายในบ้าน และไลฟ์สไตล์อื่นๆ
ด้าน Lydia Jett หุ้นส่วนผู้จัดการของ SoftBank มองว่าสิ่งที่ทำให้ LTK แตกต่างจากคู่แข่งรายใหญ่ คือ การบริการและการให้ความสำคัญกับอินฟลูเอนเซอร์ในฐานะลูกค้าหลักในการขับเคลื่อนยอดขาย นอกเหนือจากการช่วยให้พวกเขาตั้งค่าหน้าร้านออนไลน์และโปรโมทเนื้อหาของตนทางเว็บไซต์ได้อย่างง่ายดายแล้ว LTK ยังให้บริการด้านการวิเคราะห์ การสนับสนุนด้านการตลาด และการเชื่อมต่อกับแบรนด์ที่ต้องการเข้าถึงผู้ชมอีกด้วย
“ถ้าคุณดูที่แพลตฟอร์มโซเชียลอื่นๆ ที่ทำหน้าที่รวบรวมผู้ชมและขับเคลื่อนการโฆษณาเพื่อประโยชน์ของแพลตฟอร์ม” Jett กล่าว “พวกเขาให้ความร่วมมือที่ไม่สอดคล้องกับครีเอเตอร์” ในทางตรงกันข้าม LTK ได้สร้างโมเดลธุรกิจขึ้นมาเพื่อให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์ทางการเงินผ่านแพลตฟอร์มของตน นั่นอาจอธิบายได้ว่าทำไมกองทุนญี่ปุ่นถึงลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดในบริษัทที่ก่อตั้งโดยผู้หญิงในสหรัฐฯ
Venz Box คุณแม่ลูกสี่ชาว Texan ที่ไม่เคยหยุดนิ่ง เข้าใจถึงคุณค่าของสไตล์มาช้านาน เธอเติบโตขึ้นมาโดยการซื้อหนังสือ People ที่ร้านขายของชำ แต่งตัวตามแบบที่เธอให้คุณยายตัดเย็บเสื้อผ้าให้ ทั้งยังเปิดร้านกางเกงยีนส์และเครื่องประดับของตัวเองสมัยเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย และทำงานเป็นเสมียนในร้านเสื้อผ้าระดับไฮเอนใน Dallas เพื่อส่งตัวเองเรียนที่ Southern Methodist University 
เธอมีชื่อเสียงและได้รับการติดตามมากขึ้นหลังเปิดตัวบล็อกแฟชั่น VenzEdits ในปี 2010 ทว่ากลับไม่ได้สร้างรายได้ให้เธอมากเท่าไหร่นัก เนื่องจากแฟนคลับมักเลือกที่จะซื้อของบนช่องทางออนไลน์ แทนที่จะไปยังหน้าร้านซึ่งเธอจะสามารถรับค่าคอมมิชชั่นจากสิ่งที่พวกเขาซื้อได้
โชคดีที่แฟนหนุ่มวิศวกร Baxter ผู้ซึ่งจบการศึกษาระดับปริญญาโทสาขาบริหารธุรกิจ สามารถช่วยเธอแก้ปัญหานั้นได้ ด้วยการสร้างระบบเพื่อฝังลิงก์ที่คลิกได้ลงในบล็อกของเธอ ซึ่งเชื่อมต่อผู้อ่านกับไซต์อี-คอมเมิร์ซของแบรนด์ต่างๆ ที่กล่าวถึงในโพสต์ และช่วยให้เธอติดตามการซื้อผ่านลิงก์เหล่านั้นและสร้างค่าคอมมิชชั่นจากพันธมิตรได้
ในที่สุด ทั้งคู่ก็ได้เปิดตัว rewardStyle เพื่อนำระบบนั้นไปประยุกต์ใช้กับบล็อกเกอร์คนอื่นๆ ที่พวกเขาเชิญชวนมาใช้แพลตฟอร์ม ก่อนที่จะจัดการกับความท้าทายที่ยากยิ่งขึ้นไปอีกในการสร้างแท็กที่ซื้อได้บนรูปภาพด้วย LIKEtoKNOW.it เหมือนที่มีบน Instagram หรือ Pinterest แต่ใน LTK แท็กจะเชื่อมโยงกับผู้ค้าปลีก เช่น Levi’s และ Nordstrom ซึ่งจะจ่ายค่าคอมมิชชันหากมีการซื้อ
โดยบริษัทคาดว่า ภายในปี 2017 ครีเอเตอร์จะสามารถสร้างรายได้ให้กับแบรนด์มากกว่า 150 ล้านเหรียญผ่านเทคโนโลยีดังกล่าว ซึ่งทำให้เธอมีรายชื่อปรากฎในทำเนียบ<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/profile/amber-venz-box/?sh=45c2f90953a7"> Forbes 30 Under 30</a>
เมื่อถามถึงเงินทุน 300 ล้านเหรียญจาก SoftBank Jett เชื่อว่าโอกาสในการเติบโตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของแพลตฟอร์มจะมาจากการให้ความสำคัญกับการให้ความสำคัญกับครีเอเตอร์ในฐานะลูกค้าหลักอย่างต่อเนื่อง “ขนาดของรายได้ที่สร้างนั้นมีมูลค่ามหาศาล” Jett กล่าว “ความสอดคล้องของความถูกต้องของสิ่งที่บริษัทนี้ยืนหยัดสร้างความสัมพันธ์ที่แตกต่างอย่างมาก” กว่าประสบการณ์ที่ครีเอเตอร์สามารถได้รับจากที่อื่นๆ
Venz Box ต้องการสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งที่น่าดึงดูดและราบรื่นเหนือจากสิ่งที่ได้รับขณะอยู่หน้าร้าน และทำเงินจากความพยายาม เธอรู้จากประสบการณ์ส่วนตัวว่าการสร้างผู้ติดตามที่ภักดีไม่เหมือนกับการสร้างธุรกิจที่ร่ำรวย เพราะเพียงโพสต์ภาพต้นคริสต์มาสที่สมบูรณ์แบบหรือชุดหมีทารกบน LTK ก็สามารถกระตุ้นเหล่านักช็อปได้ “ร้าน LTK เปิดอยู่เสมอ” เธอกล่าว “คนที่ต้องการไปช้อปปิ้งสามารถเปิด LTK และไปช้อปปิ้งได้เสมอ”
ปัจจุบัน Venz Box ยังคงมองว่าตัวเองเป็นบล็อกเกอร์ที่มีวิวัฒนาการซึ่งจัดการธุรกิจด้วยเลนส์ของครีเอเตอร์ (ในขณะที่สามีของเธอดูแลการดำเนินงาน การเงิน และวิศวกรรม) “หลายๆ วันของฉันถูกใช้ไปกับการแบ่งปันข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นกับทีมของเราหรือลูกค้าของเรา การทำให้แน่ใจว่าผู้คนเข้าใจวิสัยทัศน์ เข้าใจว่าเรากำลังจะเดินหน้าไปสู่จุดใด" เธอกล่าว  
แปลและเรียบเรียงจากบทความ LTK Cofounder Amber Venz Box Now One Of America’s Richest Self-Made Women After Softbank Fundraising เผยแพร่บน Forbes.com โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค 

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/emily-in-paris-%e0%b8%81%e0%b8%a5%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%a1%e0%b8%b2%e0%b8%ad%e0%b8%b5%e0%b8%81%e0%b8%84%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b9%89%e0%b8%87-%e0%b8%9e%e0%b8%a3%e0%b9%89%e0%b8%ad.html">‘Emily In Paris’ กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับ ‘คอนเทนต์ช็อปได้’</a>
<div class="single-content-writer-box"></div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events