จิตวิญญาณแห่งการดูแลของ Keiichi Shibahara ผู้ก่อตั้งสตาร์ทอัพ Amvis ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุในญี่ปุ่น

<h2>Keiichi Shibahara ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Amvis เนอร์สซิ่งโฮมหรือบ้านพักผู้สูงอายุ ก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีญี่ปุ่นคนล่าสุด หลังหุ้นของบริษัทปรับตัวสูงขึ้นกว่าเท่าตัวตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2020 ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ที่อัตราส่วนร้อยละ 77 มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ </h2>
<figure><img class="wp-image-49620" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/08/m.jpg" alt="Keiichi Shibahara" width="720" height="509" /><figcaption> Keiichi Shibahara ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ Amvis</figcaption></figure>

เว็บไซต์ของ <a href="https://ir.amvis.co.jp/ja/ir/finance/highlight.html">Amvis</a> ระบุว่า ปัจจุบันบริษัทให้บริการเนอร์สซิ่งโฮมทั้งหมด 41 แห่งทั่วประเทศญี่ปุ่น และขณะนี้กำลังสร้างเพิ่มอีก 11 แห่ง “Amvis เป็นบริษัทแรกในญี่ปุ่นที่สร้างโมเดลธุรกิจบ้านพักผู้สูงอายุ และเติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นบริษัทชั้นนำในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพและการพยาบาลที่บ้าน” Shibahara กล่าวในแถลงการณ์ที่เป็นลายลักษณ์อักษรถึง Forbes

Keiichi Shibahara ก่อตั้ง Amvis ในปี 2013 หนึ่งปีหลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นใช้นโยบายการดูแลที่บ้าน ซึ่งสนับสนุนให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรังหรือทุพพลภาพได้รับการดูแลที่บ้าน เพื่อลดความตึงเครียดในโรงพยาบาล 

ในที่นี้ <a style="color: #333333;" href="https://www.forbes.com/sites/rubyleung/2021/08/17/nursing-home-founder-becomes-billionaire-as-japans-hospitals-battle-covid-19/?sh=6b53814c2b1a">Japan Times</a> รายงานว่า สัดส่วนของประชากรที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไปในญี่ปุ่น มีจำนวนสูงที่สุดในโลก คิดเป็นร้อยละ 28.7 ของประชากรทั้งหมดของประเทศ

“ในญี่ปุ่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายของรัฐบาลทำให้ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้ายหรือผู้ที่สวมเครื่องช่วยหายใจต้องออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้าน” Shibahara อธิบาย “สถานการณ์ยังขับเคลื่อนไปด้วยข้อเท็จจริงที่ว่าโรงพยาบาลกำลังยุ่งอยู่กับการรักษาผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 จึงทำให้ผู้ป่วยกลุ่มนี้เลือกที่จะหันไปรับการรักษาที่สถานพยาบาลที่ดำเนินการโดย Amvis”

โดยในช่วงต้นเดือนสิงหาคม จากจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้น นายกรัฐมนตรี Yoshihide Suga ของญี่ปุ่น จึงประกาศนโยบายจำกัดการรักษาเฉพาะผู้ป่วยโควิดและเคสอื่นๆ ที่ร้ายแรงในโรงพยาบาลเท่านั้น 

สำหรับปีงบประมาณการเงินที่สิ้นสุดในเดือนกันยายน 2020 บริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 71 เป็น 9.2 พันล้านเยน (83 ล้านเหรียญ) จากปีก่อนหน้า ในขณะที่กำไรเพิ่มขึ้น 2 เท่าเป็น 1.2 พันล้านเยน (11 ล้านเหรียญ) และตั้งแต่เดือนตุลาคม 2020 ถึง 31 มีนาคมปีนี้ มีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้นร้อยละ 66 และร้อยละ 108 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

Shibahara เกิดที่เมือง Nagoya ทางตอนกลางของญี่ปุ่น จบการศึกษาคณะแพทยศาสตร์จาก Nagoya University และได้รับใบอนุญาตทางการแพทย์ แล้วจึงไปศึกษาต่อด้านชีววิทยาระดับโมเลกุลที่ Kyoto University 

หลังจากสำเร็จการศึกษา Shibahara ทำงานเป็นนักวิจัยเป็นเวลา 20 ปี โดยเชี่ยวชาญด้านภูมิคุ้มกันวิทยาและอณูชีววิทยา ก่อนที่จะตัดสินใจลาออกจากงานด้านการวิจัย "เพื่อสนับสนุนการรักษาพยาบาลอย่างใกล้ชิดมากขึ้น" ด้วยการเริ่มทำงานเป็นผู้ประกอบการเพื่อสังคมในการฟื้นฟูโรงพยาบาลและสถานพยาบาล ซึ่งระหว่างนั้นก็ได้รวบรวมทุนเพื่อก่อตั้ง Amvis ขณะอายุ 48 ปี 

ทั้งนี้ Shibahara นับเป็นผู้ประกอบการด้านเฮลท์แคร์คนที่ 2 ที่ก้าวเข้าสู่ทำเนียบมหาเศรษฐีญี่ปุ่น ต่อจาก Itaru Tanimura ผู้ก่อตั้ง M3 ผู้ให้บริการทางการแพทย์ออนไลน์

แปลและเรียบเรียงจากบทความ Nursing Home Founder Becomes Billionaire As Japan’s Hospitals Battle Covid-19 โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค เผยแพร่บน Forbes.com

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/goodwin-gaw-มหาเศรษฐีพันล้านชาวฮ.html">Goodwin Gaw มหาเศรษฐีพันล้านชาวฮ่องกง ยังคงเดินหน้าลุย “Gaw Capital” สู่เป้าหมาย</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events