<h2>Speak แอปพลิเคชั่นเรียนภาษาที่ใช้ AI เป็นติวเตอร์ เน้นฝึกพูดจริงมากกว่าท่องจำ โดยผู้ใช้สามารถสนทนากับ AI ผ่านสถานการณ์จำลองในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องกลัวพูดผิด ซึ่งแอปนี้ถูกพัฒนาบนเทคโนโลยีของ OpenAI และกำลังถูกจับตาในฐานะสตาร์ตอัพที่จะมาท้าชิงกับเจ้าตลาดอย่าง Duolingo</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Speak ก่อตั้งขึ้นในปี 2016 โดยได้รับการสนับสนุนจากนักลงทุน VC รายใหญ่ เช่น Khosla Ventures, Accel และ OpenAI Startup Fund ระดมทุนรวมแล้วราว 160 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งการหาทุนในสมัยนั้นไม่ง่ายเลย เพราะนักลงทุนยังไม่สนใจทั้ง AI และการเรียนภาษา บางคนถึงกับสงสัยว่าแอปนี้ตั้งใจเก็บข้อมูลไปขายหรือเปล่า&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จุดเปลี่ยนของ Speak เกิดขึ้นในปี 2018 ระหว่างที่ Connor Zwick อดีตผู้ได้รับทุน Thiel Fellowship ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Speak ได้เดินทางไปกรุงโซล เกาหลีใต้ ก่อนจะพบว่าภายในตึกระฟ้ามากมายนั้นเต็มไปด้วยห้องเรียนสอนภาษาอังกฤษ ตลอดจนโฆษณาคอร์สเรียนที่ติดอยู่เต็มหลังคารถแท็กซี่และป้ายบิลบอร์ดทั่วเมือง ทำให้เขาฉุกคิดขึ้นมาทันทีว่าตลาดที่ใหญ่ที่สุดของ Speak ไม่ใช่ Silicon Valley ที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่มากมาย แต่คือที่นี่ “เกาหลีใต้”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การเรียนภาษาอังกฤษที่เกาหลีใต้เหมือนเป็นความหมกมุ่นอย่างหนึ่ง ความต้องการมีอยู่มหาศาล แต่ยังไม่ได้รับการตอบสนองจริงๆ การสอนภาษาที่มีอยู่กลับไม่ได้ผลเท่าที่ควร นักเรียนต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงกับตำราและวิดีโอที่อัดไว้ล่วงหน้า โดยมีผู้สอนที่บางครั้งก็ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษคล่องแคล่วนัก อีกทั้งวิธีการเรียนแบบเก่ายังมุ่งเน้นไวยากรณ์และคำศัพท์มากกว่าการฝึกพูดจริง ส่งผลให้ผู้เรียนกลัวการพูดผิด ทุกอย่างมันดูเป็นวิชาการไปหมด และคนก็กลัวการทำพลาด” Connor Zwick กล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สำหรับ Zwick กรุงโซลที่คึกคักและความต้องการเรียนภาษาอังกฤษที่ไม่รู้จบคือทั้งแรงบันดาลใจและโอกาส เขาจึงตั้งใจสร้าง AI Tutor ตัวจริงที่สามารถแทนที่ครูสอนภาษา และเปิดพื้นที่ให้ผู้เรียนได้ลองผิดลองถูกอย่างสบายใจ “ไม่มีใครรู้หรอกว่าคุณพูดอะไรน่าอายไปหรือเปล่า” เขาบอก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ปัจจุบัน Speak มี AI แบบใช้เสียงที่จำลองสถานการณ์ต่างๆ เช่น สั่งเครื่องดื่มในร้านอาหาร ขอเส้นทางไปแหล่งท่องเที่ยว หรือคุยเล่นกับเพื่อน เพื่อให้ผู้เรียนฝึกพูดในสถานการณ์จริง ที่สำคัญแอปนี้พัฒนาขึ้นบนโมเดลของ OpenAI เป็นหลัก ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเติบโตของ Speak เมื่อโมเดล AI พัฒนาขึ้น แอปก็ฉลาดขึ้นตามไปด้วย ตั้งแต่การปรับบทเรียนอัตโนมัติตามผลการเรียน ไปจนถึงการแก้สำเนียง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โดยมีเป้าหมายให้ผู้ใช้ฝึกออกเสียง คำ และวลีที่ใช้บ่อย ผู้เรียนยังสามารถสร้างสถานการณ์ใหม่เองได้ผ่านการพิมพ์คำสั่งให้ AI นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์ Leaderboard และ Streak เพื่อกระตุ้นให้ใช้งานอย่างต่อเนื่อง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;จนถึงวันนี้ Speak มียอดดาวน์โหลดกว่า 15 ล้านครั้ง ช่วยให้ผู้เรียนมีความมั่นใจและพูดภาษาต่างประเทศได้คล่องแคล่วขึ้น ความนิยมนี้ทำให้สตาร์ตอัพมูลค่า 1 พันล้านเหรียญรายนี้ไปถึงอีกหมุดหมายสำคัญ นั่นคือการที่บริษัทประกาศว่ามีรายได้ต่อปีมากกว่า 100 ล้านเหรียญ ซึ่งรายได้หลักจะมาจากผู้ใช้ทั่วไป โดยเริ่มใช้ฟรีและจ่ายค่าบริการราว 80-200 เหรียญ เพื่อเข้าถึงคอนเทนต์เพิ่มเติม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;นอกจากนี้ Speak ยังเริ่มขยายตลาดสู่ลูกค้าองค์กรในปี 2024 หลังจากผู้ใช้บางส่วนขอให้บริษัทช่วยออกค่าใช้จ่ายในการใช้แอป โดยปัจจุบันมีบริษัทกว่า 500 แห่ง โดยส่วนใหญ่อยู่ในเกาหลีใต้ เช่น KPMG และ HD Hyundai ที่ให้พนักงานใช้ Speak นอกจากนี้แอปยังได้ขยายไปสู่ญี่ปุ่นและไต้หวัน ก่อนที่จะเริ่มบุกตลาดอเมริกาเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การเลือกโฟกัสตลาดเกาหลีใต้พิสูจน์แล้วว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง Ben Quazzo พาร์ตเนอร์ของ Accel ที่ลงทุนรอบ Series C มูลค่า 78 ล้านเหรียญ กล่าวว่า “เกาหลีใต้เป็นเหมือนสนามทดลอง ในตลาดที่แข่งขันสูง เราไม่ได้ขายแอปที่เน้นการเสพติด แต่เรากำลังขายเส้นทางการเรียนรู้เพื่อไปให้ถึงผลลัพธ์”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แม้จะเติบโตอย่างโดดเด่น แต่ Speak ยังตามหลังคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดอย่าง Duolingo อยู่พอสมควร ซึ่งมีรายได้กว่า 724 ล้านเหรียญในปีที่แล้ว และคาดว่าจะทะลุ 1.02 พันล้านเหรียญ ภายในสิ้นปีนี้ โดย Duolingo เองก็ทุ่มทุนกับ AI เช่นกัน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Zwick รู้ดีถึงอิทธิพลของ Duolingo โดยเฉพาะในสหรัฐฯ แต่เขาเชื่อว่า Speak แตกต่างอย่างชัดเจน เพราะ Duolingo เน้นไวยากรณ์และคำศัพท์&nbsp;แต่ Speak มุ่งสร้างความคล่องในการสนทนาให้คล่องปาก และการออกเสียงที่ถูกต้อง เพื่อให้ผู้เรียนกล้าพูดออกเสียงจริง&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ผู้ใช้แอปของเราพูดมากกว่าแอปอื่นราว 5-10 เท่า ซึ่งสอดคล้องกับชื่อแอปที่ว่า Speak”&nbsp;Zwick กล่าว แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.forbes.com/sites/rashishrivastava/2025/11/12/this-startup-is-racing-duolingo-to-replace-human-language-tutors-with-ai/?utm_campaign=ForbesMainFB&amp;utm_source=ForbesMainFacebook&amp;utm_medium=social&amp;fbclid=IwY2xjawPACcpleHRuA2FlbQIxMABicmlkETE2WWhtNVZvWGFGZEdvRWN5c3J0YwZhcHBfaWQQMjIyMDM5MTc4ODIwMDg5MgABHteNeUg0CQjRFsotdC4gzn3-CXeSjO0VhJbqwj3d1ryISgpeirexK86FE5_Y_aem_7_vXdxCCU1K2mmuTy0wCCg" alt="This Startup Is Racing Duolingo To Replace Human Language Tutors With AI">This Startup Is Racing Duolingo To Replace Human Language Tutors With AI</a>​ภาพ : Speak เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.forbesthailand.com/news/it/duolingo-ceo-how-ai-makes-my-employees-more-productive-without-layoffs" alt="ซีอีโอ Duolingo เผย หลังประกาศใช้ AI ไม่ได้ปลดพนักงานประจำสักคน! แถม Productive ขึ้น 4-5 เท่า">ซีอีโอ Duolingo เผย หลังประกาศใช้ AI ไม่ได้ปลดพนักงานประจำสักคน! แถม Productive ขึ้น 4-5 เท่า</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

แอปเรียนภาษา ‘Speak’ ใช้ AI แทนติวเตอร์มนุษย์ สตาร์ตอัพมาแรง ท้าชิงเจ้าตลาด Duolingo

<h2>ซีอีโอ Duolingo เผย AI ทำให้พนักงานของบริษัททำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ‘4-5 เท่า’ โดยไม่ต้องปลดพนักงานแม้แต่คนเดียว</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เมื่อบริษัทสอนภาษา Duolingo ประกาศว่าจะใช้ “AI เป็นหลัก” ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผู้หลายคนคาดการณ์ว่าในอีกไม่นานคงมีการปลดพนักงานล็อตใหญ่แน่ๆ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;5 เดือนต่อมา Duolingo ยังไม่ได้ปลดพนักงานประจำแม้แต่คนเดียว และกลับใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานที่บริษัทจ้างอยู่แทน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Luis von Ahn ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอ กล่าวในงาน Fast Company Innovation Festival 2025 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาว่า “ด้วยจำนวนคนเท่าเดิม เราสามารถสร้างเนื้อหาได้มากเป็น 4-5 เท่าในเวลาเท่าเดิม” von Ahn กล่าว “ยังคงมีมนุษย์ที่ต้องสั่งการคอมพิวเตอร์ให้ทำงานอย่างถูกต้อง ซึ่งแต่ละคนสามารถทำงานได้มากขึ้นกว่าเดิมมาก”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;von Ahn กล่าวว่า ความสามารถในการทำงานอัตโนมัติของ AI ช่วยให้วิศวกรของ Duolingo ผลิตบทเรียนภาษา คณิตศาสตร์ ดนตรี และหมากรุกได้เร็วขึ้น โดย Duolingo ได้ทยอยลดจำนวนพนักงานสัญญาจ้างลง ตามประกาศเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา แต่บริษัทยังไม่เคยเลิกจ้างพนักงานประจำเลยนับตั้งแต่ก่อตั้งในปี 2009 และยังเพิ่มจำนวนพนักงานขึ้นตั้งแต่เดือนเมษายนด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้สนับสนุน AI ตั้งแต่บุคคลสำคัญในวงการเทคโนโลยีอย่าง Bill Gates ไปจนถึง Sam Altman ซีอีโอของ OpenAI มักยกย่องศักยภาพของเทคโนโลยีนี้ในการช่วยลดงานที่ซ้ำซากจำเจออกจากมือพนักงาน ทำให้พวกเขามีเวลาไปทำงานสร้างสรรค์ได้มากขึ้นและเร็วขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ในทางกลับกัน AI กลับทำให้บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายแห่งต้องเลิกจ้างพนักงานในปีนี้ ยกตัวอย่างเช่น Salesforce และ CrowdStrike เนื่องจากผู้บริหารบางส่วนต้องการรักษาประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานไว้พร้อมๆ กับการลดต้นทุน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แต่ Duolingo ซึ่งมีมูลค่าตลาด 1.27 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ กำลังมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ตามที่ von Ahn กล่าว “เป้าหมายไม่ใช่การประหยัดเงิน เป้าหมายไม่ใช่การแทนที่พนักงานที่เป็นมนุษย์” เขากล่าว “เป้าหมายคือการทำอะไรให้ได้มากขึ้น...ด้วยจำนวนพนักงานที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การลงทุนใน AI ของ Duolingo ดูเหมือนจะให้ผลตอบแทนที่ดี บริษัทได้ปรับเพิ่มประมาณการรายได้ประจำปีในเดือนสิงหาคม โดยระบุว่าขณะนี้คาดว่าจะทำรายได้สูงถึง 1.02 พันล้านเหรียญในปี 2025 เพิ่มขึ้นจากประมาณการ 996.6 ล้านเหรียญเมื่อต้นปีนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;โครงการที่เน้น AI เป็นหลักของ Duolingo ได้แก่ Lily ตัวแทน AI ที่ช่วยให้ผู้ใช้ฝึกฝนทักษะการสนทนาทางภาษาผ่านวิดีโอคอล และบทเรียนหมากรุกที่เริ่มต้นจากการทดลอง AI “vibe coding” โดยนักออกแบบและผู้จัดการผลิตภัณฑ์&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ความคิดเห็นของ von Ahn สอดคล้องกับความคิดเห็นของ Chuck Robbins ซีอีโอของ Cisco Systems ที่บอกกับ CNBC เมื่อวันที่ 14 สิงหาคมว่า เขาไม่ได้ตั้งใจที่จะใช้ AI เพื่อลดจำนวนพนักงานเช่นกัน “ผมไม่อยากปลดพนักงานจำนวนมากในตอนนี้” Robbins กล่าวเสริมว่า “ผมแค่ต้องการให้วิศวกรที่เรามีอยู่ตอนนี้สามารถคิดค้นนวัตกรรมได้เร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น นั่นจะทำให้เราได้เปรียบในการแข่งขัน”&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ที่น่าสังเกตคือ Robbins ไม่ได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ซิสโก้จะจ้างพนักงานน้อยลงในระยะยาว อันเป็นผลมาจากประสิทธิภาพของ AI “มันยังเร็วไป” เขากล่าว แปลและเรียบเรียงจาก&nbsp;<a target="_blank" href="https://www.cnbc.com/2025/09/17/duolingo-ceo-how-ai-makes-my-employees-more-productive-without-layoffs.html" alt="Duolingo CEO: AI makes my employees ‘four or five times’ as productive—without laying off a single human">Duolingo CEO: AI makes my employees ‘four or five times’ as productive—without laying off a single human</a>​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a target="_blank" href="https://forbesthailand.com/news/it/global/mark-cuban-ai-skilled-kids-more-likely-to-become-successful-adults" alt="Mark Cuban ชี้ เด็กใช้ AI เป็น มีโอกาสเป็นผู้ใหญ่ที่สำเร็จมากกว่า และพร้อมที่สุดสำหรับการเป็นผู้นำ">Mark Cuban ชี้ เด็กใช้ AI เป็น มีโอกาสเป็นผู้ใหญ่ที่สำเร็จมากกว่า และพร้อมที่สุดสำหรับการเป็นผู้นำ</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

ซีอีโอ Duolingo เผย หลังประกาศใช้ AI ไม่ได้ปลดพนักงานประจำสักคน! แถม Productive ขึ้น 4-5 เท่า

<h2>หลายบริษัททั่วโลกต่างทยอยนำเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เข้าประยุกต์ใช้ในการทำงาน แต่นาทีนี้จะมีใครมาแรงไปกว่า Duolingo แพลตฟอร์มฝึกภาษาที่หลายคนคุ้นเคย กับมาสคอตนกฮูกสีเขียวที่สร้างไวรัลบนโลกออนไลน์มาหลายต่อหลายครั้ง ด้วยพฤติกรรมการตามจิกผู้ใช้งานไปทบทวนบทเรียน ซึ่งทางแพลตฟอร์มก็ได้มีการนำ AI มาช่วยสร้างสรรค์เนื้อหาต่างๆ มาสักระยะแล้ว</h2> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ล่าสุด Duolingo ได้เปิดตัวบทเรียนใหม่ 148 คอร์ส มากกว่าคราวก่อนเป็นเท่าตัว ต้องขอบคุณพลังของ AI และหากใครที่คิดว่า Duolingo จะหยุดอยู่แค่นั้น คุณคิดผิด เพราะทางบริษัทถลำลึกกับ AI ไปอีกขั้น เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา Duolingo ได้มีการเผยแพร่อีเมลของซีอีโออย่าง Luis von Ahn บน LinkedIn ถึงการเดินหน้านโยบาย AI-First โดยเตรียมบอกลาพนักงานสัญญาจ้าง และจะนำ AI มาเติมเต็มหน้าที่ในส่วนนั้นแทน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“AI ได้เข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ไม่จำเป็นต้องถามว่าเมื่อไหร่ เพราะมันกำลังดำเนินไปในตอนนี้ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่หลวงเช่นนี้เกิดขึ้น สิ่งที่แย่ที่สุดที่คุณทำได้คือการรอคอย” von Ahn กล่าวโดยยกตัวอย่างเหตุการณ์ในอดีต เมื่อสมาร์ทโฟนก้าวเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน Duolingo ไม่รอช้าที่จะพัฒนาแอปพลิเคชั่นของตัวเอง จนได้รับรางวัล App of the Year บน iPhone ในปี 2023 ตามด้วยยอดผู้ใช้งานที่เพิ่มขึ้นแบบปากต่อปาก&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ในอดีต Duolingo เดิมพันความสำเร็จกับแอปบนมือถือ และตอนนี้บริษัทก็กำลังจะทำแบบเดียวกันกับ AI&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ซีอีโอ Duolingo มองว่า AI ไม่เพียงแค่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ยังช่วยตอบโจทย์เป้าหมายของบริษัท นั่นคือการสอนภาษาที่ดีขึ้นซึ่งต้องมีการสร้างสรรค์เนื้อหาขึ้นจำนวนมาก การผลิตเนื้อหาแบบเดิมย่อมไม่ทันกาล จึงต้องนำ AI เข้ามาใช้เพื่อให้สามารถผลิตเนื้อหาได้มากขึ้นในเวลาอันสั้น นอกเหนือจากนี้ AI ยังมีส่วนช่วย Duolingo พัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แน่นอนว่าเทคโนโลยี AI ในตอนนี้อาจยังไม่ทรงพลังเต็มร้อย แต่ von Ahn ชี้ว่าไม่ควรรั้งรออีกต่อไป ควรจะรีบก้าวไปข้างหน้า แก้ปัญหาเล็กน้อยที่อาจเกิดขึ้นระหว่างทาง ดีกว่าเชื่องช้าและพลาดโอกาส โดยไล่เรียงความเปลี่ยนแปลงสำคัญที่จะเกิดขึ้นในการขับเคลื่อนนโยบาย AI-First ดังนี้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• บริษัทจะยุติการทำงานกับพนักงานสัญญาจ้างในหมวดหมู่งานที่ AI สามารถทำได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• การใช้งาน AI คือคุณสมบัติหนึ่งที่บริษัทมองหาในการว่าจ้างพนักงานใหม่&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• การใช้งาน AI จะเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินการทำงานของพนักงาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• การสรรหาบุคลากรเพิ่ม จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อทีมใช้ระบบอัตโนมัติช่วยงานจนถึงขีดจำกัดแล้ว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;• การทำงานส่วนใหญ่จะมีสิ่งจูงใจเฉพาะตัวเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงด้านวิธีการทำงาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ von Ahn ย้ำว่า “Duolingo จะยังคงเป็นบริษัทที่ใส่ใจพนักงานอย่างลึกซึ้ง การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่การแทนที่คนด้วย AI แต่เป็นการแก้ปัญหาคอขวด ทำให้เราสามารถดึงศักยภาพอันน่าทึ่งของแต่ละคนออกมาได้มากกว่าเดิม” โดยจะมีการฝึกอบรม แนะนำ และสนับสนุนเครื่องมือต่างๆ ให้พนักงานด้วย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“การเปลี่ยนแปลงอาจน่ากลัว แต่ผมเชื่อว่านี่จะเป็นก้าวที่ยอดเยี่ยมของ Duolingo” von Ahn กล่าวทิ้งท้าย&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;แน่นอนว่า Duolingo ไม่ใช่บริษัทแรกที่ตัดสินใจเดินหน้านโยบาย AI เพราะเมื่อเร็วๆ นี้ Tobi Lutke ซีอีโอ Shopify ได้มีการบอกกับทีมงานว่า หากพวกเขาต้องการคนหรือทรัพยากรเพิ่ม ก็ต้องแสดงให้เห็นก่อนว่า ทำไมถึงใช้ AI ทำงานเหล่านี้ให้เสร็จไม่ได้&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;อย่างไรก็ตาม Brian Merchant นักข่าวด้านเทคโนโลยีได้มีการสอบถามอดีตพนักงานสัญญาจ้างของ Duolingo พบว่า นโยบาย AI-First ไม่ใช่สิ่งใหม่ที่บริษัทกำลังจะทำ แต่เริ่มดำเนินการไปตั้งนานแล้ว โดยมีการยุติการทำงานกับพนักงานสัญญาจ้างตำแหน่งนักเขียนและนักแปลราว 10% ณ สิ้นปี 2023 อีกทั้งยังมีการปลดคนเพิ่มอีกในเดือนตุลาคม 2024&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Merchant ฉายภาพอีกด้านว่ากรณีของ Duolingo คือตัวอย่างของวิกฤตแรงงานที่ได้รับผลกระทบจาก AI ที่หลายคนวิตกกังวล โดยนอกเหนือจากนักเขียนและนักแปลที่เคยทำงานให้ Duolingo แล้ว เขายังพบปะพูดคุยกับศิลปินมืออาชีพหลายคนซึ่งต่างก็สูญเสียลูกค้าไป เพราะหลายบริษัทเลือกจะหันไปใช้ AI มากกว่าเสียเงินจ้างงานมนุษย์ แม้จะเป็นอุตสาหกรรมที่ต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์และสุทรียศาสตร์ก็ตาม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ไม่เพียงเท่านั้น เสียงของผู้คนบนโลกออนไลน์ที่ไม่เห็นด้วยกับการนำ AI มาใช้แทนที่แรงงานคนก็มีไม่น้อยเช่นกัน หลายคนมองว่า Duolingo กำลังละเลยความสมบูรณ์แบบและรายละเอียดโดยมุ่งเน้นแค่ความเร็วและปริมาณงาน หลายคนก็แสดงความคิดเห็นว่าต้องการสนับสนุนบริษัทที่ให้ความสำคัญกับแรงงานคนเหนือหุ่นยนต์และ AI&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“บางที Duolingo น่าจะลองพิจารณาการแทนที่ซีอีโอด้วย AI ดูบ้างนะ อาจช่วยให้ตัดสินใจดีขึ้นก็ได้” ผู้ใช้งาน LinkedIn รายหนึ่งกล่าว&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;สุดท้ายนี้ สิ่งที่ Duolingo เลือกจะเป็นหนทางที่ถูกต้องหรือไม่ บริษัทจะประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่เหมือนกรณีการสร้างแอปบนมือถือหรือเปล่า คงต้องรอติดตามต่อไป แหล่งที่มา:​<a href="https://www.theverge.com/news/657594/duolingo-ai-first-replace-contract-workers" alt="Duolingo will replace contract workers with AI">Duolingo will replace contract workers with AI</a>​ ​<a href="https://techcrunch.com/2025/05/04/is-duolingo-the-face-of-an-ai-jobs-crisis/" alt="Is Duolingo the face of an AI jobs crisis?">Is Duolingo the face of an AI jobs crisis?</a>​ ​<a href="https://www.linkedin.com/feed/update/urn:li:activity:7322560534824865792/" alt="Duolingo’s Post on LinkedIn">Duolingo’s Post on LinkedIn</a>​ ภาพ:&nbsp;<a href="https://unsplash.com/photos/a-green-phone-with-a-face-drawn-on-it-rwKxK0zWxDI" alt="appshunter.io">appshunter.io</a>&nbsp;on Unsplash​ เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ :&nbsp;<a href="https://forbesthailand.com/news/hr/thai-employers-insight-from-coursera-micro-credentials-impact-report-2025" alt="เงินเดือนขึ้นแน่ แต่ทักษะต้องพร้อม! นายจ้างไทย 97% ไฟเขียวเพิ่มเงินเดือนผู้สมัครที่มี micro-credentials">เงินเดือนขึ้นแน่ แต่ทักษะต้องพร้อม! นายจ้างไทย 97% ไฟเขียวเพิ่มเงินเดือนผู้สมัครที่มี micro-credentials</a> <a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events