<h2>Autodesk โชว์ศักยภาพความเป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์อัจฉริยะการออกแบบและผลิตแพลตฟอร์มยานยนต์สำหรับโลกยุคใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องลงทุนมหาศาลในการออกแบบเหมือนในอดีต ในงาน Future Mobility Asia</h2>​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto; width: 650px;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/sK5vFuoAVWaxFiJRPHvh.jpg" alt="" data-proportion="true" style="width: 650px; height: 435px;" data-size="650px,435px" data-align="center" data-index="5" data-file-name="sK5vFuoAVWaxFiJRPHvh.jpg" data-file-size="0" origin-size="650,435" data-origin="650px,435px"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เปิดตัวอย่างจริงจังในงาน Future Mobility Asia ที่เพิ่งผ่านพ้นไป สำหรับผู้ให้บริการด้านซอฟต์แอร์อัจฉริยะจากอเมริกา ซึ่งเป็นหัวใจของการผลิตยุคใหม่ ที่ช่วยตั้งแต่การออกแบบ การสร้างโรงงานตลอดจนการผลิต ด้วยบริการที่ครบถ้วนตั้งแต่เริ่มต้นทำให้ Autodesk เป็นหนึ่งในผู้นำระดับโลกด้านซอฟต์แวร์อัจฉริยะ การออกแบบและผลิตแพลตฟอร์มยานยนต์ ที่ตอบโจทย์ผู้ผลิตยานยนต์ได้เป็นอย่างดี ทำให้การออกแบบยานยนต์ยุคใหม่ ไม่จำเป็นต้องลงทุนมหาศาลในการออกแบบเหมือนในอดีต ยิ่งปัจจุบันรถอีวี ขยายตัวมากซอฟต์แวร์อัจฉริยะ ยิ่งตอบโจทย์ และตอบรับกันเทรนด์อุตสาหกรรมรถอีวีในไทยที่กำลังมาแรงสุดในอาเซียน และคาดว่ามีเม็ดเงินลงทุนกว่า 150,000 ล้านบาท&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Detlev Reicheneder ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์อุตสาหกรรม Autodesk Inc. เปิดเผยในงาน Future Mobility Asia ซึ่งจัดโดยกระทรวงพลังงาน ระหว่างวันที่ 17-19 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมา ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งเป็นงานนิทรรศการและการประชุมที่มีการจัดแสดงแนวคิด โซลูชัน เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ยั่งยืนในอนาคตอย่างครอบคลุมและศึกษาข้อมูลเชิงลึกที่จำเป็นสำหรับผู้บริหาร เพื่อการใช้ประโยชน์จากโอกาสสำหรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมและการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล (Digital Transformation) ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่งนโยบายด้านยานยนต์ไฟฟ้าของรัฐบาล ซึ่งเป็นแนวนโยบายที่ทั่วโลกรวมทั้งบริษัทให้ความสนใจ&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ผู้บริหาร Autodesk มองว่าแนวโน้มของอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้ากำลังเติบโตอย่างมาก “ในปี 2030 คาดว่ายานยนต์ 1 ใน 3 คันจะเป็นระบบขับเคลื่อนด้วยระบบไฟฟ้า ด้วยนโยบายเชิงรุกการพัฒนาอย่างยั่งยืนของรัฐบาลภูมิภาคเอเชีย กำหนดให้ภูมิภาคนี้มีบทบาทสำคัญในการเปลี่ยนแปลงระดับโลกไปสู่การนำพลังงานสะอาดมาใช้ในธุรกิจยานยนต์” &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เขาบอกว่าเห็นได้ชัดเจนจากการส่งเสริมของภาครัฐ ส่งผลให้ตลาดรถ EV ในประเทศไทยเปลี่ยนไปสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น รวมถึงการลงทุนใหม่ๆ จากภาคเอกชน ณ ปัจจุบันประเทศไทยถือเป็นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีรถยนต์ EV มากกว่า 100,000 คันบนท้องถนนและมีแนวโน้มขยายตัวมากขึ้น​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/vi7gsDUUShPHTTGVXbgA.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="vi7gsDUUShPHTTGVXbgA.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,435" style="" data-index="1"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ มาตรการลดภาษีสรรพสามิตสำหรับแบตเตอรี่ EV และโครงการเงินช่วยเหลือ คาดว่าจะสร้างมูลค่าการลงทุนสูงกว่า 4,800 ล้านเหรียญสหรัฐในอุตสาหกรรม EV ของไทย ซึ่ง Autodesk มีนโยบายสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลของอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เพื่อเร่งการเปลี่ยนแปลงไปสู่การขับเคลื่อนที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ออกแบบผลิตด้วย AI 	&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Autodesk ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตซอฟแวร์อัจฉริยะครบวงจร จากประเทศสหรัฐอเมริกา ได้นำไฮไลต์ ความสำเร็จทางเทคโนลียานยนต์ ของกลุ่มลูกค้ามาจัดแสดง อาทิ แชสซีรถยนต์อัจฉริยะที่ใช้พลังปัญญาประดิษฐ์ (AI) ตัวแรกของโลก รวมทั้งเทคโนโลยีเจนเนอเรทีฟดีไซน์ (generative design) ที่ทำให้รถแข่งมีน้ำหนักเพียง 570 กก. และสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;รวมถึงการนำเสนอการเปลี่ยนผ่านของเทคโนโลยีผ่านระบบวีอาร์ นำความหลงใหลในโลกยานยนต์ด้วยการออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติซึ่งผ่านการจำลองมาเพื่อให้ผู้สนใจได้สัมผัสนวัตกรรมแบบเสมือนจริง​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/gdMnwdfY8sX9WyUX1qob.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="gdMnwdfY8sX9WyUX1qob.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,433" style="" data-index="2"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ทั้งนี้ PIX Moving ใช้เครื่องมือ AI และดิจิทัล เช่น การออกแบบเชิงสร้างสรรค์ การพิมพ์ 3 มิติ และวิทยาการหุ่นยนต์เพื่อสร้างความยืดหยุ่น ปรับปรุงการทำงานร่วมกัน และทำให้กระบวนการทำงานเป็นอัตโนมัติ ช่วยให้องค์กรเติบโตผ่านการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่อุตสาหกรรมยานยนต์ต้องเผชิญด้วยเทคโนโลยีของ Autodesk&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;เทคโนโลยีของ PIX Moving Ultra-Skateboard TM ซึ่งจัดแสดงที่บูธ Autodesk เป็นแชสซี AI ตัวแรกของโลกที่ออกแบบมาเพื่อลดอุปสรรคด้านนวัตกรรมสำหรับการขับขี่แบบอัตโนมัติ พร้อมส่งเสริมแนวทางการผลิตที่ยั่งยืน ด้วยการเปิดใช้งานกระบวนการผลิตที่คล่องตัวและมีประสิทธิภาพ PIX Moving กำลังปูทางไปสู่อนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;การใช้การออกแบบเชิงสร้างสรรค์ที่ขับเคลื่อนด้วย AI ทำให้ PIX Moving สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการออกแบบแชสซีให้เหมาะกับความต้องการเฉพาะของแต่ละแอปพลิเคชั่น และสร้างแพลตฟอร์มและยานยนต์ที่ปรับแต่งได้หลากหลายแบบแทบไม่จำกัด ด้วยการรวมวิธีการนี้เข้ากับการพิมพ์โลหะ 3 มิติและเทคโนโลยีการผลิตดิจิทัลอื่นๆ ทำให้ PIX Moving สามารถผลิตโซลูชันแบบกำหนดเองเหล่านี้ได้ด้วยระยะเวลาในการผลิตที่สั้นกว่า OEM และรูปแบบซัพพลายเชนแบบดั้งเดิมมาก ซึ่งช่วยลดของเสียและการใช้พลังงาน&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;“ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยนี้ ผู้ผลิตสามารถใช้ซอฟต์แวร์ของ Autodesk ในการออกแบบทั้งกระบวนการ ตลอดจนการสร้างโรงงานและการผลิต ทำให้ลดค่าใช้จ่ายที่เกินจำเป็นลงได้มาก” Detlev กล่าวและว่าการลดข้อจำกัดนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับผู้ผลิตรายใหม่ หรือธุรกิจสตาร์ทอัพด้านยานยนต์ได้เป็นอย่างดี ​<div class="se-component se-image-container __se__float- __se__float-center" contenteditable="false"><figure style="margin: auto;"><img src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/05/bV1KH6iayh6TBdnNSExQ.jpg" alt="" data-proportion="true" data-align="center" data-file-name="bV1KH6iayh6TBdnNSExQ.jpg" data-file-size="0" data-origin="," data-size="," data-rotate="" data-rotatex="" data-rotatey="" data-percentage="auto,auto" origin-size="650,433" style="" data-index="3"></figure></div> &nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;ด้าน Briggs Automotive Company (BAC) เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จจากการนำเทคโนโลยีขั้นสูงของ BAC และ Autodesk มาขับเคลื่อนนวัตกรรมและเทคโนโลยีในการผลิตรถสปอร์ตโดยใช้ generative design ทำให้รถแข่งมีน้ำหนักเพียง 570 กก. และสามารถเร่งความเร็วได้ถึง 100 กม./ชม. ภายในเวลาไม่ถึงสามวินาที รวมถึงการประยุกต์ใช้ในกระบวนการผลิตอื่นๆ ซึ่งส่งผลดีต่อการบริหารจัดการธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถดึงผู้ซื้อให้ใกล้ชิดกับนักออกแบบและลูกค้า รวมถึงซัพพลายเออร์ได้มากขึ้น&nbsp;&nbsp;&nbsp;&nbsp;Autodesk Inc. มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่ ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย มีรายได้รวมอยู่ที่ 5.01 พันล้านเหรียญในปีงบประมาณ 2023 (สิ้นสุดวันที่ 31 มกราคม 2023) และมีพนักงาน 13,700 คนทั่วโลก (ณ วันที่ 31 มกราคม 2023) เทคโนโลยีและโซลูชันซอฟต์แวร์อัจฉริยะครอบคลุมทั้งสถาปัตยกรรม วิศวกรรม การก่อสร้าง การออกแบบผลิตภัณฑ์ การผลิตสื่อ และธุรกิจด้านบันเทิง ลูกค้ายานยนต์ของ Autodesk ได้แก่ ผู้ผลิต ซัพพลายเออร์ และบริษัทออกแบบที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น Tesla และ Hyundai อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/other/news/%E0%B8%A3%E0%B8%9E-%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7-%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%87%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%87%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%89%E0%B8%9E%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87" alt="รพ.ลาดพร้าว ทุ่มงบพันล้านสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทาง">รพ.ลาดพร้าว ทุ่มงบพันล้านสร้างโรงพยาบาลเฉพาะทาง</a>​<hr class="__se__solid">​<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/" alt="ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

“Autodesk” ผู้นำซอฟแวร์อัจฉริยะ รุกหนักยานยนต์เพิ่มโอกาสรายเล็ก

<h2 class="p3">ซอฟต์แวร์ของ Autodesk ครองวงการสถาปัตย์มากว่า 3 ทศวรรษ แต่ถ้าจะหยุดยั้งการตกยุค Andrew Anagnost ก็ต้องสร้างธุรกิจขึ้นใหม่</h2>
Andrew Anagnost คือประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Autodesk บริษัทอายุ 36 ปีซึ่งเป็นผู้บุกเบิกซอฟต์แวร์ช่วยออกแบบโดยใช้คอมพิวเตอร์ (computeraided design หรือ CAD) Anagnost ได้รับตำแหน่งนี้เมื่อเดือนมิถุนายนปี 2017 หลังจากบริษัททำศึกยืดเยื้อกับผู้ลงทุนที่ต้องการเข้ามาคุมกิจการ และหัวหน้าคนเก่าของเขาลาออกไป
แม้ที่ผ่านมาบริษัทจะใช้เวลาหลายปีเพื่อค้นหาบทที่ 2 ผ่านการซื้อสตาร์ทอัพและทุ่มเงินไปกับงานวิจัยที่ไม่น่าจะสำเร็จง่ายๆ แต่ภารกิจของ Anagnost เรียบง่ายกว่านั้น คือการเลือกธุรกิจที่เป็นผู้ชนะ
Wall Street เดิมพันว่าเขาเลือกผู้ชนะได้ถูกต้องแล้ว เพราะราคาหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบสามเท่าในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา และมูลค่าหุ้นในตลาดอยู่ที่ 2.7 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็น 13 เท่าของรายได้ ซึ่งถือเป็นการเดิมพันครั้งใหญ่กับบริษัทที่ขาดทุนมาตั้งแต่ปี 2016
ธุรกิจที่ Anagnost เลือกคือ ซอฟต์แวร์เพื่อธุรกิจซื้อขายอาคาร ทักษะของบริษัทที่เคยอยู่เบื้องหลังอัลกอริทึมสำหรับงานออกแบบอาคารและชิ้นส่วนเครื่องจักร ตอนนี้นำมาใช้กับงานอันยุ่งเหยิงด้านบริหารจัดการโครงการก่อสร้างแทน ซึ่งแปลว่าบริษัทจะต้องโยนธุรกิจด้านอื่นทิ้งไปและสละพนักงาน 1,200 คน


<figure><img class="wp-image-4401 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/autocad2016-e1549457334591.png" alt="" width="800" height="430" /><figcaption> AutoCAD ซอฟต์แวร์ที่ใช้ออกแบบได้ทุกอย่างตั้งแต่ตึกระฟ้าไปจนถึงชิ้นส่วนรถยนต์ (PHOTO CREDIT: Autodesk Forum)</figcaption></figure>
ย้อนไปเมื่อปี 1997 ในตอนนั้น Autodeskเป็นบริษัทผู้ชนะ สถาปนิกและวิศวกรใช้ซอฟต์แวร์ AutoCAD ออกแบบทุกอย่างตั้งแต่ตึกระฟ้าไปจนถึงชิ้นส่วนรถยนต์ และ 20 ปีต่อมา AutoCAD และผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานออกแบบก็ยังคิดเป็น 80% ของยอดขายทั้งหมด
ทว่า หลังจากทศวรรษแห่งการเติบโต บริษัทก็ตกที่นั่งลำบากในช่วงเศรษฐกิจถดถอยเมื่อปี 2009 Carl Bass CEO บริษัทในช่วงนั้น ลงทุนอย่างหนักกับการวิจัยและพัฒนาโครงการหลากหลาย แต่ก็ไม่ได้สินค้าอะไรที่ใหญ่เท่า AutoCAD
เรื่องสำคัญอีกเรื่องคือการที่ระบบคลาวด์ (Cloud computing) เข้ามาเขย่าและเปลี่ยนแปลงวงการซอฟต์แวร์ ทำให้ Autodeskก็ต้องร่วมขบวนไปกับบริษัทอื่นอย่าง Adobe และเปลี่ยนจากการทำซอฟต์แวร์แบบใส่กล่องขาย มาเป็นซอฟต์แวร์แบบออนไลน์ขายในรูปแบบการจ่ายค่าใช้งานตามระยะเวลา (subscription)
ขณะนี้บริษัทจึงต้องทุ่มเทสร้างธุรกิจใหม่ และ Anagnost มองว่าธุรกิจก่อสร้างเป็นตลาดใหม่ที่สุกงอมพอให้เข้าจู่โจมได้ กลุ่มคนที่ติดตามธุรกิจนี้อยู่คาดการณ์ว่าตลาดสำหรับซอฟต์แวร์ด้านงานก่อสร้างทั่วโลกจะมีมูลค่าถึง 1 หมื่นล้านเหรียญในปี 2020


<figure><img class="wp-image-4402 size-full" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/bim-360-glue-model-visibility_11309234-e1549457428944.jpg" alt="" width="800" height="600" /><figcaption> BIM 360 เครื่องมือบริหารจัดการงานก่อสร้างที่หวังเป็นซอฟต์แวร์ใหม่ที่ช่วยทำรายได้ให้กับบริษัท (PHOTO CREDIT: forconstructionpros.com)</figcaption></figure>
เครื่องมือบริหารจัดการชื่อ BIM 360 ของAutodesk สามารถเตือนวิศวกรได้เมื่อโครงการกำลังล่าช้าหรือไม่ตรงตามข้อกำหนด และสำหรับโครงการที่สร้างเสร็จแล้วเกือบ 100 แห่งในไอร์แลนด์และสหราชอาณาจักร ซอฟต์แวร์ BIM 360 ก็ช่วยตรวจสอบการบำรุงรักษาอาคารโรงเรียนและโรงพยาบาลได้

<ul>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/world/technology/tooey-courtemanche-%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%AE%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87.html">Tooey Courtemanche นายช่างใหญ่ไฮเทคแห่ง Procore ดึงธุรกิจก่อสร้างขึ้นระบบคลาวด์</a></li>
</ul>
Brian Tolles นักวิเคราะห์ของ Jackson Square Partners ซึ่งเป็นหนึ่งในนักลงทุนรายใหญ่ของบริษัทกล่าวว่า Autodeskก้าวหน้าไปเร็วกว่าคู่แข่งที่มีขนาดใกล้เคียงกัน และมีช่องทางเข้าถึงลูกค้าได้มากกว่าบริษัทเล็กที่จ้องโอกาสในธุรกิจเทคโนโลยีก่อสร้างอยู่
อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ทุกคนจะเชื่อมั่นในวิสัยทัศน์ของ Anagnost “บริษัทยังต้องสร้างนวัตกรรมผลิตภัณฑ์ชิ้นสำคัญ ซึ่งผมก็ยังไม่เห็นว่าสินค้าใหม่ตัวไหนจะติดตลาด” Stephen Bersey นักวิเคราะห์ของ Mitsubishi UFJ Securities ในสหรัฐฯ กล่าว
สำหรับสินค้าใหม่อย่าง BIM 360 Project IQ ซึ่งเป็นปัญญาประดิษฐ์ที่Autodesk พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาสำหรับใช้กับงานในไซต์ก่อสร้าง ซอฟต์แวร์ใหม่นี้ใช้ประโยชน์จากข้อมูลนับสิบปีที่เก็บมาจากลูกค้าและประเด็นปัญหาที่ลูกค้าเคยพบ 39 ล้านรายการ (เช่น ความเสียหายจากน้ำ) เพื่อทำนายว่าในไซต์ก่อสร้างจะมีปัญหาใดบ้างที่ต้องเร่งดูแล
“ผมอยากให้ Autodesk เป็นบริษัทที่ช่วยให้งานก่อสร้างมีความเป็นอุตสาหกรรมมากขึ้น” Anagnost กล่าว แล้วเขาก็เริ่มพูดเรื่องล้ำยุค เช่น การสร้างฐานตึกด้วยคอนกรีตโดยใช้เครื่องพิมพ์สามมิติ การวางผังเมืองในโลกที่รถยนต์ขับเคลื่อนได้เอง และการสร้างโรงงานขนาดจิ๋วสำหรับช่างฝีมือในเว็บ Etsy เขากล่าวว่า สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่นิยายวิทยาศาสตร์ และเราจะได้เห็นภายในไม่เกิน 1 ทศวรรษ
&nbsp;
เรื่อง: Kathleen Chaykowski และ Alex Konrad
เรียบเรียง: ธรรดร โสตถิอำรุง


<hr />

<a href="http://bit.ly/ForbesTHJan2019">คลิกอ่านบทความฉบับเต็มของ "พิมพ์เขียวเพื่อปั้นโมเดลใหม่" ได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มกราคม 2562 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="http://bit.ly/ForbesTHJan2019"><img class="alignnone wp-image-4278" src="http://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2019/02/Forbes-Thailand-%E0%B8%89%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1-2562-Bill-Heinecke.jpg" alt="" width="250" height="328" /></a>

พิมพ์เขียวเพื่อปั้นโมเดลใหม่ให้กับ “Autodesk”

<h2>Autodesk University ASEAN 2017 จัดโชว์นวัตกรรมสร้างแบบจำลองเชื่อมโลกสู่สาธารณะ พร้อมจับมือสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ ดิจิไทซ์โบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์ 1,500 แห่งประเทศไทย ด้านผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เชื่อนวัตกรรมสร้างการทำงานที่ยั่งยืนได้</h2>
สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) และ Autodesk ประกาศความร่วมมือในการแปลงโบราณวัตถุอันล้ำค่าในพิพิธภัณฑ์จำนวน 1,500 แห่งทั่วประเทศ ให้ไปอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ด้วยโซลูชั่นชื่อรีเมคของ Autodesk ที่ชื่อ  Autodesk ReMake ภายใต้โครงการนี้ ระหว่างสององค์กรทำการแปลงรูปภาพและภาพสแกนโบราณวัตถุ 2 มิติ ให้เป็นโมเดลดิจิทัล 3 มิติ ที่มีความคมชัดสูง โดยวัตถุจัดแสดงในรูปแบบดิจิทัลจะนำไปเผยแพร่องค์ความรู้บนเว็บไซต์มิวเซียมไทยแลนด์ เพื่อสร้างประสบการณ์เสมือนจริง ทั้ง 5 ภูมิภาคทั่วไทยและจุดเชื่อมโยงด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ไทยแก่คนทั่วโลก

“โครงการที่เราดำเนินการร่วมกับออโต้เดสก์นี้ มีความสำคัญหลายประการ เราทำงานแข่งกับเวลา เพื่ออนุรักษ์โบราณวัตถุ ทั้งนี้เราคงไม่สามารถจัดแสดงโบราณวัตถุจำนวนมากมายที่มีอยู่ทั้งหมดในประเทศไทยให้ปรากฏต่อสายตาสาธารณชน ดังนั้น ในยุคที่ประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่ดิจิทัล สพร. จึงนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยนี้มาใช้ในการอนุรักษ์มรดกไทย  เพื่อดึงดูดให้คนรุ่นใหม่ที่ฉลาดรู้และเข้าใจเรื่องดิจิทัลได้เข้าถึงและซึมซับประวัติศาสตร์ชาติเราในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟ” ราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ กล่าวในงานแถลงข่าว Autodesk University ASEAN

<figure><img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/044b0f51a1ece15d4a5b95c0c176b06e.jpg" alt="" width="680" height="453" /><figcaption> อาภาพร สุภรณ์ทิพย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย Autodesk (ขวา)</figcaption></figure>

ด้าน อาภาพร สุภรณ์ทิพย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย Autodesk กล่าวถึงการทำงานของ Autodesk ReMake สามารถเปลี่ยนวัตถุจัดแสดงหรือภาพสแกน 2 มิติของวัตถุจริงให้เป็นโมเดล 3 มิติ ที่มีความคมชัดสูง โดยกระบวนการดังกล่าวนี้เรียกว่า Reality Captur) ทั้งนี้ ReMake ผ่านการใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ชิ้นงาน 3 มิติ ในการขึ้นชิ้นงานเพื่อจำลองเป็นงานสำคัญ

สำหรับมุมมองของ สุทธา เรืองชัยไพบูลย์ ประธานผู้อำนวยการ MQDC กล่าวบนเวมีสัมมนา Autodesk University ASEAN 2017 ถึงเทคโนโลยีสำคัญชิ้นหนึ่งของ Autodesk คือโปรแกรม Building Information Modeling (BIM) ที่ได้ยกระดับธุรกิจการก่อสร้างและกระบวนการออกแบบของบริษัท ที่สามารถประเมิน ต้นทุนการทำงาน ขั้นตอนกาารทำงาน และการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และนำไปใช้ในโครงการสำคัญ อาทิ WHIZDOM 101

“เรามีความเชื่อมั่นในการมองหากรอบการดำเนินงานที่ดีที่สุดเพื่อนำไปปฎิบัติ ซึ่งMQDC เราเรียกกระบวนการและนวัตกรรมดังกล่าวโดยรวมว่า นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (Sustainnovation)” สุทธา เรืองชัยไพบูลย์ ประธานผู้อำนวยการ MQDC กล่าวและทิ้งท้าย

“โครงการอสังหาริมทรัพย์ของเราเรารับประกัน 30 ปี เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของเรา พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย”

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/e5c82d1a5cba8d839a140dc8ae255da2.jpg" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/9e6e471de6d3d06012544898f845a102.jpg" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/e07ca23df76a55fc6ab27c6f27d54116.jpg" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/ecd6c6aec8b55c124c3a50b5a1c204c1.jpg" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/a6e91dddef336e860c2899b0a27a93cd.jpg" alt="" />

<img style="width: 680px; height: 453px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/6b664f4ace77a24b0ebb1a522f6da7b0.jpg" alt="" />

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events