Autodesk University ASEAN 2017 จัดโชว์นวัตกรรมสร้างแบบจำลองเชื่อมโลกสู่สาธารณะ พร้อมจับมือสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ ดิจิไทซ์โบราณวัตถุในพิพิธภัณฑ์ 1,500 แห่งประเทศไทย ด้านผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เชื่อนวัตกรรมสร้างการทำงานที่ยั่งยืนได้
สถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ (สพร.) และ
Autodesk ประกาศความร่วมมือในการแปลงโบราณวัตถุอันล้ำค่าในพิพิธภัณฑ์จำนวน 1,500 แห่งทั่วประเทศ ให้ไปอยู่ในรูปแบบดิจิทัล ด้วยโซลูชั่นชื่อรีเมคของ
Autodesk ที่ชื่อ Autodesk ReMake ภายใต้โครงการนี้ ระหว่างสององค์กรทำการแปลงรูปภาพและภาพสแกนโบราณวัตถุ 2 มิติ ให้เป็นโมเดลดิจิทัล 3 มิติ ที่มีความคมชัดสูง โดยวัตถุจัดแสดงในรูปแบบดิจิทัลจะนำไปเผยแพร่องค์ความรู้บนเว็บไซต์มิวเซียมไทยแลนด์ เพื่อสร้างประสบการณ์เสมือนจริง ทั้ง 5 ภูมิภาคทั่วไทยและจุดเชื่อมโยงด้านวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ไทยแก่คนทั่วโลก
“โครงการที่เราดำเนินการร่วมกับออโต้เดสก์นี้ มีความสำคัญหลายประการ เราทำงานแข่งกับเวลา เพื่ออนุรักษ์โบราณวัตถุ ทั้งนี้เราคงไม่สามารถจัดแสดงโบราณวัตถุจำนวนมากมายที่มีอยู่ทั้งหมดในประเทศไทยให้ปรากฏต่อสายตาสาธารณชน ดังนั้น ในยุคที่ประเทศไทยกำลังเดินหน้าสู่ดิจิทัล สพร. จึงนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยนี้มาใช้ในการอนุรักษ์มรดกไทย เพื่อดึงดูดให้คนรุ่นใหม่ที่ฉลาดรู้และเข้าใจเรื่องดิจิทัลได้เข้าถึงและซึมซับประวัติศาสตร์ชาติเราในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟ”
ราเมศ พรหมเย็น ผู้อำนวยการสถาบันพิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งชาติ กล่าวในงานแถลงข่าว Autodesk University ASEAN
ด้าน
อาภาพร สุภรณ์ทิพย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย Autodesk กล่าวถึงการทำงานของ Autodesk ReMake สามารถเปลี่ยนวัตถุจัดแสดงหรือภาพสแกน 2 มิติของวัตถุจริงให้เป็นโมเดล 3 มิติ ที่มีความคมชัดสูง โดยกระบวนการดังกล่าวนี้เรียกว่า Reality Captur) ทั้งนี้ ReMake ผ่านการใช้เทคโนโลยีการพิมพ์ชิ้นงาน 3 มิติ ในการขึ้นชิ้นงานเพื่อจำลองเป็นงานสำคัญ
สำหรับมุมมองของ สุทธา เรืองชัยไพบูลย์ ประธานผู้อำนวยการ MQDC กล่าวบนเวมีสัมมนา Autodesk University ASEAN 2017 ถึงเทคโนโลยีสำคัญชิ้นหนึ่งของ Autodesk คือโปรแกรม Building Information Modeling (BIM) ที่ได้ยกระดับธุรกิจการก่อสร้างและกระบวนการออกแบบของบริษัท ที่สามารถประเมิน ต้นทุนการทำงาน ขั้นตอนกาารทำงาน และการประเมินผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และนำไปใช้ในโครงการสำคัญ อาทิ WHIZDOM 101
“เรามีความเชื่อมั่นในการมองหากรอบการดำเนินงานที่ดีที่สุดเพื่อนำไปปฎิบัติ ซึ่งMQDC เราเรียกกระบวนการและนวัตกรรมดังกล่าวโดยรวมว่า นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (Sustainnovation)” สุทธา เรืองชัยไพบูลย์ ประธานผู้อำนวยการ MQDC กล่าวและทิ้งท้าย
“โครงการอสังหาริมทรัพย์ของเราเรารับประกัน 30 ปี เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าของเรา พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ของประเทศไทย”