หอเกียรติยศ: 30 ดาวเด่นตลอดกาล จากทำเนียบ 30 Under 30 ของ Forbes ตอนที่ 2

<h2>Forbes เผยรายชื่อ 30 สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่งตลอดกาล เพื่อเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบ 10 ปีของทำเนียบ “30 Under 30”</h2>
จากผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อกว่า 100,000 รายใน 20 อุตสาหกรรมในช่วง 1 ทศวรรษที่ผ่านมา จะมีเพียง 30 หนุ่มสาวดาวรุ่งเท่านั้นที่ได้รับการคัดเลือกโดยบรรณาธิการของ Forbes ว่า มีความโดดเด่นเปล่งประกาย และเหมาะจะเป็นแรงผลักดันให้คนรุ่นต่อไป

พบกับ 10 สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่งตลอดกาลแห่งทำเนียบ “Forbes Under 30” Hall of Fame 2022

<img class="alignnone size-full wp-image-55113" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Austin.png" alt="" width="350" height="350" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=austin-russell">Austin Russell</a>

26 ปี | ผู้ก่อตั้ง Luminar

ด้วยความช่วยเหลือจาก Thiel Fellowship มูลค่า 100,000 เหรียญสหรัฐ อัจฉริยะด้านเลนส์วัย 17 ปี จึงตัดสินใจลาออกจาก Stanford กลางคัน เพื่อก่อตั้ง Luminar เพื่อพัฒนาเซ็นเซอร์เลเซอร์คุณภาพสูงสำหรับยานยนต์อัตโนมัติ

ไม่เพียงเท่านี้ Russell ในวัย 25 ปี ยังก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีที่สร้างฐานะด้วยตนเองที่อายุน้อยที่สุดในโลก หลังนำ Luminar เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq ในเดือนธันวาคม 2020 ที่มูลค่ากิจการ 7 พันล้านเหรียญ

<img class="alignnone wp-image-55114 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Miley.png" alt="“Forbes Under 30”" width="350" height="350" /> 

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=miley-cyrus">Miley Cyrus</a>

28 ปี | ศิลปิน

Miley Cyrus มีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่นด้วยบทบาทนักแสดงนำในภาพยนตร์ซีรีส์ยอดนิยม Hannah Montana ของ Disney 

ย้อนกลับไปในปี 2014 เมื่อป๊อปสตาร์วัย 21 ปีมีรายชื่อปรากฎอยู่ในทำเนียบ “30 Under 30” หลังออกอัลบั้ม Bangerz ที่ได้รับกระแสตอบรับอย่างถล่มทลาย กระทั่งคว้ารางวัล MTV Video Music Awards อันโด่งดัง

ตั้งแต่นั้นมา Cyrus ก็ได้ออกอัลบั้มเพิ่มอีก 3 อัลบั้ม และตอนนี้ก็มีผู้ติดตาม Instagram ถึง 152 ล้านคนแล้ว 

นอกจากนี้ เธอยังก่อตั้ง Happy Foundation เพื่อสนับสนุน LGBTQ+ และเยาวชนที่มีความเสี่ยง และเป็นนักลงทุนในสตาร์ทอัพ อาทิ FanMade ซึ่งช่วยสร้างประสบการณ์แฟนพันธุ์แท้และ Hers บริษัทผลิตภัณฑ์สำหรับผู้หญิง

<img class="alignnone wp-image-55115 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Rihanna.png" alt="“Forbes Under 30”" width="350" height="350" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=rihanna">Rihanna</a>

33 ปี | ศิลปิน

ย้อนกลับไปในปี 2013 เมื่อ Rihanna วัย 24 ปีได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน “30 Under 30” จากผลงานเพลงและงานพรีเซนเตอร์ Vita Coco, Nivea และน้ำหอม Reb'l Fleur 

วันนี้ Rihanna คือ มหาเศรษฐีพันล้านที่ได้รับอานิสงส์จากการร่วมทุนใน Fenty Beauty ที่อัตราส่วนครึ่งต่อครึ่งกับ LVMH ซึ่งปัจจุบันมีมูลค่าประมาณ 2.8 พันล้านเหรียญ ขณะที่แบรนด์ชุดชั้นใน Fenty ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Jay-Z สามารถระดมทุนมูลค่า 1 พันล้านเหรียญในเดือนกุมภาพันธ์ 2021 

<img class="alignnone wp-image-55116 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/LeBron-James.png" alt="“Forbes Under 30”" width="350" height="350" />

<a href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=lebron-james">LeBron James</a>

36 ปี  | นักกีฬา NBA

James มีรายชื่อปรากฎในทำเนียบ “30 Under 30” ครั้งแรกในปี 2012 ณ ขณะนั้น กองหน้าจาก Miami Heat วัย 27 ปีเป็นดาวเด่นของ NBA และถือหุ้นเล็กน้อยในสโมสรฟุตบอล Liverpool F.C. 

ปัจจุบัน ซูเปอร์สตาร์รายนี้สามารถคว้าแชมป์ 4 รายการในนาม 3 ทีม คือ Heat, Cleveland Cavaliers และทีมปัจจุบันของเขา L.A. Lakers 

ขณะที่นอกสนาม เขาได้รับเงินกว่า 1 พันล้านเหรียญจากข้อตกลงกับ Nike และ Walmart รวมถึงจากการปรากฏตัวใน Space Jam: A New Legacy

<img class="alignnone wp-image-55117 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Sam-Bankman-Fried.png" alt="“Forbes Under 30”" width="350" height="350" />

<a href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=sam-bankman-fried">Sam Bankman-Fried</a>

29 ปี | ผู้ก่อตั้ง FTX

ในปี 2021 แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล FTX ของเขาเพิ่งระดมทุนได้ 40 ล้านเหรียญที่มูลค่าบริษัท 1.2 พันล้านเหรียญ ก่อนที่จะระดมทุนอีก 2 ครั้งใหญ่ในเวลาต่อมา ซึ่งทำให้บริษัทมีมูลค่าแตะ 2.5 หมื่นล้านเหรียญในเดือนตุลาคม ส่งผลให้ Bankman-Fried ก้าวขึ้นเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดขณะอายุน้อยกว่า 30 ปี ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 2.65 หมื่นล้านเหรียญ 

<img class="alignnone size-full wp-image-55119" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Melanie.png" alt="" width="350" height="350" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=melanie-perkins">Melanie Perkins</a>

34 ปี | ผู้ร่วมก่อตั้ง Canva

Perkins ปรากฏตัวครั้งแรกในทำเนียบ 30 Under 30 ในปี 2016 ซึ่ง ณ เวลานั้น สตาร์ทอัพมูลค่า 165 ล้านเหรียญจากออสเตรเลียมีผู้ใช้อยู่ที่ราว 8 ล้านรายที่ใช้ Canva เพื่อออกแบบทุกอย่างตั้งแต่ผลงานกราฟฟิคไปจนถึงเมนูร้านอาหาร 

ล่าสุด บริษัทระดมทุนเพิ่มอีก 200 ล้านเหรียญในเดือนกันยายนที่มูลค่ากิจการ 4 หมื่นล้านเหรียญ  

ด้าน Perkins และ Cliff Obrecht สามีผู้ร่วมก่อตั้งของเธอ เผยว่าทั้งคู่วางแผนที่จะบริจาคร้อยละ 30 ของทรัพย์สินให้กับสังคม

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/asia/canva-%e0%b8%aa%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%8c%e0%b8%97%e0%b8%ad%e0%b8%b1%e0%b8%9e%e0%b8%9e%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%8b%e0%b8%ad.html">Canva แอปออกแบบ จากสตาร์ทอัพพันล้าน</a>

<img class="alignnone size-full wp-image-55120" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Bumble.png" alt="" width="350" height="350" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=whitney-wolfe-herd">Whitney Wolfe Herd</a>

32 ปี  | ผู้ก่อตั้ง Bumble

หลังจากยุติคดีล่วงละเมิดทางเพศกับผู้ร่วมก่อตั้ง Tinder ของเธอแล้ว Wolfe Herd ได้เริ่มต้น Bumble ในปี 2014 ซึ่งเป็นแอปหาคู่ที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้หญิงได้มีสิทธ์เลือกในครั้งแรก 

2 ปีต่อมา เธอปรากฏตัวในทำเนียบ “30 Under 30” หลังจากที่ Bumble มีผู้ใช้ประมาณ 11 ล้านราย และล่าสุดเมื่อต้นปีนี้ Wolfe Herd ได้นำบริษัทเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ ก้าวขึ้นเป็นซีอีโอที่อายุน้อยที่สุดที่ในประวัติการณ์ 

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/people/cover-story/bumble.html">BUMBLE กลเกมหาคู่พันล้าน</a>

<img class="alignnone size-full wp-image-55123" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Apoorva-Mehta.png" alt="" width="350" height="350" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=apoorva-mehta">Apoorva Mehta</a>

35 ปี  | ผู้ก่อตั้ง Instacart

Mehta อดีตวิศวกร Amazon ก่อตั้ง Instacart ในปี 2012 หลังจากประสบความล้มเหลวในการเริ่มต้นธุรกิจสตาร์ทอัพกว่า 20 แห่ง 

ปัจจุบัน แอป Instacart สามารถจัดส่งสินค้าจากร้านค้า 65,000 แห่งใน 5,500 เมืองในสหรัฐอเมริกา 

บริษัทเอกชนแห่งนี้มีมูลค่า 3.9 หมื่นล้านเหรียญขณะที่ Mehta มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่ 3.5 พันล้านเหรียญ

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/instacart-%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%9e%e0%b8%a5%e0%b8%b4%e0%b8%81%e0%b9%82%e0%b8%89%e0%b8%a1%e0%b8%98%e0%b8%b8%e0%b8%a3%e0%b8%81%e0%b8%b4%e0%b8%88-%e0%b8%a3%e0%b8%b1%e0%b8%9a%e0%b8%8b%e0%b8%b7.html">Instacart ผู้พลิกโฉมธุรกิจรับซื้อ “ของชำ”</a>

<img class="alignnone size-full wp-image-55124" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Daniel-Ek.png" alt="" width="350" height="350" />

<a style="color: #008000;" href="https://www.forbes.com/30-under-30/2022/hall-of-fame?profile=daniel-ek">Daniel Ek</a>

38 ปี  | ซีอีโอ Spotify

Daniel Ek เข้าร่วมทำเนียบ 30 Under 30 ครั้งแรกในปี 2012 หลังจากที่แอปสตรีมมิงเพลงของเขามีผู้ใช้งาน 10 ล้านคนและมีมูลค่ากิจการอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญ และเพิ่งเข้าสู่สหรัฐอเมริกาได้ไม่นาน

วันนี้ Spotify ซึ่งมีมูลค่า 5 หมื่นล้านเหรียญ สตรีมเพลงกว่า 70 ล้านเพลงให้กับผู้ใช้เกือบ 400 ล้านรายใน 184 ประเทศทั่วโลก 

Ek ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วมีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า 4 พันล้านเหรียญ กำลังต่อยอด Spotify จากการเป็นเพียงสตรีมมิงเพลงไปสู่การเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลระดับโลก

<img class="alignnone size-full wp-image-55126" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/12/Vlad-Tenev.png" alt="" width="350" height="350" />

Vlad Tenev

34 ปี  | ผู้ร่วมก่อตั้ง Robinhood

Tenev ร่วมกับ Baiju Bhatt เพื่อนร่วมชั้นเรียนปริญญาตรีที่ Stanford เปิดตัว Robinhood แอปซื้อขายหุ้นไม่มีค่าธรรมเนียมในปี 2013 ที่ปฏิวัติอุตสาหกรรมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 

ปัจจุบัน Robinhood มีผู้ใช้งานมากกว่า 22 ล้านบัญชี และเพิ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เมื่อเดือนกรกฎาคม ด้วยมูลค่า ณ ราคาตลาดที่ 2.5 หมื่นล้านเหรียญ

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/baiju-bhatt-vladimir-tenev-%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0-robinhood.html">Baiju Bhatt และ Vladimir Tenev เจ้าพ่อแห่งทุนนิยมกาสิโนดิจิทัล “Robinhood”</a>

แปลและเรียบเรียงจากบทความ FORBES UNDER 30 HALL OF FAME เผยแพร่บน Forbes.com โดย ชญาน์นัทช์ ธนินท์พงศ์ภัค 

อ่านเพิ่มเติม: <a style="color: #003300;" href="https://forbesthailand.com/world/america/30-under-30-สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่-3.html">“30 Under 30” สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่ง ประจำปี 2022</a>

“Forbes Under 30” Hall of Fame 2022 : สุดยอดหนุ่มสาวดาวรุ่งตลอดกาล

Instacart ผู้พลิกโฉมธุรกิจรับซื้อ "ของชำ"

<h2>คู่แข่งตัวฉกาจปิดดีลเข้าซื้อกิจการที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของ Instacart แต่กลายเป็นว่าเจ้าของบริษัทอย่าง Apoorva Mehta กลับพออกพอใจ และสุดท้ายผลก็พิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ได้เสียสติ</h2>
เมื่อประเด็นข่าวปะทุขึ้นจนสร้างเสียงฮือฮาไปทั่ว Apoorva Mehta ทำได้เพียงตั้งสติ ขยี้ตาเงี่ยหูฟังอีกครั้ง เมื่อพากันพูดถึง Instacart บริษัทหน้าใหม่อายุ 5 ปีที่ให้บริการเดลิเวอรี่จัดส่งสินค้าอาหารสดและของชำมูลค่า 34 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ณ เช้าตรู่ของวันหนึ่งในช่วงกลางเดือนมิถุนายนปีที่ผ่านมา Amazon สร้างความสั่นสะเทือนไปทั่วโลกด้วยการประกาศเข้าซื้อกิจการ Whole Foods ในราคา 137 หมื่นล้านเหรียญ

ขณะที่ราคาหุ้นของเหล่าบริษัทเครือข่ายค้าปลีกพากันร่วงระนาว แต่สื่อด้านเทคโนโลยีตีข่าวอย่างพร้อมเพรียงว่า Instacart คือหนึ่งในผู้เล่นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด นอกจากจะถือหุ้นใน Instacart แล้ว Whole Foods ยังถือเป็นลูกค้ารายใหญ่ที่สุดของบริษัทในเวลานั้นโดยมีสัดส่วนยอดขายอยู่ที่เกือบ 10%

ขณะที่ผู้คร่ำหวอดในวงการพากันพุ่งเป้าวิพากษ์วิจารณ์ไปยัง Mehta วัย 31 ปีแต่เขาไม่สะทกสะท้านและมีเพียงความมุ่งมั่นที่จะลุกขึ้นเตรียมรับมือกับศึกครั้งนี้ หลายปีก่อนหน้านี้เขาพร่ำบอกบรรดาเครือข่ายค้าปลีกให้เตรียมพร้อมรับมือกับการรุกตลาดของ Amazon พร้อมทั้งเตือนว่าบริการใหม่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ธุรกิจค้าปลีก อย่างเช่น AmazonFresh และแผนดำเนินการเปิดร้านค้าซูเปอร์มาร์เก็ตที่ไม่ใช่ร้านค้าออนไลน์ในอนาคตเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

ในช่วงเช้าของวันนั้นเขายืนอยู่หน้าพนักงานกว่า 300 คนของ Instacart ที่สำนักงานใหญ่ใน San Francisco และประกาศก้องว่าเวลาแห่งการทำศึกมาถึงแล้ว

ในอีกไม่กี่เดือนให้หลัง Costco ประกาศว่าบริษัทได้ขยายความร่วมมือกับ Instacart เพื่อให้บริการที่ครอบคลุมกว่าเดิมและเสนอช่องทางใหม่ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าได้โดยตรงจากเว็บไซต์ Costcocom หลังจากเจรจากันอย่างยืดเยื้อมานานกว่า 4 ปี สุดท้าย Kroger เครือซูเปอร์มาร์เก็ตยักษ์ใหญ่ก็จรดปากกาเซ็นข้อตกลงกับ Instacart เพื่อจัดส่งสินค้าจากสาขา Ralphs ซึ่งเป็นบริษัทลูกของตน

นอกจากนี้เชนค้าปลีกขนาดเล็กกว่าอีกหลายแห่งก็หันมาจับมือร่วมทีมกับInstacart เช่นกัน ทำให้พันธมิตรของบริษัทมีจำนวนเพิ่มขึ้นจนทะลุ 165 ราย “เหมือนดระเบิดนิวเคลียร์ทรงอานุภาพขึ้นกลางวงอุตสาหกรรมค้าปลีก” Mehta กล่าวถึงดีลเข้าซื้อกิจการของ Amazon “เมื่อเรามองย้อนกลับไป บอกได้ว่าเหตุการณ์นั้นเป็นเหมือนจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของ Instacart”

FORBES ประเมินว่า Instacart มีจำนวนลูกค้ามากกว่า 500,000 ราย และตัวเลขรายได้อยู่ที่ประมาณ 2 พันล้านเหรียญ (บริษัทซึ่งใช้เกณฑ์รับรู้รายได้จากยอดเต็มในการสั่งซื้อสินค้าปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับตัวเลขประเมิน) ทั้งนี้ แม้ว่า Instacart จะเริ่มต้นธุรกิจด้วยการเจาะตลาดเมืองใหญ่ที่มีความมั่งคั่ง แต่บริษัทประสบความสำเร็จมากขึ้นเรื่อยๆ ในพื้นที่เมืองรอบนอกที่มีขนาดเล็กกว่า อย่างเช่น Buffalo รัฐ New York

ในปัจจุบันลูกค้าของ Instacart จะใช้บริการเฉลี่ยราว 2 ครั้งต่อเดือนและมียอดสั่งซื้อครั้งละประมาณ 95 เหรียญ ส่วนลูกค้ากลุ่ม Instacart Express ที่ต้องควักเงินจ่ายปีละ 149 เหรียญสำหรับบริการจัดส่งฟรีจะสั่งซื้อสินค้าผ่าน Instacart โดยเฉลี่ยปีละประมาณ 5,000 เหรียญและใช้บริการบ่อยกว่า 2 เท่า

<img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/4ea8dbfbe81c713fd166eedb13cadb7d.png" alt="" />

Instacart กล่าวว่าตอนนี้บริษัทมุ่งเน้นที่อัตราเติบโตมากกว่าตัวเลขกำไร แต่ระบุว่าบริษัทสามารถทำกำไรขั้นต้นได้ตามเป้าใน 80% ของตลาดที่ให้บริการซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นนี้ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายการดำเนินงานในสำนักงานใหญ่ เงินเดือนพนักงานและงบการตลาด บริษัทได้รับเงินจากการระดมทุนไปแล้ว 675 ล้านเหรียญ จากทั้ง Whole Foods และธุรกิจร่วมลงทุนชื่อดังระดับโลกอย่าง Khosla Ventures และ Sequoia Capital ทั้งนี้ Instacart ยังถือเงินสดอยู่อีกกว่า 500 ล้านเหรียญ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าบริษัทมีอัตราการเผาเงินค่อนข้างต่ำ

สิ่งที่จุดประกายความคิดให้ Mehta ก่อตั้ง Instacart เกิดขึ้นจากประสบการณ์แง่ลบในการเดินทางไปร้านค้าปลีกเพื่อซื้อของในวัยเด็ก Mehta เติบโตขึ้นที่ประเทศแคนาดาและเขาเกลียดการนั่งรถประจำทางเพื่อไปจับจ่ายและหอบหิ้วของกลับบ้านในฤดูหนาวเมื่อเรียนจบปริญญาตรีสาขาวิศวกรรมจาก University of Waterloo ซึ่งอยู่ใกล้กับ Toronto เขาได้เข้าทำงานในฝ่ายบริการจัดเตรียมและจัดส่งสินค้าของ Amazon หลังจากนั้น 2 ปี Mehta ย้ายไปยัง San Francisco เพื่อลองทำธุรกิจของตัวเอง หลังเฟ้นหาไอเดียธุรกิจอยู่นาน 2 ปีเขาก็มาหยุดที่บริการผู้ช่วยช็อปมืออาชีพซึ่งจะเดินทางไปยังร้านค้า เลือกซื้อสิ่งที่ลูกค้าต้องการ และจัดส่งของถึงหน้าประตูบ้าน

Mehta เปิดตัวธุรกิจในปี 2012 และได้สมัครเข้าร่วมโครงการ Y Combinator หลักสูตรอันโด่งดังใน Silicon Valley ที่มุ่งเน้นการบ่มเพาะธุรกิจสตาร์ทอัพซึ่งเคยปลุกปั้นบริษัทระดับโลกอย่าง Airbnb และ Dropbox มาแล้ว ทว่าเขาถูกปฏิเสธเพราะยื่นใบสมัครไม่ทันตามกำหนด Mehta ยังไม่ละความพยายามโดยใช้แอพพลิเคชั่น Instacart ของเขาสั่งซื้อเบียร์ IPA แพ็ก 6 ขวดและระบุให้จัดส่งไปที่หุ้นส่วนของโครงการ Y Combinator หลังจากนั้นเพียง 30 นาทีเขาก็ถูกเรียกให้เข้าสัมภาษณ์ ในวันถัดมาเขาก็ได้รับการคัดเลือกให้เข้าร่วมหลักสูตรจากนั้นไม่นานเขาก็สามารถปิดดีลระดมทุนรอบเริ่มต้นธุรกิจได้สำเร็จ

Michael Moritz จาก Sequoia ซึ่งลงทุนทั้งใน Webvan และ Instacart กล่าวว่าบริษัท 2 แห่งนี้มีรากฐานไอเดียที่น่าสนใจเหมือนกัน ทว่าแผนธุรกิจของทั้งคู่แทบไม่มีอะไรเหมือนกันเลย “เมื่อลูกค้ามีทางเลือกให้สามารถสั่งซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านระบบออนไลน์ที่สะดวกและง่ายดาย พวกเขาจะหันมาสนใจเลือกใช้บริการ” เขากล่าว

แต่สิ่งที่ Instacart แตกต่างจาก Webvan คือ บริษัทไม่ได้ทุ่มลงทุนสร้างโกดังสินค้าขนาดใหญ่หรือควักกระเป๋าซื้อรถห้องเย็นสำหรับขนส่งสินค้า Mehta ดำเนินธุรกิจโดยใช้กลยุทธ์แบบเลือกลงทุนและถือครองสินทรัพย์ให้น้อยที่สุด เขาพัฒนาแอพพลิเคชั่นที่ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อสินค้าจากเครือค้าปลีกในตลาดโดยคิดค่าบริการจัดส่งและบวกราคาเพิ่มเล็กน้อยในช่วงแรก Instacart จะเก็บกำไรส่วนหนึ่งไว้และแบ่งส่วนที่เหลือให้กับผู้รับบริการออกไปซื้อสินค้า

สำหรับ Mehta ดูเหมือนเขาจะเข้าใจแจ่มแจ้งว่าความสำเร็จอาจผันแปรกลายเป็นความพ่ายแพ้ได้ทุกเมื่อในสนามรบที่ต้องต่อกรกับ Amazon “สาเหตุที่ผมตาสว่างทุกคืนก็เพราะผมไม่ต้องการใช้โอกาสดีๆ ไปอย่างสิ้นเปลือง” Mehta กล่าว

&nbsp;

<hr />

<a href="https://goo.gl/NxVozh">คลิ๊กอ่าน "พลิกเกมธุรกิจค้าปลีก" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ กุมภาพันธ์ 2561 ในรูปแบบ e-Magazine</a>
<a href="https://goo.gl/NxVozh"><img src="http://forbesthailand.com/uploads/library/c490e853b3313d2702743b324e0a0c0d.png" alt="" /></a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events