สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 อาจทำให้วิถีชีวิตคนเมืองเปลี่ยนไป ต้องใช้ชีวิตแบบมีระยะห่าง หลายบริษัทต้องปรับรูปแบบการทำงานมาเป็น Work From Home ทำให้ตลาดอาคารสำนักงานยังคงเป็นอีกหนึ่งตลาดที่น่าจับตามอง และมีผู้เล่นหน้าใหม่ๆ เข้ามาในตลาดอยู่เสมอ

ที่น่าสนใจ คือ มีการคาดการณ์ว่าในปีนี้ จะมีพื้นที่สำนักงานสร้างเสร็จใหม่เข้าสู่ตลาดมากกว่า 1 ล้านตารางเมตร หนึ่งในนั้นคือ “เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์” (AIA East Gateway) อาคารสำนักงานระดับพรีเมียมพร้อมพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าแห่งใหม่ บนถนนบางนา-ตราด กม.4.5 โดยชูคอนเซปต์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ใช้สอยอาคาร

<figure><img class="wp-image-60430 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/one.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption>โยฮัน ดีทอย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน เอไอเอ ประเทศไทย</figcaption></figure>

หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมเอไอเอ ประเทศไทย ถึงมารุกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่อง

โยฮัน ดีทอย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน เอไอเอ ประเทศไทย เฉลยว่า ด้วยวิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ที่มีนโยบายการลงทุนในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เป็นอีกหนึ่งด้านที่เอไอเอให้ความสนใจ และเริ่มลงทุนในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2014 เพื่อสนับสนุนธุรกิจประกันชีวิตซึ่งเป็นธุรกิจหลักที่คนไทยคุ้นเคย และเพื่อเป็นอีกหนึ่งกำลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย และตอบรับไลฟ์สไตล์ด้านสุขภาพของคนไทยในยุค Next Normal

ผ่านมา เอไอเอประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานให้เช่าระดับพรีเมียม ทั้งอาคารเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์ บนถนนรัชดาภิเษก และอาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ ย่านสาทร

ที่น่าสนใจ คือ แม้จะอยู่ภายใต้สถานการณ์โรคระบาด แต่ทั้ง 2 อาคารยังมีอัตราการเช่าสูงถึง 90% นี่เลยเป็นเหตุผลที่ทำให้ เอไอเอ ประเทศไทย มองว่าการเปิดตัวอาคารสำนักงานให้เช่าระดับพรีเมียมแห่งที่ 3 “เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์” จะเป็นอีกแต้มต่อในการรองรับการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคตของกลุ่มบริษัทและนักลงทุนชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ

<figure><img class="wp-image-60437 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/two-1.jpg" alt="" width="720" height="480" /><figcaption>รุ่งรัตน์ วีระภาคย์การุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด</figcaption></figure>

ถามว่า แล้วโครงการ “เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์” มีความน่าสนใจ อย่างไร?

คำตอบทั้งหมดเฉลยอยู่ในทุกรายละเอียดของโครงการเอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ ที่พิถีพิถันตั้งแต่การเลือกทำเล ไปจนถึงคอนเซปต์ในการออกแบบที่มองไปไกลกว่าเรื่องของความสวยงาม แต่ตอบโจทย์ไปถึงเมกะเทรนด์ของโลก อย่างการใส่ใจสิ่งแวดล้อม นำมาสู่การดีไซน์โครงการแบบรักษ์โลก การันตีด้วยรางวัลระดับโลก พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ออกแบบมาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตการทำงานได้อย่างไร้ที่ติ

<img class="alignnone size-full wp-image-60439" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/fo.jpg" alt="" width="720" height="480" />

จุดเด่นที่ถือว่าเป็นไฮไลท์ของโครงการ คือ ตัวอาคารที่ได้รับการออกแบบให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้ใช้สอยอาคารตามเกณฑ์มาตรฐานของ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) และ WELL Building Standard ระดับโกลด์ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเอไอเอ “Healthier, Longer, Better Lives - เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น”

อีกจุดแข็งสำคัญ คือ ทำเลที่ตั้งโครงการ จะเห็นว่า ที่ผ่านมาเอไอเอมักเลือกพัฒนาโครงการในย่านใจกลางเมือง ที่เป็นศูนย์กลางของย่านธุรกิจ อย่างเส้นรัชดาภิเษก และสาทร มาถึงโครงการเอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ ก็ยังไม่ทิ้งคอนเซปต์เดิม เพียงแต่ขยับจากย่านใจกลางเมืองมาปักหมุดบนทำเลที่ดีที่สุดของย่านบางนา ซึ่งเป็นย่าน Business district ที่สำคัญของกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก สะดวกในด้านการคมนาคม และระบบขนส่งทางราง ที่มีทั้งรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทสีเขียว และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ที่คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการระยะที่ 1 สิ้นปีนี้ โดยที่ตั้งโครงการจะอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีศรีเอี่ยมประมาณ 350 เมตรเท่านั้น ทำให้สามารถเดินทางเข้า-ออกตัวเมืองได้สะดวกมากขึ้น

นอกจากนี้ในอนาคตยังสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าได้อีกหลายเส้นทาง อาทิ สายสีน้ำเงิน สายสีเทา สายสีส้ม สายสีชมพู Airport Rail Link และสายสีเขียว เป็นต้น

ไม่เพียงทำเลที่โดดเด่น บนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ โครงการเอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ ถูกออกแบบให้เป็นอาคารสำนักงานความสูง 33 ชั้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปี 2565

<img class="alignnone size-full wp-image-60440" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/fi.jpg" alt="" width="720" height="480" />

ภายในโครงการเอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ ยังมีการการออกแบบพื้นที่ใช้สอยและสภาพแวดล้อมให้เอื้อต่อผู้ใช้สอยอาคาร ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพ เพื่อสนับสนุนให้ผู้เช่าได้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับเวิลด์คลาส อาทิ AIA Vitality Zone ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับให้คนภายในอาคารสามารถเข้ามาใช้ทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพได้ นอกจากนี้ยังมีสวนผักออร์แกนิก (Urban Farming) ฟิตเนสเซ็นเตอร์ครบวงจร ลู่วิ่งลอยฟ้า (Rooftop Running Track) สระว่ายน้ำระบบเกลือ และ Co-Working Area พร้อมความสะดวกสบายด้วยที่จอดรถกว่า 1,500 คัน

ในส่วนของพื้นที่ใช้สอยของอาคาร ประกอบด้วย พื้นที่ค้าปลีก 5 ชั้น ชั้น 1-3 เป็นพื้นที่รีเทล มีทั้งร้านค้า ร้านกาแฟ และร้านสะดวกซื้อ พื้นที่ฟิตเนส และสระว่ายน้ำบนชั้น 4 ส่วนพื้นที่ Co-Working Space จะอยู่บนชั้น 4-5 ขณะที่ชั้น 6-33 จะเป็นพื้นที่สำนักงานให้เช่า ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 85 ตางรางเมตร ไปจนถึงพื้นที่ขนาดใหญ่เต็มชั้น 2,270 ตางรางเมตร ผู้เช่าสามารถจัดสรรพื้นที่การทำงานได้หลายรูปแบบ

นอกจากนี้ พื้นที่ระหว่างชั้นยังสามารถติดตั้งบันไดภายในออฟฟิศได้เพื่อความสะดวกของผู้ใช้งาน เน้นความโปร่งโล่งด้วยความสูงตั้งแต่พื้นถึงเพดาน 3 เมตร ที่สำคัญไม่มีเสากั้นกลางพื้นที่เช่า ทำให้ใช้สอยพื้นที่ได้ทุกตารางเมตร โดยคิดอัตราค่าเช่าเปิดตัวที่ 700 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

มาถึงตรงนี้ ใครที่สนใจอยากเปิดประสบการณ์ด้วยตัวเองที่โครงการเอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ สามารถมาเยี่ยมชม Sales Gallery หรือต้องการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่ CBRE โทรศัพท์ 02-119-1500 วันจันทร์ - วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น.

ทำไม AIA East Gateway มิกซ์ยูส สุดพรีเมียมแห่งใหม่ในย่านบางนา ถึงน่าจับตามอง?

<h2>เอไอเอ ประเทศไทย เตรียมเปิดตัวอาคารสำนักงานระดับพรีเมียมพร้อมพื้นที่ค้าปลีกให้เช่าแห่งใหม่ “เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์” (AIA East Gateway) ติดถนนบางนา-ตราด กม.4.5 อสังหาริมทรัพย์แห่งที่ 3 ของเอไอเอ ชูคอนเซ็ปต์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้นของผู้ใช้สอยอาคารคาดสร้างแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปี 2565</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-59332" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/AIA-East-Gateway_0201.jpg" alt="" width="650" height="366" />

โยฮัน ดีทอย ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุน เอไอเอ ประเทศไทย เปิดเผยว่า “เอไอเอ ประเทศไทย ยังคงเดินหน้าลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างต่อเนื่องภายใต้วิสัยทัศน์ของกลุ่มบริษัทเอไอเอ ที่ต้องการขยายฐานการลงทุนเพิ่มในธุรกิจอื่นๆ นอกเหนือไปจากธุรกิจประกันชีวิตที่เป็นธุรกิจหลัก เพื่อมีส่วนช่วยเป็นกำลังในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย และตอบรับไลฟ์สไตล์ด้านสุขภาพของคนไทยในยุค Next Normal

ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เอไอเอประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการอาคารสำนักงานให้เช่าระดับพรีเมียมไปแล้ว 2 โครงการ คือ อาคารเอไอเอ แคปปิตอล เซ็นเตอร์  บนถนนรัชดาภิเษก และอาคารเอไอเอ สาทร ทาวเวอร์ ย่านสาทร

ปัจจุบันทั้ง 2 อาคารมีอัตราการเช่าสูงถึงร้อยละ 90 สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ดังนั้น ในปีนี้เอไอเอเตรียมจะเปิดตัวอาคารสำนักงานให้เช่าระดับพรีเมียมแห่งที่ 3 “เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์” ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 10 ไร่ ติดถนนบางนา-ตราด กม.4.5  ซึ่งจะช่วยรองรับการขยายตัวทางธุรกิจในอนาคตของกลุ่มบริษัทและนักลงทุนชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ทั้งนี้ เอไอเอมองเห็นถึงศักยภาพในการพัฒนาและการเติบโตทางเศรษฐกิจของย่านบางนา-ตราด ทั้งในปัจจุบันและอนาคต เพราะเป็นย่าน New CBD หรือศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ย่านกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันออก อีกทั้งยังสะดวกในด้านการคมนาคม และระบบขนส่งทางราง ที่มีทั้งรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทสีเขียว และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ที่คาดว่าจะพร้อมเปิดให้บริการกลางปีนี้ โดยที่ตั้งโครงการอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเหลืองสถานีศรีเอี่ยมประมาณ 350 เมตรเท่านั้น รถไฟฟ้าสายสีเหลืองเส้นนี้สามารถพาคนเข้า-ออกตัวเมืองได้ง่ายมากขึ้น ตั้งแต่ลาดพร้าวจนถึงสำโรง และเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าในอนาคตได้อีกหลายเส้นทาง อาทิ สายสีน้ำเงิน สายสีเทา สายสีส้ม สายสีชมพู Airport Rail Link และสายสีเขียว เป็นต้น

<img class="alignnone size-full wp-image-59335" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/โยฮัน_ดีทอย0201.jpg" alt="" width="600" height="400" />

สำหรับอาคาร เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ เป็นอาคารสำนักงานสูง 33 ชั้น คิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างทั้งหมดประมาณ 136,000 ตารางเมตร ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งตามแผนงานก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 4 ปี 2565 นี้ โดยตัวอาคารถูกออกแบบให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและคำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้ใช้สอยอาคารตามเกณฑ์มาตรฐานของ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) และ WELL Building Standard ระดับโกลด์

สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของเอไอเอ “Healthier, Longer, Better Lives - เพื่อสุขภาพและชีวิตที่ดีขึ้น” ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกด้านสุขภาพ เพื่อสนับสนุนให้ผู้เช่าได้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีระดับเวิลด์คลาส อาทิ AIA Vitality Zone ซึ่งเป็นพื้นที่สำหรับให้ผู้ใช้สอยภายในอาคารสามารถเข้ามาใช้ทำกิจกรรมเพื่อส่งเสริมสุขภาพได้ นอกจากนี้ยังมีสวนผักออร์แกนิก (Urban Farming) ฟิตเนสเซ็นเตอร์ครบวงจร Trail Network Rooftop Running Track สระว่ายน้ำระบบเกลือ และ Co-Working Area พร้อมความสะดวกสบายด้วยที่จอดรถมากกว่า 1,500 คัน

<img class="alignnone size-full wp-image-59336" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/02/รุ่งรัตน์_วีระภาคย์การุณ_0201.jpg" alt="" width="350" height="525" />

ด้าน รุ่งรัตน์ วีระภาคย์การุณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “จากศักยภาพและความโดดเด่นของอาคาร เอไอเอ อีสต์ เกตเวย์ รวมถึงทำเลที่ตั้งที่อยู่ในย่าน New CBD บนถนนบางนา-ตราด กม.4.5 ถือว่าเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่มีความโดดเด่น ทั้งในเรื่องของความสูงภายในพื้นที่สำนักงานที่สูงถึง 3 เมตร มีดีไซน์ที่ล้ำสมัย โดยใช้เทคโนโลยีอนุรักษ์พลังงานตามมาตรฐานระดับสากล และคำนึงถึงคุณภาพของสิ่งแวดล้อมภายในอาคาร นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ค้าปลีก สวนพักผ่อน และสถานที่ออกกำลังกายให้กับคนที่ทำงานอยู่ในอาคารแห่งนี้ได้ใช้บริการ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้เช่าที่มองหาพื้นที่สำนักงานที่มีคุณภาพ รวมทั้งยังอำนวยความสะดวกสบายให้กับผู้ใช้สอยภายในอาคารด้วย”

สำหรับพื้นที่ใช้สอยของอาคารทั้งหมดมีประมาณ 70,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย พื้นที่ค้าปลีก 5 ชั้น ประมาณ 10,000 ตารางเมตร ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 20 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่รีเทลชั้น 1-3 มีทั้งร้านค้า ร้านกาแฟ และร้านสะดวกซื้อ พื้นที่ฟิตเนส และสระว่ายน้ำบนชั้น 4 และพื้นที่ Co-Working Space บนชั้น 4-5 ส่วนพื้นที่สำนักงานให้เช่าทั้งหมดประมาณ 60,000 ตารางเมตร จะตั้งอยู่บนชั้น 6–33 ขนาดพื้นที่ใช้สอยเริ่มต้นที่ 85 ตางรางเมตร

ไปจนถึงพื้นที่ขนาดใหญ่เต็มชั้น 2,270 ตางรางเมตร โดยสามารถจัดสรรพื้นที่การทำงานได้หลายรูปแบบ นอกจากนี้ พื้นที่ระหว่างชั้นยังสามารถติดตั้งบันไดภายในออฟฟิศได้เพื่อความสะดวกของผู้ใช้งาน เน้นความโปร่งโล่งด้วยความสูงตั้งแต่พื้นถึงเพดาน 3 เมตร ที่สำคัญไม่มีเสากั้นกลางพื้นที่เช่า ทำให้ใช้สอยพื้นที่ได้ทุกตารางเมตร โดยคิดอัตราค่าเช่าเปิดตัวที่ 700 บาทต่อตารางเมตรต่อเดือน

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/property/time-and-space-asset-%e0%b9%81%e0%b8%9a%e0%b8%a3%e0%b8%99%e0%b8%94%e0%b9%8c%e0%b9%81%e0%b8%99%e0%b8%a7%e0%b8%84%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4.html">Time and Space Asset แบรนด์แนวคิดใหม่ เปิดตัวโปรเจกต์แรก “Sol Residence”</a>

<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events