<h2>ตามไปพบกับเหล่าบรรดา Forbes 30 Under 30 ที่นำสัตว์ ผัก และแร่ธาตุ จาก "วัสดุเหลือใช้" กลับมาใช้ใหม่ ด้วยความยาวไม่เกิน 30 คำ</h2>
<img class="alignnone size-full wp-image-68951" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/09/Tessa-Callaghan_0901.jpg" alt="" width="350" height="350" />
Tessa Callaghan (ซ้าย)
อายุ 29 ปี
ผู้ร่วมก่อตั้ง ALGIKNIT

ธุรกิจของ Callaghan ในเมือง Brooklyn กำลังปั่นสาหร่ายให้เป็นไหมพรม ซึ่งก่อมลพิษน้อยกว่าการผลิตสิ่งทอแบบเดิมๆ เธอระดมทุนได้เกือบ 18 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากนักลงทุน VC และโครงการบ่มเพาะธุรกิจอย่าง Fashion for Good


<img class="alignnone size-full wp-image-68950" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/09/SMALLOPS_0901.jpg" alt="" width="350" height="350" />
Ruben Escudero อายุ 27 ปี
Maria Jara Perea อายุ 23 ปี
Inigo Monreal อายุ 24 ปี
ผู้ร่วมก่อตั้ง SMALLOPS

น้ำมันมะกอก: อร่อยล้ำ! แถมแปลงเป็นก๊าซชีวภาพได้ด้วย ชาวสเปนกลุ่มเทคนี้กำลังรอการอนุมัติสิทธิบัตรและเงินทุน 170,000 เหรียญ (ซึ่งพวกเขากำลังชักจูง VC เข้าร่วมลงทุน) กำลังจะเปิดโรงงานเพื่อเปลี่ยนน้ำมันมะกอกที่ถูกทิ้งให้เป็นเชื้อเพลิง


<img class="alignnone size-full wp-image-68948" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/09/Benjamin-Malatrait_0901.jpg" alt="" width="416" height="416" />
Benjamin Malatrait (ขวา)
อายุ 29 ปี
ผู้ร่วมก่อตั้ง ICTYOS

เครื่องหนังชั้นสูงจากหนังปลางั้นหรือ? ใช่เป็นอย่างนั้นจริงๆ ตั้งแต่ปี 2018 ICTYOS จากเมือง Lyon ในฝรั่งเศสระดมทุนได้ 1 ล้านเหรียญ และเปลี่ยนหนังปลา 21 ตันให้เป็นหนังตัดเย็บที่ขายให้นักออกแบบแฟชั่นระดับไฮเอนด์

&nbsp;

<img class="alignnone size-full wp-image-68949" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/09/Elle-Liu_EUCALYPSO_0901.jpg" alt="" width="350" height="351" />
Elle Liu
อายุ 29 ปี
ผู้ร่วมก่อตั้ง EUCALYPSO

ผ้าปูเตียงจากฝ้ายทำให้อดีตผู้จัดการ ฝ่ายผลิตภัณฑ์ของ SoulCycle คนนี้มีเหงื่อออกตอนกลางคืนและทำให้เป็นสิว เธอเลยออกแบบผ้าปูเตียงจากใยยูคาลิปตัสที่ช่วยปลอบประโลมผิว ชุดสำหรับเตียงควีนไซซ์ขายอยู่ที่ 185 เหรียญ ทั้งนี้รายได้รวมปี 2021 เท่ากับ 2.6 ล้านเหรียญ

เรื่อง: 30 UNDER 30 โดย: ALEXANDRA STERNLICHT. เรียบเรียง: พินน์นรา วงศ์วิริยะ

<hr />

<a href="https://bit.ly/3vDetHZ">คลิกอ่านฉบับเต็มและบทความทางด้านธุรกิจได้ที่นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนสิงหาคม 2565 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<a href="https://bit.ly/3vDetHZ"><img class="lazy alignnone wp-image-68256 lazy-loaded" src="https://i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/297392328_3159376647610737_1160415344143933806_n.jpg" sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/297392328_3159376647610737_1160415344143933806_n.jpg 750w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/297392328_3159376647610737_1160415344143933806_n-229x300.jpg 229w" alt="" width="300" height="394" data-lazy-type="image" data-lazy-src="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/297392328_3159376647610737_1160415344143933806_n.jpg" data-lazy-srcset="//i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/297392328_3159376647610737_1160415344143933806_n.jpg 750w, //i0.wp.com/forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/08/297392328_3159376647610737_1160415344143933806_n-229x300.jpg 229w" data-lazy-sizes="(max-width: 300px) 100vw, 300px" /></a>

30 Under 30: 4 กลุ่มคนรุ่นใหม่ ผู้แปลง "วัสดุเหลือใช้" เป็นมูลค่า

<h2>ใครกันที่บอกว่าอาชญากรรมไม่ส่งผลดี คงไม่ใช่กับ Karen Kilgariff และ Georgia Hardstark ซึ่งสามารถเปลี่ยน พอดแคสต์ เกี่ยวกับฆาตกรที่เป็นเรื่องตลกร้ายให้กลายเป็นอาณาจักรสื่อที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วได้เป็นแน่</h2>
My Favorite Murder พอดแคสต์ ถือกำเนิดขึ้นอย่างเหมาะเจาะในงานเลี้ยงฉลองวันฮาโลวีนในย่าน Los Feliz รัฐ Los Angeles เมื่อปี 2015 งานเลี้ยงครั้งนั้นจัดขึ้นโดยเพื่อนของสองว่าที่ผู้ผลิตพอดแคสต์อย่าง Karen Kilgariff  ซึ่งเป็นนักแสดงตลกแบบสแตนด์อัพ คอเมดี้ และนักเขียนเรื่องขำขัน และ Georgia Hardstark ซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการของช่อง Cooking Channel

ทั้งคู่เคยพบหน้ากันมาก่อน แต่ “นับตั้งแต่งานปาร์ตี้ครั้งนั้นที่เราได้รับรู้ว่าเราทั้งคู่ต่างก็หลงใหลในเรื่องจริงแนวอาชญากรรม และไม่มีใครอื่นอีกเลยที่เราจะพูดคุยเรื่องพวกนี้ด้วยได้” Hardstark วัย 39 ปีกล่าว ทั้งคู่ปักหลักอยู่ในห้องครัว ไม่สนใจแขกคนอื่นๆ และผลัดกันเล่าเรื่องนองเลือด “นี่คือสิ่งที่ฉันชอบทำที่งานปาร์ตี้”

“มันเป็นช่วงเวลาที่สมบูรณ์แบบ ฉันได้เจอกับคนที่...ไม่ต้องการให้ฉันหยุดพูดถึงการฆาตกรรม” Hardstark กล่าวเพิ่มเติม

กลายเป็นว่ามีอีกหลายล้านคนที่ไม่ต้องการให้ทั้งคู่หยุดเล่าเรื่องราวเหล่านั้นด้วยเช่นกัน ผู้ฟังชอบฟังทั้งคู่เล่าเหตุการณ์ฆาตกรรมที่เป็นตลกร้าย อย่างเรื่องราวของ Scott Scurlock เจ้าของฉายา Hollywood Bandit และ Robert Hansen เจ้าของฉายา Butcher Baker of Anchorage, Alaska อย่างไม่รู้จักคำว่าพอ

ปัจจุบัน My Favorite Murder มียอดดาวน์โหลด 35 ล้านครั้งต่อเดือน และในปีที่ผ่านมากลายเป็นพอดแคสต์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเป็นอันดับที่ 7 บน Apple Podcasts แซงหน้ารายการที่ทำขึ้นใหม่อย่าง Fresh Air ของ NPR และ This American Life

อาณาจักรเรื่องจริงแนวอาชญากรรมของทั้งคู่กำลังขยายตัว ในปีที่ผ่านมาทั้งคู่จัดรายการสด 40 ครั้ง ตีพิมพ์หนังสือขายดีจากการจัดอันดับของ New York Times (Stay Sexy &amp; Don’t Get Murdered ซึ่งเป็นวลีเด็ดประจำรายการของทั้งคู่) ทำข้อตกลงการพัฒนาเนื้อหากับผู้เผยแพร่พอดแคสต์อย่าง Stitcher ซึ่งมีมูลค่าอย่างน้อย 10 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และสร้างฐานแฟนคลับจำนวน 55,000 คน โดยผู้เป็นสมาชิกต้องจ่ายค่าสมาชิก 40 เหรียญต่อปี เพื่อเข้าถึงรายการตอนพิเศษ รวมถึงสิทธิพิเศษในการซื้อบัตรชมการแสดงสดก่อนวันจำหน่ายบัตรจริง

พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือทั้งคู่ทำได้ยอดเยี่ยมมากและรายได้ของทั้งคู่ก็เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีทั้งสองทำเงินได้ราว 15 ล้านเหรียญในปี 2019 โดยขึ้นแท่นอันดับ 2 ในทำเนียบผู้ผลิตพอดแคสต์ที่ทำเงินได้มากที่สุด ซึ่งเราจัดทำขึ้นเป็นครั้งแรก ถือได้ว่านี่เป็นยุครุ่งเรือง ตามประมาณการของ PWC และ Interactive Advertising Bureau ผู้ซื้อโฆษณาน่าจะได้ทุ่มงบประมาณเกือบ 700 ล้านเหรียญ ไปกับพอดแคสต์ในปีที่ผ่านมา หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 7 เท่าภายในระยะเวลา 4 ปี

<figure><img class="wp-image-31387 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/06/พอดแคสต์-ทำเงิน_03.jpg" alt="" width="300" height="413" /><figcaption> Karen Kilgariff และ Georgia Hardstark</figcaption></figure>

Spotify ทุ่มเงิน 250 ล้านเหรียญ เพื่อซื้อกิจการของเครือข่ายพอดแคสต์อย่าง Gimlet และ Parcast และมีรายงานว่า Apple ก็ไล่ Spotify มาติดๆ โดยมีแผนสร้างเครือข่ายของตนเองหลังจากที่นิ่งเฉยมาหลายปี “ผู้คนกำลังรับรู้ได้ถึงความพิเศษของพอดแคสต์ ฉันคิดว่าเราต่างก็รู้สึกโดดเดี่ยวและเหงาจริงๆ และในกรณีของ My Favorite Murder เป็นการดีที่จะรับฟังและร้อยเรียงเรื่องราวแย่ๆ ด้วยกัน การทำเช่นนี้นับว่าเป็นการได้ระบายอย่างแท้จริง” Kilgariff วัย 49 ปีกล่าว

ความทุ่มเทอีกครั้งเมื่อไม่นานมานี้ของ Kilgariff และ Hardstark ก็คือการทำเครือข่ายพอดแคสต์ของตนเองอย่าง Exactly Right พวกเขาเปิดไฟเขียวให้กับรายการ 5 รายการ ซึ่งรวมถึง This Podcast Will Kill You ซึ่งเป็นรายการชุดเกี่ยวกับโรคติดต่อที่มีนักระบาดวิทยา 2 คน เป็นผู้ดำเนินรายการ “ถือเป็นความสนุกสุดยอด และเป็นธุรกิจบันเทิงแบบต้นตำรับเพื่อค้นหาผู้มากความสามารถ เราโชคดีที่รายการของเราได้รับความนิยม ทำให้เรามีสายจุดชนวน ซึ่งเราสามารถเชื่อมต่อสายชนวนนี้เข้ากับผู้ที่เหมาะสมได้” Kilgariff กล่าว

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/global/10-%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%90%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B9%8C-%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1.html">10 มหาเศรษฐีเฮลท์แคร์ ทรัพย์สินพุ่งทะยานจากการระบาดของไวรัสโคโรน่า</a>

&nbsp;

<hr />

<a href="https://bit.ly/3dp757n">คลิกอ่านบทความทางด้านธุรกิจเพิ่มเติมได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับเดือนพฤษภาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone wp-image-29538" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/05/COVER_750.jpg" alt="" width="300" height="394" />

พอดแคสต์ ทำเงิน "My Favorite Murder"

<h2>Jobcase สร้างเครือข่ายโซเชียล ผู้ใช้แรงงาน สู่บริษัทมูลค่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เพื่อคนงานคลังสินค้าและสาวเสิร์ฟได้อย่างไร</h2>
Sasha Contreras รู้สึกสิ้นหวังเมื่อต้องลาออกจากงานบริการลูกค้าของ Xerox ซึ่งจ่ายค่าแรงชั่วโมงละ 12 เหรียญ อย่างจำใจเมื่อพบว่าสามีนอกใจ เธอไม่มีงาน ไม่มีใคร และใช้เวลาทุกวินาทีในยามตื่นค้น Google เพื่อหางาน แล้วเธอก็บังเอิญได้พบ Jobcase แพลตฟอร์มสื่อโซเชียลเพื่อการหางานสำหรับผู้ใช้แรงงานและคนงานในอุตสาหกรรมบริการ

“เว็บไซต์นี้เปลี่ยนชีวิตฉันได้จริง” Contreras วัย 55 ปีกล่าว เว็บนี้สมัครใช้ได้ฟรีและเปิดทางให้เธอเข้าถึงประกาศรับสมัครงานหลายล้านตำแหน่งรวมทั้งข้อความมีประโยชน์ที่โพสต์โดยคนแปลกหน้า ซึ่งหลายคนก็เคยเผชิญความโดดเดี่ยวในการหางาน ลิงก์ที่สมาชิกคนหนึ่งโพสต์ไว้ ช่วยให้เธอได้งานบริการลูกค้า ซึ่งจ่ายค่าแรงชั่วโมงละ 10 เหรียญเมื่อปลายเดือนกรกฎาคม 2017 และสองปีต่อมา Jobcase ก็นำเธอไปหางานบริการลูกค้าอีกงานหนึ่ง ซึ่งจ่ายค่าแรงชั่วโมงละ 13 เหรียญ

ตอนนี้ถึงแม้ Contreras จะไม่ได้อยากเปลี่ยนงาน แต่เธอก็ล็อกอินเข้า Jobcase ทุกวัน “ถ้าฉันเห็นข้อความที่สะกิดใจฉัน ฉันก็จะช่วยตอบเพราะฉันจำความรู้สึกช่วงหางานได้” เธอกล่าว

“เราต้องทำเว็บนี้เพื่อทุกคน” Frederick Goff ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Jobcase กล่าว หลังจากได้ฟังเรื่องของ Contreras

ตอนที่เขาตั้งบริษัทแห่งนี้ในเมือง Cambridge รัฐ Massachusetts ในปี 2015 เขาตั้งใจจะทำสิ่งที่ LinkedIn ยังทำไม่สำเร็จ นั่นคือการสร้างเว็บไซต์ที่ชาวอเมริกันวัยทำงาน 80% ซึ่งไม่มีใบปริญญาจะสร้างเครือข่าย หางาน และบริหารอาชีพของตัวเองได้

Goff ระดมทุน ได้ 118.5 ล้านเหรียญ จากที่ Pitchbook ประเมินมูลค่าของ Jobcase ไว้ 445 ล้านเหรียญ ปี 2018 Goff ทำรายได้ให้เว็บนี้ 100 ล้านเหรียญจากบริษัท 2,000 แห่ง ซึ่งรวมถึง Amazon, Pizza Hut และ FedEx บริษัทเหล่านี้จ่ายค่าลงประกาศรับสมัครงานตั้งแต่ 199 เหรียญต่องานหนึ่งตำแหน่งจนถึงค่าจ้าง 5,000 เหรียญเพื่อให้ Jobcase ช่วยจัดอีเวนต์นัดพบแรงงาน

Jobcase มีผู้สมัครใช้งาน 110 ล้านคน จากชาวอเมริกันที่เป็นกลุ่มเป้าหมาย 197 ล้านคน และ Goff มีแผนจะเปิดให้บริการทั่วโลกใน 18 เดือนข้างหน้า ประชากร 84% ในกลุ่มประเทศ G20 ไม่มีใบปริญญา ซึ่งเขากล่าวว่า การจับตลาดคนกลุ่มนี้จะช่วยให้บริษัทได้สมาชิกเป็นพันล้านคนและเพิ่มมูลค่าประเมินเป็น 1 พันล้านเหรียญอย่างรวดเร็ว

Goff บอกว่า Jobcase ทำกำไรได้ตั้งแต่แรกเริ่มแต่เขาก็ใช้เงินไปมากตั้งแต่ต้นปี 2018 เพื่อหาสมาชิกเพิ่ม เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา เขาเป็นสปอนเซอร์ให้งานนัดพบแรงงานที่จัดทั่วเมืองโดย Chicago Urban League และได้สมาชิกใหม่มา 8,000 คน

Goff ฝันอยากเห็นโลกที่มีคนรู้จัก Jobcase มากจนกระทั่งเหล่าแรงงานสามารถใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อสนับสนุนให้เกิดสภาวะการทำางานที่ดีขึ้นได้ด้วย “เราอยากสนับสนุนระบบทุนนิยมแบบที่ไม่ได้ให้ค่าแก่ผู้ถือหุ้นเท่านั้นแต่ให้ค่าแก่พนักงานเป็นอันดับต้นด้วย” เขากล่าว “ซึ่งต้องเริ่มจากเหล่าสมาชิก ผู้ใช้แรงงาน”

เรื่อง: Vicky Valet เรียบเรียง: ธรรดร โสตถิอำรุง ภาพ: Michael Prince

<hr />

<a href="https://bit.ly/38hL0Vu">คลิกอ่านบทความทางฉบับเต็มได้ที่ นิตยสาร Forbes Thailand ฉบับ มีนาคม 2563 ในรูปแบบ e-magazine</a>

<img class="alignnone size-medium wp-image-27443" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2020/03/COVER-82-MARCH--229x300.jpg" alt="สรพหล นิติกาญจนา" width="229" height="300" />

Jobcase สร้างเครือข่าย "ผู้ใช้แรงงาน" สู่บริษัทมูลค่า 1 พันล้านเหรียญ

Forbes Asia เผยรายชื่อทำเนียบ 30 UNDER 30 ในภูมิภาคเอเชียประจำปี 2018 การจัดอันดับครั้งนี้เราได้ดาวรุ่งซึ่งเป็นตัวแทนแห่งวัยผู้ที่โดดเด่นรวมไปถึงสร้างสรรค์ธุรกิจในสาขาอุตสาหกรรมต่างๆ ที่สำคัญพวกเขาอายุไม่ถึง 30 ปี ทั้งนี้ชาวไทยติดในทำเนียบนี้ อาทิเช่น ศิรวัจน์ อิทธิภูริพัฒน์ ดาวเด่นด้านประสาทวิทยาของเอเชีย, เชฟแพม-พิชญา อุทารธรรม เชฟรุ่นใหม่ที่ฝีมือในการสร้างสรรค์อาหารสไตล์ฝรั่งเศส เป็นต้น พบบางรายชื่อจากการจัดอันดับทั่วเอเชียประจำปี 2018

สาขาอุตสาหกรรมศิลปะความงาม

<img style="width: 300px; height: 421px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/bcebf82ef6f8524a99f3d28b5af98d2c.png" alt="" />
Amira Geneid วัย 25 ปี

Amira Geneid ผู้ก่อตั้งและนั่งตำแหน่งซีอีโอ <a href="http://www.zahara.com">Zahara</a> แบรนด์เครื่องสำอางพรีเมี่ยมที่ได้รับมาตรฐานฮาลาลในสิงคโปร์ สินค้าของเธอได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก อาทิ ยาทาเล็บของเธอไม่หลุดลอกจากการละหมาด wudhu

สาขาเทคโนโลยีเพื่อผู้บริโภค

<img style="width: 300px; height: 456px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/647579715f70a413b63e0bcea85c629b.png" alt="" />
Francisco Serra-Martins วัย 28 ปี

Francisco Serra-Martins ผู้ร่วมก่อตั้ง Sonder Design สตาร์ทอัพผู้ออกแบบในออสเตรเลีย ที่เปลี่ยนแป้นพิมพ์คอมพิวเตอร์ธรรมดาให้สามารถแสดงภาษาได้หลากหลาย รวมไปถึงแสดงภาพสื่ออารมณ์อย่าง emojis เข้ามาในแป้นพิมพ์

<img style="width: 300px; height: 378px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/b396794a6ee8240151b75dab2182adc0.png" alt="" />
สาขาเทคโนโลยีอุตสาหการ
Kaz Ishigame วัย 25 ปี

Kaz Ishigame ผู้ร่วมก่อตั้ง Infostellar สถานีส่งสัญญาณสำหรับผู้ประกอบการรายย่อย เขาเรียกมันว่า Airbnb สำหรับสถานีส่งสัญญาณ ในเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา Infostellar เข้าระดมทุนในรอบ Series A ได้ Airbus Ventures ลงเงินเป็นจำนวน 7.3 ล้านเหรียญฯ

สาขาบันเทิงและกีฬา

<img style="width: 300px; height: 450px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/d7759ed2ee21bbab23caccca1e720907.png" alt="" />
Brian Imanuel วัย 19 ปี

Brian Imanuel หนุ่มจากอินโดนิเซีย เพียงวัย 19 ปี ความสร้างชื่อเสียงและได้รับความนิยมจากสื่อออนไลน์และเป็นรู้จักในนาม “Rich Brian” Brianเริ่มทำรายการด้วยการแสดงสนุกสนาน ก่อนผันตัวเองสู่วงการเพลงสไตล์แร็ปเปอร์ จนกระทั่งกุมภาพันธ์ปี 2016 เขามีผลงานเพลงแรกเป็นของตัวเองมียอดชมกว่า 86 ล้านวิว บน YouTube ทั้งยังได้ร่วมงานศิลปินระดับโลกอย่าง Diplo และ Pharrell

สาขาการเงินและบริหารการลงทุน

<img style="width: 300px; height: 200px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/56daa4d665bb1afb2eaa81e60f584dfe.png" alt="" />
Tu Jianyu วัย 28 ปี และ Liu Tao วัยเดียวกัน

สองคู่คิดที่มาจากต่างอุตสาหกรรมร่วมก่อตั้ง MioTech ฟินเทคสตาร์ทอัพที่แก้ปัญหาทางการเงินโดยผ่านซอฟต์แวร์ที่พวกเขาสร้างเพื่อใช้ในการบริหารจัดการเงินให้ดีขึ้นผ่านข้อมูลภาพ พวกเขามีลูกค้ามากกว่า 20 ราย จากฮ่องกง, สิงคโปร์ และจีนแผ่นดินใหญ่ ล่าสุดได้เงินลงทุนเพิ่มอีก 8 ล้านเหรียญฯ ใน series A จาก ZhenFund and Li Ka-Shing's private investment arm Horizons Ventures ในปีนี้พวกเขาตั้งเป้าเพิ่มลูกค้าเป็น 3 เท่า

สาขาสุขภาพและวิทยาศาสตร์

<img style="width: 300px; height: 450px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/9a45638c6b800e7760078ac8be63e361.png" alt="" />
Esther Wang วัย 29 ปี

Esther Wang ผู้ก่อตั้ง Joytingle สตาร์ทอัพที่ทุ่มเทการพัฒนาการในวัยเด็ก เธอได้สร้างของเล่นที่เรียกว่า Rabbit Ray ให้เด็กที่ต้องเข้ารับการรักษาในสถานพยาบาลต่างๆ ได้สนุกกับการจำลองการรักษาผ่านการใช้เข็มฉีดยาเพื่อสร้างประสบการณ์ดีๆ ในการรักษาและพบหมอ Rabbit Ray นั้นถูกนำไปใช้ในโรงพยาบาลทั่วโลกใน 5 ประเทศ รวมถึงสิงคโปร์ ทั้งยังได้รับรางวัลทางด้านนวัตกรรมในปี 2016 จาก Shell LiveWIRE Global International

สาขาอุตสาหกรรม การผลิตและพลังงาน

<img style="width: 300px; height: 450px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/8273c019dbfd65151b72eb7c00f88c96.png" alt="" />
Xiaogang Shi วัย 27 ปี
ในปี 2015 Xiaogang Shi ก่อตั้ง Xloong และพัฒนาเทคโนโลยี (AR) สร้างภาพเสมือนจริง ผ่านแว่นตา Xloong's Techlens ที่มีความสามารถในการรับภาพและสื่อสารกับวิศวกรเพื่อการแก้ปัญหาเครื่องจักรในระยะไกล

สาขาสื่อ การตลาดและการโฆษณา

<img style="width: 300px; height: 450px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/109b92a5106c7662d163cee3de4d0110.png" alt="" />
Tara Baker วัย 29 ปี

ไม่ใครรู้จักเรามีเท่าเราเอง จากประสบการณ์ในงานแต่งงานที่เลวร้ายของเธอและคู่รัก Tara จึงผันตัวเองมาจัดงานสมรสให้กับกลุ่มคนรักร่วมเพศ สร้าง Dancing with Her ทำการตลาดผ่านสื่อออนไลน์ทั้งเว็บไซต์ สื่อสังคมออนไลน์ โดยแอพพลิเคชั่น Dancing with Her มียอดดาว์นโหลด 4,000 ครั้งหลังเปิดตัวเพียง 2 อาทิตย์ ปัจจุบันในหลายประเทศเปิดกว้างในเรื่องสิทธิส่วนบุคคลรวมถึง ออสเตรเลีย ทำให้เธอตั้งเป้าขยายการบริการในโลกกว้าง

สาขาค้าปลีกและอี-คอมเมิร์ซ

<img style="width: 300px; height: 450px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/98eb2cc7c858d615398a4c8e22aaf345.png" alt="" />
Su Chunzi วัย 28 ปี
Su Chunzi รองประธาน FLOWERPLUS ธุรกิจส่งดอกไม้ถึงบ้าน เพียงราคาราว 16-27 เหรียญต่อเดือน ลูกค้าจะได้รับดอกไม้ส่งตรงถึงบ้านซึ่งผ่านการจัดแต่งอย่างสวยงาม FLOWERPLUS ก่อตั้งเมื่อปี 2015 และได้รับเงินตั้งต้นเป็นจำนวนหลายร้อยล้านหยวน โดยปีที่ผ่านมาธุรกิจของเธอมีสมาชิกสูงถึง 4.5 ล้านรายซึ่งเป็นตัวการเติบโตที่รวดเร็ว

สาขากิจการเพื่อสังคม
<img style="width: 300px; height: 451px;" src="http://forbesthailand.com/uploads/library/66973425eb5b8dd09392c4eada99a4ce.png" alt="" />
Shriyans Bhandari วัย 23 ปี และ Ramesh Dhami วัย 22 ปี

จากประสบการณ์ในอาชีพนักกีฬา พวกเขาพบว่ารองเท้าวิ่งมากมายที่เลิกใช้งานถูกทิ้งเป็นขยะ ทั้งสองจึงเกิดความสร้างสิ่งดีให้สังคม ก่อตั้ง Greensole แพลตฟอร์มเพื่อเด็กๆ ที่ต้องการรองเท้าโดยไม่มีเสียค่าใช้จ่าย ด้วยความคิดที่ดี Greensole ได้รับสนุนจากแบรนด์ยักษ์ใหญ่ อาทิ Tata Group, Rolls Royce

Forbes Asia เผยทำเนียบ 30 UNDER 30 ในภูมิภาคเอเชียประจำปี 2018

จากผลิตไวน์หรูสู่เนื้อแดดเดียว

เรื่อง: SARAH HEDGECOCK เรียบเรียง: พิษณุ พรหมจรรยา 
&nbsp; 
กิจการ Startup ขนาดจิ๋วใน New Hampshire นำเสนอบริการที่ปฏิวัติวิธีกินยาประจำวันของผู้ป่วยนับล้าน ซึ่งถือเป็นการท้าทายธุรกิจของยักษ์ใหญ่ในวงการยาอย่าง CVS และ Wallgreens 
&nbsp; 
Allen Pittinger-Dunham วัย 51 ปี เริ่มกินยารักษาอาการติดเชื้อ HIV มาตั้งแต่ปี 2003 หลังจากที่กินยาไปได้สองปี อาการของเขาหนักขึ้นและแพทย์ลงความเห็นว่าต้องใช้วิธีรักษาที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นต้องกินยามากถึงวันละ 10 เม็ด Pittinger-Dunham จัดการกับปัญหาดังกล่าวด้วยวิธีเดียวกัน นั่นคือใช้บริการจาก PillPack ซึ่งเป็นกิจการ startup ใน Manchester รัฐ New Hampshire 
 
โดย PillPack จะจัดส่งยาตามใบสั่งแพทย์ไปให้พวกเขาทางไปรษณีย์ (ซึ่งไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรสำหรับที่นั่น) แต่แทนที่บริษัทจะส่งยา Lipitor ไปขวดหนึ่ง และ Viread ไปอีกขวดหนึ่ง บริษัทจะจัดชุดยาต่างๆ เข้าด้วยกันในซองพลาสติกใส ที่พิมพ์วันและเวลาที่ลูกค้าต้องกินยาลงไปฉลากที่ติดไว้บนซอง เขากล่าวว่า &ldquo;มันช่วยให้ผมไม่ต้องกังวลอีกเลย&rdquo; โดยการเปลี่ยนแนวคิดนี้ให้กลายเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพแข่งกับเจ้าตลาดอย่าง CVS หรือ Walgreens ได้ 
&nbsp; 
T.J. Parker อายุ 29 ปี ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ PillPack มีพ่อเป็นเภสัชกรและเจ้าของร้านขายยาที่หนุ่มน้อยเคยทำงานด้วยช่วงวัยรุ่น เขาช่วยพ่อจัดส่งยาไปให้ลูกค้าตามบ้านสำหรับลูกค้าที่ไม่สามารถออกมาซื้อยาเองที่ร้านได้ เขาเคยเข้าเรียนเภสัชกรรมศาสตร์ที่ Massachusetts College of Pharmacy แต่สุดท้ายก็พบว่าเขาไม่ชอบงานด้านนี้ 
&nbsp; 
&ldquo;มันไม่ใช่ว่าเภสัชกรที่ CVS หรือ Duane Reade ไม่พยายามจะช่วยลูกค้า แต่พวกเขาไม่มีกลไกหรือเครื่องมือที่จะคอยสนับสนุนให้สามารถช่วยลูกค้าได้ต่างหาก&rdquo; Parker บอก 
&nbsp; 
เมื่อต้นปี Forbes จัดเขาเข้าอันดับใน Forbes 30 Under 30 โดยจัดเป็นหนึ่งในคนรุ่นหนุ่มสาวผู้คิดค้นนวัตกรรมใหม่ โดยเขาบอกว่า &ldquo;ผมไม่อยากทำงานในร้านขายยารูปแบบเดิมๆ เพราะนั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมสนใจ&rdquo; 
&nbsp; 
ต่อมา PillPack ก็เดินหน้าระดมทุนเพิ่มอีก 12.8 ล้านเหรียญ ถึงแม้ทางบริษัทเองจะไม่ยอมเปิดเผยตัวเลขผลประกอบการ แต่ Forbes คาดว่ารายได้ของบริษัทน่าจะสูงถึง 15 ล้านเหรียญในปีนี้ โดยมีอัตรากำไรอยู่ที่ประมาณ 15-20 ปัจจุบัน บริษัทมีพนักงานทั้งหมด 66 คน โดยที่ 15 คนทำหน้าที่ไปรับใบสั่งยาคนไข้จากร้านขายยารูปแบบดั้งเดิมมาส่งที่ PillPack ซึ่งได้รับใบอนุญาตให้ดำเนินธุรกิจได้ใน 47 รัฐ 
&nbsp; 
ด้วยการเน้นไปที่ลูกค้าที่สั่งซื้อยาซ้ำๆ เป็นจำนวนมากๆ ทำให้ Parker ไม่จำเป็นต้องเก็บสต็อคยาหลากหลายประเภทเหมือนกับร้านขายยาตามปกติทั่วๆ ไป ซึ่งทำให้ทั้งต้นทุนถูกลง และทำให้บริษัทสามารถตั้งราคาขายได้ถูกลงด้วย นอกจากนี้ตัวสินค้าเองก็ช่วยให้ประหยัดด้วย เพราะสามารถที่จะจัดส่งยาตามไปสั่งยาหลายๆ ใบให้กับลูกค้าแต่ละรายได้ภายในครั้งเดียว 
 
ทางบริษัทกำลังพัฒนา app สำหรับ smartphone ที่จะช่วยเตือนให้ลูกค้ากินยาเมื่อถึงเวลา นอกจากนี้ Pillpack ยังพบว่าลูกค้าที่ประเภทไฮเทคมักจะชอบส่งใบสั่งยาทางอีเมล์มากกว่าที่จะยกหูโทรศัพท์ต่อไปหาร้านขายยาแบบดั้งเดิม
<hr />

	<a href="http://goo.gl/5pWvBb">อ่าน "พ่อค้ายาสมองใส" ฉบับเต็มได้ที่ Forbes Thailand ฉบับ June 2015</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events