<h2>ธุรกิจ พานาโซนิค โซลูชั่นส์ ในประเทศไทย กางแผนธุรกิจหลังควบรวม 3 บริษัท สู่ชื่อใหม่ บริษัท พานาโซนิค โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ PSTH ภายใต้แนวคิด One Panasonic &amp; One Team พร้อมกลยุทธ์ขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในธุรกิจใหม่ ‘Total Living Solution’ เจาะกลุ่มลูกค้า B2B ตั้งเป้าเป็นผู้นำ Professional Solutions Provider ของประเทศไทยภายในปี 2573 ด้วยเป้าหมายยอดขาย 28,000 ล้านบาท</h2>
<figure><img class="wp-image-60560 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/Hidekazu-Ito_0301.jpg" alt="" width="650" height="433" /><figcaption> Hidekazu Ito ซีอีโอ กลุ่มบริษัทพานาโซนิค ในประเทศไทย</figcaption></figure>

หลังการปรับรูปแบบองค์กร พานาโซนิค คอร์ปอเรชั่นใหม่ ในฐานะหนึ่งในบริษัทปฏิบัติการจะยังคงมุ่งมั่นต่อการมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพชีวิต โดยวางปรัชญาการดำเนินธุรกิจที่มุ่งส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีของผู้คน สังคม และโลกของเราอย่างยั่งยืน

สำหรับในประเทศไทย การปรับองค์กรขนานใหญ่นี้ได้มีการปรับผังองค์กรให้สอดรับกับทิศทางการดำเนินงานในระดับโลก และเพื่อรับกับความท้าทายของตลาดและโอกาสทางธุรกิจในประเทศ ด้วยการควบรวม 3 บริษัทไว้ด้วยกัน โดยเมื่อวันที่ 4 มกราคมที่ผ่านมา บริษัท พานาโซนิค ไลฟ์ โซลูชั่นส์ เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด (PLSSTH) ได้มีการเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท พานาโซนิค โซลูชั่นส์  (ประเทศไทย) จำกัด (PSTH)

ซึ่งตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนนี้ เป็นต้นไป จะมีการควบรวมอีก 2 บริษัท มาไว้ภายใต้บริษัทเดียวกันนี้ ได้แก่ บริษัท พานาโซนิค แมเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (PMT) ซึ่งเป็นสำนักงานปฏิบัติการภูมิภาค หรือ Country Headquarter และ บริษัท พานาโซนิค ซิว เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด (PST) บริษัทผู้จำหน่ายผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจซิสเต็ม (System), กลุ่มภาพและเสียง (Consumer AV) และกลุ่มไลท์ติ้ง (Lighting) โดยมียอดขายรวมทั้ง 3 บริษัทในปี 2564 ราว 14,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 131 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

"การควบรวมทั้ง 3 บริษัท มาไว้ภายใต้ บริษัท พานาโซนิค โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ PSTH จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพที่แข็งแกร่งให้กับทีมขาย ที่รวบรวมทั้งการตลาด การออกแบบ และการขาย ภายใต้แนวคิด One Panasonic &amp; One Team  ทำให้การติดต่อประสานงานกับลูกค้ากลุ่ม B2B ซึ่งปัจจุบันมีลูกค้าทั้งกลุ่มที่อยู่อาศัย และไม่ใช่ที่อยู่อาศัย ครอบคลุมตั้งแต่ ที่อยู่อาศัย โรงแรม สำนักงาน โรงงาน คลังสินค้า โรงพยาบาล และศูนย์ดูแลผู้สูงอายุ รวมทั้งโครงการภาครัฐ​มีความคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น" Hidekazu Ito ซีอีโอ กลุ่มบริษัทพานาโซนิค ในประเทศไทย

<img class="size-full wp-image-60563 aligncenter" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2022/03/พานาโซนิค-โซลูชั่นส์_0303.jpg" alt="" width="650" height="433" />

โดยเป้าหมายการดำเนินงานของ PSTH คือการนำเสนอ Total Solutions For Living Spaces โดยใช้กลยุทธ์ Systematizing จัดหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์หลายรายการเพื่อนำเสนอในรูปแบบของโซลูชัน มากกว่าการขายรายผลิตภัณฑ์ โดยแบ่งเป็น 3 หมวดหมู่หลัก ได้แก่ Energy-saving โซลูชันการประหยัดพลังงานเพื่อตอบสนองสังคมปลอดคาร์บอน Comfort &amp; Wellness โซลูชันเพื่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีพร้อมรองรับกับสังคมผู้สูงอายุ และ Smart &amp; Safety ตอบรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่เปลี่ยนไปในยุค New Normal

โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าเติบโตใน 4 ตลาดที่มีศักยภาพ คือ Consumer Market, Housing &amp; Residential, Office &amp; Factory Warehouse และธุรกิจใหม่ที่จะพร้อมจะรุกตลาดมากขึ้นในปีนี้ คือ Total Living Solution ซึ่งเป็นการนำเสนอบริการแบบโซลูชันเพื่อการใช้ชีวิตแบบครบวงจร

ในตลาดกลุ่มที่อยู่อาศัย ได้มีการนำเสนอ Total Living Solution ผ่านโชว์รูม ‘Experience Center’ ซึ่งเปิดตัวไปเมื่อต้นปี 2564 (2021) โดยพานาโซนิคได้จัดแสดงแนวคิดด้านสุขภาพสำหรับการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน พร้อมนำเสนอการออกแบบและการติดตั้งโซลูชันเพื่อการใช้ชีวิต ไม่ว่าจะเป็น ระบบประหยัดพลังงาน ระบบควบคุมคุณภาพอากาศ​ โซลูชันเพื่อการพักผ่อนและการนอน เป็นต้น

ส่วนตลาดในกลุ่ม ที่ไม่ใช่ที่อยู่อาศัย ในปีนี้จะมีการเปิดตัวโซลูชันเพื่อสำนักงานอัจฉริยะ (Smart Office Solution) ที่มีการออกแบบและปรับเปลี่ยนโซลูชันที่ยืดหยุ่นตามความต้องการของลูกค้า ใน 3 หมวดหลัก คือ Stress-Free Solutions ด้วย Smart Box ตู้รับพัสดุและปลดล็อคด้วยระบบบลูทูธ Anti-Virus Solutions พื้นที่ปลอดไวรัสและแบคทีเรียด้วยอุปกรณ์ทันสมัย เช่น เครื่องฟอกอากาศ “Ziaino” ระบบปรับอากาศ “Air-E” พื้นของห้องที่ทำจากวัสดุต้านแบคทีเรีย และ Energy Saving Solutions ซึ่งคลอบคลุม อุปกรณ์ที่ให้แสงสว่างรวมถึงเซนเซอร์อัตโนมัติและการบริหารจัดการด้านพลังงาน

“เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในตลาดประเทศไทยซึ่งเปรียบเสมือนบ้านอีกหลังหนึ่งนั้น พานาโซนิค โซลูชั่นส์ (ประเทศไทย) มุ่งมั่นที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นส์เพื่อชีวิตที่ประหยัดพลังงาน ให้มีความเป็นอยู่ที่ดี สมาร์ท และปลอดภัย ผ่านการร่วมมือกับพันธมิตรภายในประเทศ  และตั้งเป้าว่าจะสามารถขึ้นแท่นเป็นผู้นำในฐานะ Professional Solution Provider ชั้นนำของประเทศไทยได้ภายในปี 2573 ด้วยยอดขายประมาณ 28,000 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 200 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี 2564” Ito กล่าว

อ่านเพิ่มเติม: <a href="https://forbesthailand.com/news/finance-and-investment/scb-wealth-%e0%b9%80%e0%b8%9b%e0%b8%b4%e0%b8%94%e0%b8%95%e0%b8%b1%e0%b8%a7%e0%b8%9c%e0%b8%b9%e0%b9%89%e0%b8%99%e0%b8%b3%e0%b8%97%e0%b8%b1%e0%b8%9e%e0%b9%83%e0%b8%ab%e0%b8%a1%e0%b9%88%e0%b8%9e%e0%b8%a3.html">SCB WEALTH เปิดตัวผู้นำทัพใหม่พร้อมยุทธศาสตร์ดัน AUM 2 ล้านล้านใน 3 ปี</a>

<hr />
<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>
&nbsp;

"พานาโซนิค โซลูชั่นส์" กางแผนธุรกิจควบรวม 3 บริษัท ดันยอดขาย 2.8 หมื่นล้าน ภายในปี 2573

<h2>แผน 5 ปีของการสร้าง "ไอทีโซลูชันแห่งโลกการลงทุน" ในยุคดิจิทัล ของ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้ายของการทำงานเพื่อตอบโจทย์ในการสร้างผลิตภัณฑ์ทางด้านการเงินที่รวดเร็ว หลากหลาย และปลอดภัย</h2>
<img class="alignnone wp-image-52194 size-full" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/พิเชฐ-ศรีวงษ์ญาติดี_1003.jpg" alt="ไอทีโซลูชันแห่งโลกการลงทุน" width="600" height="400" />

พิเชฐ ศรีวงษ์ญาติดี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ของ KTBST SEC หนึ่งในผู้บริหารและผู้รับผิดชอบโดยตรง ได้แบ่งปันประสบการณ์สำคัญในการสร้างโครงสร้างไอทีของธุรกิจที่ต้องปลอดภัย ยืดหยุ่น รวดเร็ว สนับสนุนการสร้างผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ดีสร้างต้นแบบการใช้ ไอทีโซลูชันแห่งโลกการลงทุน สำหรับยุคปัจจุบันให้เป็นจริง

นับจากการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เมื่อปลายปี 2562 ที่ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) ได้เปลี่ยนชื่อจาก บริษัทหลักทรัพย์เคทีบี (ประเทศไทย) จํากัด (มหาชน) เป็น บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST SEC เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ภาพของธุรกิจกับการดูแลเรื่องการเงินที่ครบวงจร

โดยแบ่งธุรกิจออกเป็น 4 ส่วนภายใต้ 4 บริษัทที่รับผิดชอบในส่วนงานที่แตกต่างกันไปได้แก่ KTBST SEC ดูแลในเรื่องของตลาดหลักทรัพย์ และซื้อขายหุ้น KTBST REIT ดูแลเรื่องอสังหาริมทรัพย์ KTBST LEND ให้บริการด้านสินเชื่อ การกู้ยืม และ WE ASSET จัดการเรื่องกองทุนรวม

ท่ามกลางการเติบโตอย่างก้าวกระโดดของบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที จำกัด (มหาชน) หนึ่งในพลังขับเคลื่อนสำคัญสำหรับธุรกิจแห่งโลกอนาคตคือ พิเชฐ ศรีวงษ์ญาติดี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ของ KTBST SEC

พิเชฐ รับผิดชอบในเรื่องของการวาง IT Infrastructure ทั้งหมด เพื่อให้โซลูชันด้านไอทีขององค์กรตอบโจทย์ครอบคลุมเทคโนโลยีทุกด้าน ตั้งแต่ Network Server Data Center และ Security ในการทำงานจะต้องเป็นไปเพื่อความสะดวกทั้งในฝั่งคนทำงาน ควบคู่ไปกับให้ลูกค้าได้รับความสบายที่มีประสิทธิภาพและมั่นใจได้ในความปลอดภัยของการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

“ผมเข้ามารับผิดชอบงานใน KTBST SEC เมื่อปี 2559 เน้นหนักในส่วนของโครงสร้างไอที พร้อมๆ กับการรองรับการสร้างผลิตภัณฑ์กับสิ่งที่บริษัทมีเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า จึงเกิดเป็นการวางแผนระยะยาว 5 ปี เพื่อให้เห็นภาพชัดว่าองค์กรต้องการอะไรและเราจะไปในทิศทางไหน ซึ่งระยะเวลา 5 ปีเป็นเป้าที่ผมมองว่ากำลังดี เพราะเป็นช่วงที่เหมาะสมในการประเมินความเสี่ยง ได้มองความคุ้มค่าในการลงทุน และยังสามารถแบ่งการทำงานเป็น Phase เพื่อทดสอบความสำเร็จได้” พิเชฐ กล่าวและเสริมว่า

“ในช่วงแรกที่เขามา ผมก็จะพยายามมองหาว่าโซลูชั่นด้านไหนจะมาตอบโจทย์ในเรื่องดิจิทัลของธุรกิจด้านการเงินที่สุด เมื่อก่อนทีมงานเราทำงานแบบแมนนวลร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องมาหาช่องว่าจะเอาเทคโนโลยีเข้ามาปลั๊กอินตรงไหนได้บ้างเพื่อให้การทำงานง่ายที่สุด เกิดประสิทธิภาพที่สุด และตอบโจทย์ลูกค้าได้ลงตัวที่สุด”

<img class="alignnone size-full wp-image-52195" src="https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2021/10/พิเชฐ-ศรีวงษ์ญาติดี_1004.jpg" alt="" width="600" height="400" />

จากโจทย์เบื้องต้น จึงเป็นที่มาในการทำงานร่วมกับ Nutanix บริษัทที่มีบริการซึ่งเรียกว่า Hyper-Converged Infrastructure (HCI) และเทคโนโลยี Enterprise Cloud ที่เป็นจุดเด่นและสมบูรณ์แบบแห่งหนึ่ง “ผมมองว่า Nutanix ตอบโจทย์ความต้องการขององค์กรเราครบในทุกด้าน ทั้ง Hyper-Converged Infrastructure Enterprise Cloud และเทคโนโลยีทางด้าน Data Center Infrastructure ทำให้ในการต่อยอดสู่บริการใหม่ๆ ได้ง่ายขึ้น และไม่ต้องลงทุนใหม่ทุกครั้ง เนื่องจากพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลขนาดใหญ่และมั่นใจได้ว่าปลอดภัยและไม่เกิดการความผิดพลาด”

ในยุคเปลี่ยนถ่ายทางดิจิทัล เทคโนโลยีนับเป็นส่วนสำคัญในทุกธุรกิจ รวมถึงธุรกิจการเงินของ KTBST SEC ที่นับเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่ดูแลเรื่องการเงินครอบคลุมทุกด้าน “ต้องบอกว่าทุกด้านจริงๆ ยกเว้นแค่ฝากถอนเท่านั้น ซึ่งตอนนี้เราก็พยายามหยิบเอาเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวกสบายให้กับลูกค้า”

“ตอนนี้เราใช้โครงสร้างพื้นฐานไฮเปอร์คอนเวิร์จของ Nutanix แทนโครงสร้างพื้นฐานดั้งเดิม ผ่านการทำงานร่วมกับบริษัท เอ ไอ ซิสเต็ม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาของเรา ทำให้ปัจจุบัน KTBST SEC สามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายให้กับลูกค้าได้อย่างมั่นใจ ประสิทธิภาพด้านไอทีที่ดีขึ้นถึง 80% จากการใช้งานโครงสร้างพื้นฐานแบบใหม่นี้ ช่วยให้ KTBST SEC สามารถทุ่มเททรัพยากรต่างๆ ไปยังการสร้างนวัตกรรมที่เน้นลูกค้าเป็นจุดศูนย์กลางได้มากขึ้น”

นอกจากนี้ KTBST SEC ยังได้ย้ายเว็บไซต์ของบริษัทฯ ที่เคยใช้อยู่บนเทคโนโลยีอื่นๆ มาใช้งานบนเทคโนโลยีของ Nutanix แทน ซึ่งเมื่อทำงานอยู่บน Nutanix การใช้งานเว็บไซต์ของบริษัทฯ เร็วขึ้นประมาณ 50% ช่วยให้ลูกค้าสามารถทำกิจกรรมออนไลน์ต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น รวมถึงการอัปเดตพอร์ตการลงทุน และการเปิดบัญชีใหม่

หนึ่งในซอฟต์แวร์ของ Nutanix ที่เรียกว่า อะโครโพลิสไฮเปอร์ไวเซอร์ (Acropolis Hypervisor: AHV) ที่มีฟีเจอร์การทำ Backup Snapshot/Replication ในการปรับปรุงระบบและการปฏิบัติงานของบริษัทฯ ทุกด้าน ซึ่งเทคโนโลยีใหม่นี้ลดเวลาในการอัปเกรดระบบไอทีจาก 4-10 ชั่วโมงให้เหลือเพียง 30 นาที นอกจากนี้ ยังช่วยลดขั้นตอนและเวลาในการติดตั้งเซิร์ฟเวอร์ลงได้ถึง 50% รวมถึงลดค่าใช้จ่ายในการลงทุนได้ถึง 30%

“โซลูชันของ Nutanix ยังช่วยให้ KTBST SEC ดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่อง สามารถแก้ไขความเสียหายหรือความผิดพลาดใดๆ ที่เกิดขึ้นได้ภายในเวลาไม่กี่วินาที ซึ่งหมายถึงเมื่อทำการอัปเกรดแรมและชุดจัดเก็บจะไม่เกิด downtime เลย (Zero downtime) นับเป็นปัจจัยที่สำคัญอย่างมากสำหรับผู้ให้บริการด้านการเงิน”
<h3>มุ่งเป้าสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน</h3>
ตามแผน 5 ปีที่พิเชฐ ได้เตรียมการในการวางแผนด้าน IT infrastructure ไว้ การได้ Nutanix เข้ามาช่วยเหลือด้านโครงสร้างไอที ทำให้ทีมงานของเข้าในด้าน IT Security ลด ลดโอกาสความผิดพลาดจาก Human Error และได้ระบบที่มีเสถียรภาพ ทำให้ เขาสามาถไปโฟกัสการพัฒนาทีมด้าน Development ได้อย่างวางใจ

“การทำงานของเราเหมือนเป็นสตาร์ทอัพทำให้ทีมงานได้มีโอกาสทดลองและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ และทุ่ม budget ให้พนักงานทดลองเรียนรู้จะได้พัฒนาให้เกิดผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ให้กับองค์กร ครั้งหนึ่งเราเคยมีบทเรียนกับแอปพลิเคชั่นที่ตั้งใจทุ่มเทและสร้างมาก แต่พอทำขึ้นไปกลับไม่มีคนใช้ ก็เกิดเป็นความร่วมมือของหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ทุกผลิตภัณฑ์เกิดและตอบสนองกับลูกค้าได้มากที่สุด

"เป้าของเราคือคาดหวังนำระบบเข้าสู่ออนไลน์แบบร้อยเปอร์เซ็นต์ในห้าปี ซึ่งตอนนี้ก็เข้าเกือบทั้งหมด มีทั้งออนไลน์แบบเรียลไทม์อย่างการเทรดหุ้น รวมถึงตราสารอนุพันธ์ ซึ่งประสบความสำเร็จแล้ว อีกอย่างคือกองทุนรวม เราก็เรียลไทม์เหมือนกัน" พิเชฐ กล่าวทิ้งท้าย

ภาพ: KTBST SEC

<hr />

<a href="https://www.facebook.com/ForbesThailandMagazine/">ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine</a>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events