<p class="p1">ในยุคที่ทุกคนสื่อสารกันด้วยเทคโนโลยี การตั้งรหัส Password ในการเข้าเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชั่นต่างๆ มักจะได้รับคำเตือนอยู่เสมอ ว่าจะต้องมีความปลอดภัยเเละยากต่อการเข้าถึง เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ เนื่องจากปัจจุบันมีเหล่าเเฮกเกอร์ที่จ้องจะเก็บข้อมูลไปได้ทุกเมื่อ เเละในหลายกรณีก็สร้างความเสียหายมหาศาล</p>
<p class="p1">เเต่ก็ยังพบว่าผู้คนยังนิยมตั้งรหัสผ่านเเบบง่ายๆ ทำให้ “123456” ยังคงครองเเชมป์เป็น Password ยอดแย่ที่สุดแห่งปี 2018 โดยครองตำแหน่งนี้มานาน 5 ปีติดต่อกันเเล้ว</p>
<p class="p1"><strong>SplashData</strong> ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์สำหรับบริหารจัดการรหัสผ่านชื่อดัง เปิดเผย 25 รหัสผ่านยอดนิยมที่เป็นรหัสผ่านยอดแย่ ประจำปี 2018 นี้ ซึ่งคาดว่าอย่างน้อย 10% ของผู้ใช้ทั่วโลกมีการใช้รหัสผ่าน 1 ใน 25 รหัสผ่านเหล่านี้ โดยอันดับหนึ่งยังคงเป็น <strong>“123456”</strong> ตามด้วย <strong>“password”</strong> เช่นเดียวกับปี 2017 และ 2016 ที่ผ่านมา</p>
<p class="p1">ทั้งนี้ รายงานดังกล่าว ได้รวบรวมข้อมูลรหัสผ่านกว่า 5 ล้านรายการที่หลุดออกมาสู่โลกออนไลน์ ในปี 2018 จากนั้นทำการจัดอันดับรหัสผ่านที่ได้รับความนิยมสูงสุด 100 อันดับแรก ซึ่งหากใครกำลังใช้รหัสผ่านซ้ำกับ 100 อันดับเเรกนี้ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะโดนเจาะข้อมูลได้อย่างง่ายดาย</p>
<p class="p1">สำหรับรหัสผ่านยอดเเย่ที่เข้ามาติดอันดับใหม่ในปีนี้ อย่าง<strong> “donald”</strong> ก็ได้รับความนิยมไม่น้อย ซึ่งคาดว่ามาจากชื่อของ Donald Trump ประธานาธิบดีเเห่งสหรัฐอเมริกาคนปัจจุบัน บ่งชี้ว่าผู้คนบางส่วนมักจะใช้รหัสผ่านตามกระเเสนิยมหรือคนดังในช่วงเวลานั้น นอกจากนี้ยังมีรหัสที่น่าสนใจอย่าง<strong> “sunshine”</strong> ที่ติดโผมาในอันดับ 8 ขณะที่ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตหลายคนหันมาใช้อักขระพิเศษเพื่อให้ดูซับซ้อนขึ้น เเต่ก็ยังเรียงตามคีย์บอร์ดอย่าง “<strong>!@#$%^&amp;*</strong>”</p>

<h3 class="p1">เปิด 25 รหัสผ่านยอดแย่ ประจำปี 2018</h3>
<p class="p3">1. 123456
2. password
3. 123456789
4. 12345678
5. 12345
6. 111111
7. 1234567
8. sunshine
9. qwerty
10. iloveyou
11. princess
12. admin
13. welcome
14. 666666
15. abc123
16. football
17. 123123
18. monkey
19. 654321
20. !@#$%^&amp;
21. charlie
22. aa123456
23. donald
24. password1
25. qwerty123</p>
<p class="p1">ดูรหัสผ่านยอดเเย่ 100 อันดับแรก ประจำปี 2018  <a href="https://www.teamsid.com/100-worst-passwords/">คลิกที่นี่</a></p>
&nbsp;
<p class="p3"><span class="s2">ที่มา </span></p>

<ul>
 	<li><span class="s2"><a href="https://www.teamsid.com/100-worst-passwords/">The Top 100 Worst Passwords of 2018</a>
</span></li>
 	<li><span class="s2"><a href="https://hypebeast.com/2018/12/2018-top-25-worst-passwords">Here Are the Top 25 Worst Passwords of 2018</a>
</span><b></b><b></b></li>
</ul>
&nbsp;

เปิด 25 อันดับ Password ยอดแย่ที่สุดแห่งปี 2018

<h2><span style="font-size: 20px;">เพื่อสร้างการเชื่อมโยงให้เข้มแข็งขึ้นระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในระบบนิเวศของสตาร์ทอัพ ในฐานะหน่วยงานที่ทำหน้าที่สนับสนุนและส่งเสริมสตาร์ทอัพ Startup Thailand สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) จึงได้จัดทำสื่อหลากหลายรูปแบบเพื่อสื่อสารข้อมูลเกี่ยวกับสตาร์ทอัพและระบบนิเวศของสตาร์ทอัพ หนึ่งในนั้นคือการปรับปรุงเว็บไซต์ startupthailand.org เพื่อเป็นช่องทางการสื่อสารข้อมูลต่างๆ ข้างต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น</span></h2>
<strong>Startup Thailand</strong> ได้ปรับโฉมเว็บ startupthailand.org ใหม่ที่มีเนื้อหาและดีไซน์ที่ทันสมัยยิ่งกว่าเดิม เพื่อหวังจะให้เว็บไซต์นี้เป็นพื้นที่ให้ข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับแวดวงสตาร์ทอัพได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น และเชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ ของสตาร์ทอัพไทยและต่างประเทศเข้าด้วยกัน

โดยหัวใจสำคัญของเว็บไซต์นี้ คือ ฐานข้อมูล Ecosystem ซึ่งเปิดโอกาสให้หน่วยงานต่างๆ ในระบบนิเวศของสตาร์ทอัพเข้ามาลงทะเบียนเพื่อรับการรับรองจาก Startup Thailand

<img style="width: 680px; height: 476px;" src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/5cf70dd74513218dd9785e878fc0d53e.png" alt="" />

<span style="color: #ff0000;">ผู้ที่เข้ามาลงทะเบียนจะปรากฏรายชื่ออยู่ในฐานข้อมูล Ecosystem ซึ่งจะจัดแบ่งหมวดหมู่ใหญ่คือ Startup Investor และ Supporter บริษัทและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถเข้ามาดูรายชื่อในฐานข้อมูลนี้เพื่อค้นหาพันธมิตรทางธุรกิจในรูปแบบต่างๆ ที่เหมาะสมกับธุรกิจของตน </span>ด้วยเครื่องมือการค้นหาที่ใช้งานได้อย่างสะดวก ผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาลงทะเบียนภายในเว็บไซต์ <a href="http://www.startupthailand.org">startupthailand.org</a> ได้ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป

นอกจากระบบฐานข้อมูลแล้ว ยังสามารถเข้ามาค้นหาและศึกษาข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับหน่วยงาน Startup Thailand ข่าวสารและบทความที่น่าสนใจในแวดวง ปฏิทินกิจกรรม สื่อที่ให้สาระความรู้และความบันเทิงในรูปแบบต่างๆ ที่ทาง Startup Thailand สร้างสรรค์ขึ้น ทั้งรายการทีวี คลิปสั้นให้ความรู้ นิตยสาร Startup Thailand เป็นต้น โดยเนื้อหาภายในเว็บไซต์นั้นจะนำเสนอในรูปแบบสองภาษา (ไทยและอังกฤษ) เพื่อเป็นการสื่อสารข้อมูลได้กว้างขวางมากขึ้น

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/58f7d1358ef190cc3ba66ec4cc2e8a24.png" alt="" />

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/58e4220d9a64740d9cec2c0f7dbca006.png" alt="" />

<img src="http://www.forbesthailand.com/uploads/library/5cff3e532e39e2c8263d80d2898bd155.png" alt="" />

เว็บไซต์สตาร์ทอัพปรับโฉมใหม่ รองรับการเติบโต ทะยานสู่ระดับเอเชีย

<h2><strong>หลังสร้าง Pantip.com สู่เว็บบอร์ดอันดับ 1 ของประเทศ 2 นักบุกเบิกโลกอินเทอร์เน็ตในไทยเมื่อ 2 ทศวรรษก่อน เดินหน้าสร้าง Digital Ecology ทำสังคมออนไลน์ให้อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน</strong></h2>
<div>เริ่มต้นจากนิตยสารออนไลน์ด้าน IT เมื่อ 19 ปีก่อน ปัจจุบัน Pantip.com คือ webboard อันดับหนึ่งของประเทศ เป็นชุมชนขนาดใหญ่ที่มีเนื้อหาหลากหลาย มีสมาชิกกว่า 1.7 ล้านราย ผู้เข้าชมวันละกว่า 4.5 ล้านราย และกว่า 16 ล้าน page view ต่อวัน โดยมีทีมงานราว 70 ชีวิตคอยขับเคลื่อน</div>
<div></div>
<div>วันฉัตร ผดุงรัตน์ วัย 52 ปี พา <em>Forbes Thailand</em> ย้อนไปช่วงลาออกจากงานประจำ มาเริ่มก่อตั้งบริษัทนำเข้าอุปกรณ์คอมพิวเตอร์จากไต้หวัน คู่ค้าชาวไต้หวันนั่นเองแนะนำให้รู้จักอินเทอร์เน็ต และเปลี่ยนวิธีสื่อสารเป็นการใช้อีเมล เพื่อประหยัดค่าโทรสารและโทรศัพท์ทางไกลรายเดือนที่สูงมาก จนเขาสนุกและตื่นเต้นกับการท่องโลกอินเทอร์เน็ต</div>
<div></div>
<div>

ปี 2539 วันฉัตรกระโจนเข้าไปเต็มตัว นำเงินเก็บราว 200,000 บาท จดทะเบียนเว็บไซต์ Pantip.com ด้วยแรงบันดาลใจจาก "พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า" แหล่งรวบรวมสินค้าและอุปกรณ์เทคโนโลยีชื่อดัง

<hr />

<div><strong>5 เหตุการณ์ประวัติศาสตร์ Pantip</strong></div>
<ul>
 	<li>2540    First Members' Meeting ระหว่างสมาชิกห้องสยามสแควร์กับห้องรัชดา</li>
 	<li>2544    หนังสือเล่มแรกจากกระทู้ของล็อกอิน “แก้วไดอารี่” ผู้ติดเชื้อ HIV</li>
 	<li>2546 หรือ 2547 คู่แต่งงานคู่แรกจากเว็บไซต์ Pantip</li>
 	<li>2548    สมาชิกร่วมก่อตั้ง “มูลนิธิบลูพลาเน็ตเพื่อการศึกษาเด็กด้อยโอกาส”2552    “นักสืบพันทิป” ร่วมวิเคราะห์ประเด็น GT200 ตรวจสอบรัฐบาล กระทั่งกระทรวงกลาโหมต้องทบทวนงบประมาณและแผนการใช้อุปกรณ์ดังกล่าว</li>
</ul>
<div>

<hr />

ปี 2540 วันฉัตรมีคู่หูร่วมทีม อภิศิลป์ ตรุงกานนท์ ขณะนั้นยังเป็นนักศึกษาสาขาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ ที่ใช้เวลาวันหยุดพัฒนาโปรแกรมที่เป็นประโยชน์ต่อเว็บไซต์ ปัจจุบัน อภิศิลป์ วัย 35 ปี ยังคงทำงานร่วมกับวันฉัตร ดูแล Pantip.com ในตำแหน่ง Co-founder &amp; Chief Technology Officer

</div>
</div>
<div>อภิศิลป์มีมุมมองต่อ Digital Economy ที่รัฐบาลปลุกกระแสว่า เป็นเรื่องที่ทั้งกว้างและใหญ่ มีหลายแง่มุมที่ให้พัฒนา เช่น digital content, digital advertising รวมทั้ง e-commerce ซึ่งได้รับการพูดถึงบ่อยครั้ง หากสนับสนุนให้เกิด Digital Economy ภาครัฐต้องทำงานร่วมกับเอกชนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง</div>
<div></div>
<div>“มีวิธีไหนที่คนไทยจะลงทุนและพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นเอง ทำอย่างไรที่จะกระตุ้นให้ startup พัฒนาศักยภาพตัวเอง อาจเป็นสถาบันการศึกษา หรือสังคมโดยรอบที่ช่วยสร้างบรรยากาศความคิดสร้างสรรค์ ให้เขาเกิดแรงบันดาลใจว่าจะพัฒนาแอพพลิเคชั่นสุดยอดให้โลกนี้ใช้”</div>
<div></div>
<div>วันฉัตรพยักหน้าเห็นด้วยกับอภิศิลป์ แล้วเสริมว่าในมุมของเขา Digital Economy ต้องตอบโจทย์ทุกภาคส่วน หลายครั้งที่มีผู้ให้ทุน startup เพื่อผลิตซอฟท์แวร์ แต่หลังจากนั้นไม่มีแผนธุรกิจเพื่อผลักดันไปให้สุด Digital Economy จึงควรเป็นเรื่องที่เชื่อมโยงกระบวนการต่างๆ เข้าด้วยกัน</div>
<div></div>
<div>“เวลานึกถึง Digital Economy ก็จะนึกถึงการดึงเข้าตัว แต่นั่นไม่ใช่คาแรคเตอร์ของเรา ผมไม่ได้ทิ้งคำนั้น แต่ผมมองว่า Digital Ecology มันคือเราและจะยั่งยืนด้วย เราเป็นพื้นที่ให้ผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญแต่ละเรื่องได้มาแลกเปลี่ยน เมื่อมี platform มากขึ้น เขาอาจออกไปใช้พื้นที่ตรงนั้นต่อยอดสิ่งที่เขารู้ เราต่างเอื้อกันและกัน”</div>
<div></div>
<div>ความมุ่งมั่นของ 2 ขุมพลังแห่ง Pantip.com ต่อจากนี้คือ สร้างการเติบโตให้สอดคล้องกับแนวคิด knowledge sharing platform ของเว็บไซต์ ให้การค้นหาข้อมูลผ่าน Google สามารถเจอคำตอบจากกระทู้ในเว็บไซต์ Pantip ได้ 99% จากปัจจุบันที่ 1%</div>
<div></div>
<div>

“เราเป็นลูกครึ่งระหว่าง Facebook ที่มีความสนุกเป็นกันเอง กับ Wikipedia ที่เป็นวิชาการ Pantip เหมือนเพื่อนคุยกัน สโลแกนของเราคือ learn, share and fun ซึ่งสะท้อนตัวเองอยู่แล้วว่าให้คนมาเรียนรู้ แบ่งปัน และสนุกไปกับมัน” อภิศิลป์ปิดท้าย

<hr />

อ่าน <strong>"สร้าง Digital Ecology ก้าวต่อไปของ Pantip.com"</strong> ฉบับเต็มได้ใน <em>Forbes Thailand</em> ฉบับ JANUARY 2015

</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events