<h2><strong>รับมือยักษ์ออนไลน์โลก Amazon-Alibaba บุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้   WhatsNew Groupผนึกเว็บอีคอมเมิร์ซท้องถิ่นสู้ ล่าสุดซื้อกิจการเว็บค้าปลีกสินค้าไลฟ์สไตล์ MOXY</strong></h2>
<div>Ardent Capital ผู้ก่อตั้งบริษัท WhatsNew Group เจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซสินค้าไลฟ์สไตล์ ตกลงเข้าซื้อกิจการเว็บไซต์ MOXY หนึ่งในผู้ให้บริการสินค้าออนไลน์ด้านไลฟ์สไตล์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด ซึ่งก่อตั้งโดย "แชนนอน (ชาริณี) กัลยาณมิตร" ผู้วางรากฐานให้แบรนด์ MOXY แข็งแกร่งในเวลาอันรวดเร็ว</div>
<div></div>
<div>และเธอจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผู้บริหาร WhatsNew Group ในตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการตลาด (Group Chief Marketing Officer) โดยเชื่อมั่นว่าประสบการณ์ของเธอจาก PricewaterhouseCoopers, Lehman Brothers และ Rocket Internet จะช่วยทำให้ WhatsNew Group เข้มแข็งมากขึ้น</div>
<div></div>
<div>CMO คนใหม่ของ WhatsNew เปิดเผยว่า สาเหตุที่หลายแบรนด์ยังไม่ก้าวสู่ธุรกิจออนไลน์ เพราะยังเชื่อที่ว่าจะฉุดภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้ต่ำลง เหมือนกับว่าเป็นของราคาถูก แต่สำหรับ MOXY และ WhatsNew ไม่คิดเช่นนั้น เราจึงตัดสินใจร่วมมือกันเพื่อพัฒนาตลาดอีคอมเมิร์ซให้เติบโตได้เร็วกว่าเดิม</div>
<div></div>
<div><a href="http://www.moxyst.com/">MOXY</a> เป็นเว็บไซต์น้องใหม่ที่เน้นสินค้าไลฟ์สไตล์ ที่เข้าเสริมทัพเว็บค้าปลีกออนไลน์ <a href="http://www.petloft.com/">Petloft</a>, <a href="http://www.venbi.com/">Venbi</a>, <a href="http://www.sanoga.com/">Sanoga</a> และ <a href="http://www.lafema.com/">Lafema</a> ภายใต้การบริหารของบริษัท <a href="http://www.whatsnew.asia/">WhatsNew Group</a></div>
<div></div>
<div>บริษัท WhatsNew ก่อตั้งในปี 2556 ที่กรุงเทพฯ ประเทศไทย บริหารงานโดย Adrian Vanzyl และพอล ศรีวรกุล เจ้าของบริษัท Ardent Capital จำกัด และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซชื่อดังอย่าง aCommerce และ Ensogo  ในปัจจุบัน WhatsNew ดำเนินกิจการเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซรวมทั้งหมด 5 เว็บไซต์ ได้แก่  Petloft, Venbi, Sanoga, Lafema และล่าสุด MOXY</div>
<div></div>
<div>WhatsNew จัดจำหน่ายสินค้าหลากหลาย ตั้งแต่อาหารสัตว์ อุปกรณ์สำหรับเด็กเล็ก สินค้าสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ความงาม และสินค้าไลฟ์สไตล์ต่างๆ รวมทั้งหมดประมาณ 1,000 แบรนด์ 20,000 กว่ารายการ มุ่งเป้าหมายครอบคลุมทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยการเชื่อมโยงเว็บไซต์ทั้งห้าเข้าด้วยกัน ผู้บริโภคสามารถล็อกอินเข้าสู่ระบบเพียงครั้งเดียว การดำเนินธุรกิจที่ผ่านมาเพียง 1 ปี ยอดสั่งซื้อเติบโตถึง 1,000% มูลค่าสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 20% ต่อปี</div>
<div></div>
<div>เหตุผลที่ WhatsNew ตัดสินลงทุนในเว็บไซต์ MOXY แทนที่จะก่อตั้งเว็บไซต์ขึ้นใหม่นั้น เนื่องจากมาตรฐานการให้บริการของ MOXY นั้นอยู่ในเกณฑ์ยอดเยี่ยม ทั้งนี้ผู้ถือหุ้นหลักของ MOXY ทั้ง 3 คน จะยังคงบริหารงานต่อไป</div>
<div></div>
<div>"การสร้างสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์ต้องใช้เวลา ถ้าจะสร้างขึ้นเองใหม่หมดต้องใช้เวลามาก เมื่อพิจารณาจากเครือข่ายที่ MOXY ได้สร้างไว้แล้ว" ไทย คำมณีวงศ์ ซีอีโอของ WhatsNew กล่าวอีกว่า การปรับตัวไปสู่สินค้าไลฟ์สไตล์นั้นเป็นกลยุทธ์หลัก เพราะเมื่อตลาดเข้าใกล้จุดอิ่มตัวแล้ว การมีผลิตภัณฑ์ที่มีเอกลักษณะเฉพาะตัวจะทำให้อยู่เหนือคู่แข่ง และช่วยขยายฐานของลูกค้า</div>
<div></div>
<div>นอกจากนี้ ซีอีโอ WhatsNew กล่าวถึงตลาดอีคอมเมิร์ซในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่า กำลังอยู่ในระยะเริ่มต้น และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้บริษัทระดับโลกอย่าง Amazon และ Alibaba กำลังมองหาลู่ทางเข้ามาตีตลาดในไม่ช้า เราจึงมองว่าการผนวกเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพอยู่แล้วเข้ามาร่วมธุรกิจ จะสามารถตอบโจทย์ได้ดีที่สุด</div>
<div></div>
<div>ทั้งนี้ รูปแบบการทำธุรกิจครั้งนี้จะคล้ายกับ Quidsi บริษัทอีคอมเมิร์ซของสหรัฐอเมริกา ที่ถูก Amazonซื้อกิจการไปเมื่อ 5 ปีก่อน ด้วยมูลค่า 550 ล้านเหรียญ ในเวลานั้น Quidsi ดูแลเว็บไซต์ทั้งหมด 3 เว็บไซต์ ปัจจุบันเพิ่มเป็น 10 เว็บไซต์ เมื่อเทียบกับ WhatsNew ที่มีร้านค้าออนไลน์ทั้งหมด 5 เว็บไซต์ ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี และในเดือนกุมภาพันธ์นี้ ก็จะประกาศเปิดตัวเว็บไซต์ใหม่อีก</div>
<div>

<hr />

อ่านประกอบ: <a href="http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=261">พอล ศรีวรกุล: ปั้น Startups อาเซียนด้วย VC</a>

</div>

WhatsNew อีคอมเมิร์ซพันธุ์ไทย สร้างอาณาจักรครองอาเซียน

<h2><strong>ในปี 2007 Sachin Bansal กับ Binny Bansal ยังเป็นวิศวกรของ Amazon.com มีหน้าที่ปรับแต่งระบบ เพื่อช่วยให้ทำมาค้าขายกับคนในอินเดียได้คล่องตัวขึ้น แต่อีก 7 ปีต่อมา Bansal ทั้งสองกลับกลายเป็นคู่ต่อกรของนายเก่าไปเสียแล้ว</strong></h2>
<div>คนหนุ่มทั้งสองในวัย 33 ปีเท่ากัน คือผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ Flipkart เว็บค้าปลีกออนไลน์เจ้าใหญ่ในตลาดอินเดีย ที่ธุรกิจ eCommerce กำลังเริ่มเติบโต โดยล่าสุดได้รับทุนก้อนใหญ่จากนักลงทุนระดับโลก ที่กำลังสอดส่ายสายตาควานหา Alibaba Group รายใหม่</div>
<div></div>
<div>Flipkart เพิ่งประกาศว่าได้รับเงินทุนอีก 700 ล้านเหรียญจากกลุ่มนักลงทุน ประกอบด้วย T. Rowe Price Associates และ Qatar Investment Authority ซึ่งได้ตีมูลค่าบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ใน Bangalore ไว้ราว 1.1 หมื่นล้านเหรียญ</div>
<div></div>
<div>เม็ดเงินลงทุนที่ทยอยเข้ามาทำให้คู่หู Bansal  ที่ไม่ได้เกี่ยวดองทางสายเลือดกันเลย กำลังจะกลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านเข้าไปทุกขณะ โดยแต่ละรายถือหุ้นของบริษัทมีมูลค่า 940 ล้านเหรียญแล้ว แสดงให้เห็นสัญญาณที่ดี ว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ของอินเดีย</div>
<div></div>
<div>ในปี 2014 เป็นปีแห่งดีลใหญ่มากมาย  Flipkart สามารถระดมทุนได้ถึง 1.9 พันล้านเหรียญ เป็นรองเพียงแค่ Uber Technologies เท่านั้น หากพิจารณาผู้ประกอบการ eCommerce ยักษ์ใหญ่ในอินเดียทั้งสามราย Flipkart, Amazon และ Snapdeal จะเป็นเม็ดเงินสูงถึง 4.7 พันล้านเหรียญ</div>
<div></div>
<div>ความยิ่งใหญ่ในธุรกิจสาขานี้ ประจักษ์ชัดจากการเสนอขาย IPO ของ Alibaba Group เมื่อเดือนกันยายน ซึ่ง ณ เวลานี้มีมูลค่าในตลาดแล้ว 2.75 แสนล้านเหรียญ  Alibaba เป็นปรากฏการณ์ที่ช่วยยืนยันอำนาจการซื้อของตลาดเกิดใหม่ ที่ประชากรกำลังย้ายไปสู่โลกออนไลน์ เพื่อจัดการธุระในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ</div>
<div></div>
<div>"ในอินเดีย การค้าปลีกยังไม่มีระบบที่เข้มแข็ง แต่ด้วยประชากรขนาดมหาศาลกำลังทำให้ก้าวกระโดดจากการค้าปลีกที่ไม่มีระบบระเบียบ ไปสู่ eCommerce ซึ่ง Amazon และ Flipkart สามารถฉกฉวยช่องว่างตรงนี้ได้" Vamsi Vutukuru นักวิเคราะห์จาก Boomerang Commerce กล่าว</div>
<div></div>
<div>Flipkart ในวัยเพียง 7 ปี อาจจะหวังทาบรัศมี Alibaba ให้ได้ แต่ก็ต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะไล่ตามผู้นำสัญชาติจีนได้ทัน Satish Meena นักวิเคราะห์จาก Forrester คาดว่าบริษัทอินเดียจะมีมูลค่าสินค้ารวมในช่วงกลางปี 2015 ที่ 2 พันล้านเหรียญ ขณะที่ Alibaba เฉพาะปีที่แล้วเพียงปีเดียว ก็มีมูลค่าการค้าถึง 2.48 แสนล้านแล้ว</div>
<div></div>
<div>ด้วยโมเดลทางธุรกิจที่แตกต่างกัน  Alibaba คือตลาดเปิดให้พ่อค้าปลีกมาเร่ขายสินค้าของตัวเอง แต่สำหรับ Flipkart แล้ว ใช้รูปแบบคล้ายกับ Amazon ที่้ต้องลงมาจัดการสินค้าคงคลัง และบริหารจัดการ logistic เอง จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการสร้างกิจการให้สมบูรณ์นานมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น อินเดียเพิ่งก้าวสู่ธุรกิจออนไลน์อย่างช้ามาก ทำให้ Forrester คาดว่า มูลค่าการค้าออนไลน์จะแตะ 1.6 พันล้านเหรียญในปี 2018</div>
<div></div>
<div>อย่างไรก็ตาม Flipkart ยังต้องเผชิญอุปสรรคด้านอื่น นั่นคือการแข่งขันกับผู้นำตลาดอย่าง Snapdeal (ได้รับการสนับสนุนจาก Softbank ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Alibaba) ที่มีรายงานว่าเคยพบกับ Jack Ma และยังมี eBay ช่วยหนุนหลังอยู่ด้วย</div>
<div></div>
<div>นอกจากนั้นแล้วยังมี Amazon ที่สามารถสร้างตลาดอย่างรวดเร็ว ด้วยการทำการตลาดอย่างหนัก โดยตั้งเป้าว่าจะทุ่มทุนในอินเดียไว้ที่ 2 พันล้านเหรียญ</div>
<div></div>
<div>"อินเดียเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ที่เราจะสร้างกระแสเงินสดได้อย่างอิสระ ต่อยอดไปถึงธุรกิจอื่นๆ ได้อีกมาก เราไม่มีลงทุนขนาด 2 พันล้านได้เลย ถ้าไม่มีหลักประกันถึงความเป็นไปได้" Jeff Bezo ให้สัมภาษณ์ระหว่างเยือนอินเดียเมื่อเดือนตุลาคม</div>
<div></div>
<div>Sachin Bansal ในตำแหน่ง CEO และ Binny Bansal ในตำแหน่ง COO ของ Flipkart เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ Indian Institute of Technology ใน Dehli ทั้งคู่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวความสำเร็จใน Silicon Valley เพื่อเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง</div>
<div></div>
<div>"แม้ว่าเราจะเริ่มทำงานในบริษัทของคนอื่นๆ แต่เหมือนว่าเราได้เริ่มต้นธุรกิจแล้ว" Binny Bansal ให้สัมภาษณ์ India Today ในปี 2013 “สำหรับเราแล้ว ยังมีโอกาสอีกมากในอินเดีย"</div>
<div></div>
<div>การเพิ่มทุนรอบใหม่นี้ ทำให้ Flipkart ต้องเปิดเผยสัดส่วนการลงทุนของผู้ร่วมก่อตั้ง ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบของสิงคโปร์ ซึ่งบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นที่นั้น ที่กำหนดให้บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นเกิน 50 คน ต้องเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ โดย Flipkart ยืนยันว่าการเปิดเผยครั้งนี้ ไม่ได้เป็นสัญญาณใดๆ ว่าจะมี IPO</div>
<div></div>
<div>ข้อมูลจากที่เปิดเผย ทำให้ทราบว่า Bansal แต่ละคน ถือหุ้นคนละไม่ถึง 46% มีมูลค่าราว 940 ล้านเหรียญ และบริษัทมีมูลค่ารวม 1.1 หมื่นล้านเหรียญ</div>
<div></div>
<div>ด้วยเม็ดเงินลงทุนที่ระดมมาได้สูงถึง 2.45 พันล้านเหรียญ ทำให้คาดหมายถึงการเติบโตในวันข้างหน้า ด้วยองค์กรที่้มีพนักงาน 2 หมื่นคน และตัวเลขผู้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ 26 ล้านราย มูลค่าทั้งหมดของ Flipkart และมูลค่าหุ้นสุทธิของผู้ก่อตั้ง ยังจะต้องเพิ่้มขึ้นอีก</div>
<div></div>
<div>"ความท้าทายอันใหญ่หลวงของพวกเราก็คือ ความใหม่ของธุรกิจ eCommerce ทำให้ต้องเรียนรู้และพัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่อง” Binny Bansal กล่าว</div>
<div>

[ภาพจาก Forbes.com]

</div>
<div>

<hr />

เรียบเรียงจาก <a href="http://www.forbes.com/sites/ryanmac/2014/12/22/flipkart-founders-almost-billionaires-after-raising-700-million/">Flipkart Founders Almost Billionaires After Raising Indian E-Commerce Stakes</a>

</div>
&nbsp;
<div><strong>ข่าวอื่นๆ</strong></div>
<ul>
 	<li><a href="http://forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=140">100 มหาเศรษฐีอินเดียปีนี้ ทุกคนร่ำรวยระดับพันล้าน</a></li>
 	<li><a href="http://www.forbesthailand.com/_preview_article_detail.php?article_id=205">จังหวะของอินเดีย</a></li>
 	<li><a href="http://www.forbesthailand.com/article_detail.php?article_id=72">"ปฏิวัติ" สังคมอินเดียด้วยพลัง "สมาร์ตโฟน"</a></li>
</ul>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events