รวยด้วยออนไลน์ Flipkart สร้างเศรษฐีอินเดียหน้าใหม่ - Forbes Thailand

รวยด้วยออนไลน์ Flipkart สร้างเศรษฐีอินเดียหน้าใหม่

FORBES THAILAND / ADMIN
24 Dec 2014 | 11:05 AM
READ 4297

ในปี 2007 Sachin Bansal กับ Binny Bansal ยังเป็นวิศวกรของ Amazon.com มีหน้าที่ปรับแต่งระบบ เพื่อช่วยให้ทำมาค้าขายกับคนในอินเดียได้คล่องตัวขึ้น แต่อีก 7 ปีต่อมา Bansal ทั้งสองกลับกลายเป็นคู่ต่อกรของนายเก่าไปเสียแล้ว

คนหนุ่มทั้งสองในวัย 33 ปีเท่ากัน คือผู้ร่วมก่อตั้งเว็บไซต์ Flipkart เว็บค้าปลีกออนไลน์เจ้าใหญ่ในตลาดอินเดีย ที่ธุรกิจ eCommerce กำลังเริ่มเติบโต โดยล่าสุดได้รับทุนก้อนใหญ่จากนักลงทุนระดับโลก ที่กำลังสอดส่ายสายตาควานหา Alibaba Group รายใหม่
Flipkart เพิ่งประกาศว่าได้รับเงินทุนอีก 700 ล้านเหรียญจากกลุ่มนักลงทุน ประกอบด้วย T. Rowe Price Associates และ Qatar Investment Authority ซึ่งได้ตีมูลค่าบริษัทที่มีสำนักงานใหญ่ใน Bangalore ไว้ราว 1.1 หมื่นล้านเหรียญ
เม็ดเงินลงทุนที่ทยอยเข้ามาทำให้คู่หู Bansal  ที่ไม่ได้เกี่ยวดองทางสายเลือดกันเลย กำลังจะกลายเป็นมหาเศรษฐีพันล้านเข้าไปทุกขณะ โดยแต่ละรายถือหุ้นของบริษัทมีมูลค่า 940 ล้านเหรียญแล้ว แสดงให้เห็นสัญญาณที่ดี ว่านักลงทุนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพธุรกิจค้าปลีกออนไลน์ของอินเดีย
ในปี 2014 เป็นปีแห่งดีลใหญ่มากมาย  Flipkart สามารถระดมทุนได้ถึง 1.9 พันล้านเหรียญ เป็นรองเพียงแค่ Uber Technologies เท่านั้น หากพิจารณาผู้ประกอบการ eCommerce ยักษ์ใหญ่ในอินเดียทั้งสามราย Flipkart, Amazon และ Snapdeal จะเป็นเม็ดเงินสูงถึง 4.7 พันล้านเหรียญ
ความยิ่งใหญ่ในธุรกิจสาขานี้ ประจักษ์ชัดจากการเสนอขาย IPO ของ Alibaba Group เมื่อเดือนกันยายน ซึ่ง ณ เวลานี้มีมูลค่าในตลาดแล้ว 2.75 แสนล้านเหรียญ  Alibaba เป็นปรากฏการณ์ที่ช่วยยืนยันอำนาจการซื้อของตลาดเกิดใหม่ ที่ประชากรกำลังย้ายไปสู่โลกออนไลน์ เพื่อจัดการธุระในชีวิตประจำวันมากขึ้นเรื่อยๆ
"ในอินเดีย การค้าปลีกยังไม่มีระบบที่เข้มแข็ง แต่ด้วยประชากรขนาดมหาศาลกำลังทำให้ก้าวกระโดดจากการค้าปลีกที่ไม่มีระบบระเบียบ ไปสู่ eCommerce ซึ่ง Amazon และ Flipkart สามารถฉกฉวยช่องว่างตรงนี้ได้" Vamsi Vutukuru นักวิเคราะห์จาก Boomerang Commerce กล่าว
Flipkart ในวัยเพียง 7 ปี อาจจะหวังทาบรัศมี Alibaba ให้ได้ แต่ก็ต้องใช้เวลานานหลายปีกว่าจะไล่ตามผู้นำสัญชาติจีนได้ทัน Satish Meena นักวิเคราะห์จาก Forrester คาดว่าบริษัทอินเดียจะมีมูลค่าสินค้ารวมในช่วงกลางปี 2015 ที่ 2 พันล้านเหรียญ ขณะที่ Alibaba เฉพาะปีที่แล้วเพียงปีเดียว ก็มีมูลค่าการค้าถึง 2.48 แสนล้านแล้ว
ด้วยโมเดลทางธุรกิจที่แตกต่างกัน  Alibaba คือตลาดเปิดให้พ่อค้าปลีกมาเร่ขายสินค้าของตัวเอง แต่สำหรับ Flipkart แล้ว ใช้รูปแบบคล้ายกับ Amazon ที่้ต้องลงมาจัดการสินค้าคงคลัง และบริหารจัดการ logistic เอง จึงจำเป็นต้องใช้เวลาในการสร้างกิจการให้สมบูรณ์นานมากกว่า ยิ่งไปกว่านั้น อินเดียเพิ่งก้าวสู่ธุรกิจออนไลน์อย่างช้ามาก ทำให้ Forrester คาดว่า มูลค่าการค้าออนไลน์จะแตะ 1.6 พันล้านเหรียญในปี 2018
อย่างไรก็ตาม Flipkart ยังต้องเผชิญอุปสรรคด้านอื่น นั่นคือการแข่งขันกับผู้นำตลาดอย่าง Snapdeal (ได้รับการสนับสนุนจาก Softbank ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ Alibaba) ที่มีรายงานว่าเคยพบกับ Jack Ma และยังมี eBay ช่วยหนุนหลังอยู่ด้วย
นอกจากนั้นแล้วยังมี Amazon ที่สามารถสร้างตลาดอย่างรวดเร็ว ด้วยการทำการตลาดอย่างหนัก โดยตั้งเป้าว่าจะทุ่มทุนในอินเดียไว้ที่ 2 พันล้านเหรียญ
"อินเดียเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด ที่เราจะสร้างกระแสเงินสดได้อย่างอิสระ ต่อยอดไปถึงธุรกิจอื่นๆ ได้อีกมาก เราไม่มีลงทุนขนาด 2 พันล้านได้เลย ถ้าไม่มีหลักประกันถึงความเป็นไปได้" Jeff Bezo ให้สัมภาษณ์ระหว่างเยือนอินเดียเมื่อเดือนตุลาคม
Sachin Bansal ในตำแหน่ง CEO และ Binny Bansal ในตำแหน่ง COO ของ Flipkart เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนที่ Indian Institute of Technology ใน Dehli ทั้งคู่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวความสำเร็จใน Silicon Valley เพื่อเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง
"แม้ว่าเราจะเริ่มทำงานในบริษัทของคนอื่นๆ แต่เหมือนว่าเราได้เริ่มต้นธุรกิจแล้ว" Binny Bansal ให้สัมภาษณ์ India Today ในปี 2013 “สำหรับเราแล้ว ยังมีโอกาสอีกมากในอินเดีย"
การเพิ่มทุนรอบใหม่นี้ ทำให้ Flipkart ต้องเปิดเผยสัดส่วนการลงทุนของผู้ร่วมก่อตั้ง ซึ่งเป็นไปตามกฎระเบียบของสิงคโปร์ ซึ่งบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งขึ้นที่นั้น ที่กำหนดให้บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นเกิน 50 คน ต้องเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ โดย Flipkart ยืนยันว่าการเปิดเผยครั้งนี้ ไม่ได้เป็นสัญญาณใดๆ ว่าจะมี IPO
ข้อมูลจากที่เปิดเผย ทำให้ทราบว่า Bansal แต่ละคน ถือหุ้นคนละไม่ถึง 46% มีมูลค่าราว 940 ล้านเหรียญ และบริษัทมีมูลค่ารวม 1.1 หมื่นล้านเหรียญ
ด้วยเม็ดเงินลงทุนที่ระดมมาได้สูงถึง 2.45 พันล้านเหรียญ ทำให้คาดหมายถึงการเติบโตในวันข้างหน้า ด้วยองค์กรที่้มีพนักงาน 2 หมื่นคน และตัวเลขผู้ลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ 26 ล้านราย มูลค่าทั้งหมดของ Flipkart และมูลค่าหุ้นสุทธิของผู้ก่อตั้ง ยังจะต้องเพิ่้มขึ้นอีก
"ความท้าทายอันใหญ่หลวงของพวกเราก็คือ ความใหม่ของธุรกิจ eCommerce ทำให้ต้องเรียนรู้และพัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่อง” Binny Bansal กล่าว
[ภาพจาก Forbes.com]
 
ข่าวอื่นๆ