<div>
	ธนาคารไทยชี้ <span style="color:#2f4f4f;">Bitcoin Exchange </span>รายใหญ่ล้มละลาย เป็นสัญญาณเตือนภัยเงินตราเสมือน หลายประเทศยังไม่รับรองเป็นสกุลเงิน และอาจเรียกการเก็บภาษีเพื่อควบคุม หวั่นเกิดฟองสบู่ เนื่องจากไม่มีมูลค่าในตัวเอง</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<span style="color:#2f4f4f;">ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์ </span>เผยแพร่บทวิเคราะห์สถานภาพของ Bitcoin ภายหลัง <span style="color:#2f4f4f;">Mt.Gox</span> หนึ่งใน <span style="color:#2f4f4f;">Bitcoin Exchange</span> รายใหญ่ที่สุดในโลก ยื่นความจำนงต่อศาลในกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อขอล้มละลายและพิทักษ์ทรัพย์&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	เนื่องมาจากระบบซื้อขายออนไลน์ของ Mt. Gox ถูกแฮก ทำให้ <span style="color:#2f4f4f;">Bitcoin</span> ของลูกค้า <span style="color:#2f4f4f;">Mt.Gox </span>จำนวน 750,000 หน่วย และ Bitcoin ที่เป็นของ Mt.Gox เองจำนวน 100,000 หน่วยนั้นสูญหาย (ราคาซื้อขาย Bitcoin ในขณะนั้นอยู่ที่ 565 เหรียญสหรัฐฯ ต่อหน่วย มูลค่ารวมของ Bitcoin ที่ถูกจารกรรมไปจึงเท่ากับ 480 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือคิดเป็นประมาณ 7% ของมูลค่า Bitcoin ทั้งระบบทั่วโลก)&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ทั้งนี้ รายงานข่าวระบุว่า Mt. Gox มีลูกค้าอยู่ราว 127,000 คน ในจำนวนนี้เป็นคนญี่ปุ่นประมาณ 1,000 คน และในขณะนั้น Mt.Gox มีทรัพย์สินเหลือในบัญชีธนาคารเพียง 32.4 ล้านดอลลาร์ ซึ่งไม่พอสำหรับหนี้ค้างจ่ายแก่ลูกค้าจำนวนมหาศาล</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	นอกจากการล้มละลายของ Mt.Gox แล้ว &nbsp;ผู้ประกอบธุรกิจ <span style="color:#2f4f4f;">Bitcoin </span>รายอื่นๆ ยังเกิดข่าวคราว ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ใช้บริการต่อเนื่อง เช่น <span style="color:#2f4f4f;">Flexicoin</span> เว็บให้บริการฝาก Bitcoin ต้องปิดตัวลง หลังพบว่า <span style="color:#2f4f4f;">Bitcoin </span>ของลูกค้าถูกจารกรรมไปทั้งหมด เป็นจำนวน 896 หน่วย รวมมูลค่าราว 600,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือเทคโนโลยีที่ปิดบังตัวตนผู้ใช้นั่นเอง ทำให้เกิดตลาดมืดซื้อขายสินค้าผิดกฎหมายออนไลน์ขนาดใหญ่ เช่น <span style="color:#2f4f4f;">Silk Road </span>ซึ่งเป็นแหล่งซื้อขายยาเสพติด และสินค้าผิดกฎหมายมูลค่านับร้อยล้านเหรียญสหรัฐฯ</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	อย่างไรก็ตาม ผู้สนใจในธุรกิจและผู้ใช้งาน Bitcoin ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลของ <span style="color:#2f4f4f;">coindesk.com </span>ในปี 2014 มี Venture capital สนใจเข้ามาร่วมลงทุนในบริษัทเกิดใหม่ (Start-up) ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับ Bitcoin ด้วยมูลค่ารวมกว่า 64 ล้านเหรียญสหรัฐฯ &nbsp;อีกทั้งยังมีการติดตั้งเครื่อง ATM สำหรับ Bitcoin แล้วในหลายประเทศ และมีการจัดตั้งกองทุนที่ลงทุนใน <span style="color:#2f4f4f;">Bitcoin</span> เช่น Winklevoss Bitcoin ซึ่งกำลังจะจดทะเบียนเป็น ETF เข้าไปซื้อขายในตลาด NASDAQ เว็บไซต์หลายแห่งเช่น Overstock และ Zynga ยอมรับการชำระสินค้าเป็น Bitcoin นอกจากนี้ยังมีกิจการหลายแห่ง เช่น Ebay Expedia และ Dish Network ที่มีแผนที่จะยอมรับให้นำระบบเงินดิจิตอลมาใช้จ่ายชำระค่าสินค้าในอนาคต&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ด้านจำนวนผู้ใช้ก็ได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน จากข้อมูลของ <span style="color:#2f4f4f;">blockchain.com</span> มีผู้ลงทะเบียนเปิดบัญชีซื้อขาย Bitcoin ซึ่งเรียกว่า &ldquo;Wallet&rdquo; แล้วราว 1.8 ล้านบัญชี<br />
	<br />
	<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/%E0%B9%8CNEWS/BC1.png" /></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	อย่างไรก็ตามหน่วยกำกับควบคุมเงินตราในหลายประเทศ ประกาศไม่รับรอง Bitcoin ว่าเป็นสกุลเงินตราแล้ว และจะใช้มาตรการภาษีควบคุมการขยายตัวของตลาดเงินตราเสมือน เช่น รัฐบาลจีนออกคำสั่งห้ามไม่ให้สถาบันการเงินจีนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับธุรกิจเงินตราเสมือน โดยห้ามไม่ให้ธนาคารรับเปิดบัญชีเงินฝากกับเว็บไซต์ที่รับฝากหรือซื้อขายเงินเสมือน (Cyber exchange) ขณะที่กระทรวงการคลังของเยอรมนีประกาศสถานะของ<span style="color:#2f4f4f;"> Bitcoin </span>ว่าไม่ใช่เงินอิเลกทรอนิกส์ (e-money) และไม่ใช่เงินสกุลต่างประเทศ (<span style="color:#2f4f4f;">foreign currency</span>) แต่มีสถานะเป็นทรัพย์สินส่วนบุคคล (private money) บุคคลทั่วไปสามารถถือครองและซื้อขายแลกเปลี่ยนได้ โดยผู้ถือครอง Bitcoin ต้องแจ้งจำนวนที่ถือครองต่อทางการ และหากมีรายได้จากการค้า Bitcoin จะต้องนำมาคำนวณรวมเพื่อประเมินภาษี</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ด้านธนาคารแห่งประเทศไทยได้แจ้งเตือนแล้วว่า<span style="color:#2f4f4f;"> Bitcoin </span>ไม่ถือเป็นเงินที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายไทย และไม่มีมูลค่าในตัวเอง มูลค่าของหน่วยข้อมูลดังกล่าวจะแปรผันไปตามความต้องการของกลุ่มคนที่ซื้อขาย และจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่มีค่าได้เมื่อไม่มีผู้ใดต้องการแล้ว<br />
	<br />
	<img class="img-responsive" alt="" class="img-responsive" src="/uploads/userfiles/images/%E0%B9%8CNEWS/BC2.png" /></div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ด้านผู้ใช้งานที่เชื่อมั่นใน<span style="color:#2f4f4f;"> Bitcoin </span>กลับมองว่า เหตุที่เงินตราเสมือนชนิดนี้ดีกว่าระบบการแลกเปลี่ยนเงินตรารูปแบบเดิม เนื่องจากเป็นการจ่ายเงินชำระราคาผ่านระบบออนไลน์ ที่มีต้นทุนต่ำกว่าการโอนเงินผ่านธนาคาร และจะไม่ถูกแทรกแซงโดยรัฐบาลหรือธนาคารกลาง ปริมาณ Bitcoin ที่เกิดขึ้นใหม่จะถูกจำกัดด้วยการเข้ารหัสทางคณิตศาสตร์ที่ยากขึ้นตามลำดับ ปริมาณของ Bitcoin ที่เกิดขึ้นใหม่จึงน้อยลง และทำให้มูลค่า <span style="color:#2f4f4f;">Bitcoin </span>จะไม่ลดลงเหมือนกับเงินสกุลจริง (ดังเช่นเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่ด้อยค่าลงเนื่องจากมาตรการ QE)&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	นอกจากนี้ การทำธุรกรรมทุกรายการจะถูกตรวจสอบและบันทึกไว้โดยคอมพิวเตอร์ที่อยู่ในระบบเครือข่ายของกลุ่มผู้ใช้อินเทอร์เน็ตร่วมกัน จึงมีความน่าเชื่อถือระดับหนึ่งเพราะมีการช่วยตรวจสอบซึ่งกันและกัน&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	อย่างไรก็ตาม การที่เว็บไซต์ผู้รับฝาก Bitcoin เช่น Mt.Gox ปิดกิจการและสร้างความเสียหายให้กับลูกค้า<span style="color:#2f4f4f;"> Mt.Gox</span> เป็นเหตุการณ์ที่ชี้ว่าการซื้อขายหรือถือเงิน Bitcoin ยังมีความเสี่ยงสูง และอาจไม่ปลอดภัยดังที่ผู้ใช้งาน Bitcoin คาดหวัง&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	หลายฝ่ายยังเตือนว่า การที่ <span style="color:#2f4f4f;">Bitcoin </span>มีราคาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีผู้สนใจเข้าร่วมจำนวนมากขึ้น ทำให้เกิดคำถามว่า Bitcoin จะเป็นฟองสบู่หรือไม่ ความเห็นจากผู้เชี่ยวชาญของ<span style="color:#2f4f4f;"> Federal Reserve Bank of St. Louis</span> มองว่าสินทรัพย์ที่เข้าข่ายเป็นฟองสบู่ คือสินทรัพย์ที่มีราคา (Price) มากกว่ามูลค่าของตัวมันเอง (Intrinsic value) ด้วยคำจำกัดความนี้ อาจกล่าวได้ว่า Bitcoin เป็นฟองสบู่ เพราะว่า Bitcoin ไม่มีมูลค่าในตัวเอง หรือ Intrinsic value มีค่าเท่ากับศูนย์</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	แต่กลับเกิดความเห็นแย้งคือ สินทรัพย์ประเภทอื่นเช่นทองคำ ก็น่าจะจัดเป็นฟองสบู่ด้วยเช่นกัน เพราะทองคำมีราคาสูงกว่ามูลค่าในตัวเอง ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วฟองสบู่ของ <span style="color:#2f4f4f;">Bitcoin </span>ต่างจากฟองสบู่ของทองคำหรือไม่อย่างไร ในรายงานของฉบับดังกล่าวชี้ว่า ให้วิเคราะห์จากอุปสงค์และอุปทานของสินทรัพย์ ซึ่งเป็นปัจจัยกำหนดเสถียรภาพของราคา จริงอยู่ว่า Bitcoin และทองคำมีลักษณะคล้ายกันตรงที่มีอุปทานอย่างจำกัด แต่ในด้านอุปสงค์นั้น ทองคำนั้นได้รับการพิสูจน์มาแล้วกว่าร้อยปีว่ามีความต้องการที่แท้จริง อย่างน้อยก็จากการใช้งานในอุตสาหกรรม ใช้เป็นเครื่องประดับ และความต้องการจากธนาคารกลาง&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	แต่สำหรับ Bitcoin ยังมีข้อสงสัยว่าความต้องการใน <span style="color:#2f4f4f;">Bitcoin </span>จะเป็นความต้องการที่ขยายตัวอย่างยั่งยืนหรือไม่ ถ้าคำตอบคือไม่ ย่อมหมายความว่า <span style="color:#2f4f4f;">Bitcoin </span>คือฟองสบู่ที่ไม่ยั่งยืน และราคาของ Bitcoin ควรกลับไปหามูลค่าที่แท้จริงของตนเองในที่สุด &nbsp;&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	ด้านศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ ธนาคารไทยพาณิชย์มองว่า Bitcoin ยังไม่สามารถใช้ทดแทนเงินในวงกว้างได้ การล้มละลายของ Mt. Gox น่าจะทำให้ผู้เล่นในตลาด Bitcoin ตระหนักว่า การใช้งาน Bitcoin ไม่ว่าจะเพื่อเก็งกำไรหรือนำมาใช้แทนเงินตรายังมีความเสี่ยงสูงมาก&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	นอกจากนี้ยังมีหน่วยงานกำกับดูแลของหลายประเทศที่ออกมาเตือนผู้ซื้อผู้ขาย Bitcoin อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าหน่วยงานในบางประเทศจะไม่ได้ห้ามการซื้อขาย แต่หากรัฐบาลประเทศต่างๆ เริ่มเก็บภาษีบนธุรกรรมซื้อขายเงินเสมือนดังที่ประกาศไว้ ย่อมหมายความว่าการซื้อขาย Bitcoin จะมีต้นทุนสูงขึ้นทันที และจะเป็นการควบคุมการเติบโตของตลาด Bitcoin ไปในตัว&nbsp;</div>
<div>
	&nbsp;</div>
<div>
	<strong>โดยสรุปแล้ว <span style="color:#2f4f4f;">Bitcoin</span> เป็นระบบการสร้างและถ่ายโอนความมั่งคั่ง ที่ได้ผ่านการคิดค้นขึ้นมาอย่างน่าสนใจ แต่ขณะนี้ยังไม่ใช่ระบบที่สมบูรณ์ที่จะมาใช้แทนการชำระเงินในวงกว้างได้ การซื้อเพื่อลงทุน Bitcoin อาจเข้าข่ายเป็น "ฟองสบู่" &nbsp;เนื่องจากไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามีมูลค่าในตัวเองหรือเกิดความต้องการที่แท้จริง อย่างไรก็ตาม ตลาดซื้อขาย <span style="color:#2f4f4f;">Bitcoin</span> น่าจะยังคงมีต่อไป เนื่องจากยังมีผู้ที่เชื่อในระบบ Bitcoin อยู่อีกมาก แต่การขยายตัวจะไม่ได้เพิ่มขึ้นรวดเร็วเหมือนกับช่วงปีที่ผ่านมา</strong></div>
<div>
	&nbsp;</div>

News

Forbes lists

World

Leaderboard

Commentaries

Forbes life

Events